4 ธ.ค. 2023 เวลา 06:45 • ไลฟ์สไตล์

ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง | Follow the Money

เมื่อไม่นานมานี้สภาพัฒน์ได้จับตา BNPL
หรือซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later)
ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่สร้างหนี้ที่มาแรงในไทย
หลังจากที่หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งแตะ 16.07 ล้านล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.6% เมื่อเทียบกับปีต่อปี
และส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 90.6%
ในทางเดียวกันหนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้นสูงมหาศาล
ก็มาพร้อมกับความสามารถในการชำระหนี้ที่น้อยลง
โดยมมี NPL มากถึง 1.47 แสนล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นราว 2.68% จากไตรมาสก่อน
กระแสซื้อก่อน จ่ายทีหลัง
1
ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง เป็นกระแสในประเทศไทยมาระยะหนึ่ง
โดยเป็นสินเชื่อออนไลน์ที่ทำให้เกิดการผ่อนชำระ
และเป็นบริการที่เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ
ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยใช้เพียงบัตรประชาชน
ตามรายงาน Thailand Buy Now Pay Later Market Report 2022
คาดว่า BNPL ในปี 2565 จะอยู่ที่ราว 5.5-6.5 หมื่นล้านบาท
โดยจากการเก็บข้อมูลคนอายุ 15-55 ปี
พบว่า Gen Y เป็นกลุ่มที่ใช้บริการมากที่สุด
และผู้ใช้งาน 1 ใน 3 มีเงินเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท
ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงาน BNPL
มากกว่า 50% ของ Gen Y มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท
แต่ใช้บริการ BNPL มากที่สุดในประเทศไทย
โดยส่วนใหญ่มักซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากกว่าสิ่งอื่น
3 ใน 5 ตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น ถ้ามีบริการ BNPL
และส่วนใหญ่มักมีหนี้เดิมอยู่แล้ว และกลายเป็นกลุ่ม
ที่ผันตัวไปผิดนัดชำระหนี้มากที่สุดอีกด้วย
ผู้คนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการ BNPL มักซื้อของที่ไม่จำเป็น
แต่เน้นการซื้อของตอบแทนตัวเองหรือเป็นรางวัลให้ตนเอง
หรือในคนบางกลุ่มจะเรียกว่า ‘ของมันต้องมี’
ผู้มีรายได้น้อยมักติดกับดักหนี้ และไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ครบ
แต่จะไม่ผันตัวไปสู่หนี้เสีย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือชำระคืนครบแล้วกู้ใหม่
วนแบบนี้ซ้ำ ๆ เป็นวงจรซ้ำซาก
อย่างไรก็ตามถือเป็นข้อดีที่ว่าผู้ใช้บริการ BNPL
ส่วนใหญ่แล้วมักไม่ผิดนัดชำระหนี้ในรอบ 6 เดือนเลย
ทั้งนี้ประเทศไทยกำลังวางแผนดูแลจัดการ
ผู้ให้บริการ BNPL ภายในประเทศทั้งหมด
ทำให้ต้องจับตาต่อไปว่าประเทศไทยจะเดินไปทางไหนต่อไป
- - - - - - - - - -
💸 ฝากกดติดตามเพจ Follow The Money เพจที่จะให้ความรู้ด้านการเงิน การลงทุน มาร่วม #คว้าโอกาสสร้างเงินอย่างยั่งยืน ไปด้วยกัน 👍
#FollowTheMoney #หนี้เสีย #หนี้สิน #การเงิน #การลงทุน #GenY
โฆษณา