6 ธ.ค. 2023 เวลา 15:37 • ปรัชญา
เมื่อเราอยากฝึกตัวเอง ..จิตที่เกิดมาในโลก มีกายเป็นมนุษย์ เกิดมาก็ถือกรรมมา บางคนก็ว่า เด็กนั้นถือกรรม กำมือ.เราจึงเห็นแรกเกิดมีแต่นอนกำมือกัน คราวนี้ เราก็ควรทำความเข้าในในกายที่เราอาศัย ..กายนั้นเป็นของพ่อแม่เรา ที่เข้าเรียนว่า ธาตุนะโม ที่หมายถึง เลือดสองก้นมาผสมกัน มีธาตุทั้งสี่ ..ที่ที่บันทึกเก็บสะสมกรรมของเรามาประกอบกับธาตุพ่อแม่ ที่เป็นมนุษย์ จิตเราก็ติดตามมากับธาตุทั่งสี่ที่มาประกอบกับธาตุพ่อแม่ เกิดเป็นคำว่าสังขารกรรม คือ กายที่เราอาศัยอยู่
เมื่อเรามาอาศัยเรือนกายพ่อแม่อยู่ กายนี้มีพระคุณ เมื่อเรารู้ว่า มีพระคุณแก่จิตของเรา เราก็นำกายนี้มาสร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้น มีความระลึกถึงคุณของพ่อแม่ เรรไม่ได้นำพากายนี้ไปสร้างกรรมด้วยความโลภโกรธหลงอย่างเดียว เราระลึกในพระคุณ เรากตัญญูรู้คุณของกายพ่อแม่ นำกายนี้มาสร้างเป็นบุญบารมี ธาตุนะโมที่เราอาศัยอยู่ ก็เขื่อมต่อไปถึงกายพ่อแม่ พ่อแม่ก็ได้รับบุญกุศลที่ลูกนำกายนี้ มาสร้างบุญกุศลปฏิบัติธรรม..จิตของบุตรธิดาระลึกได้ ก็ได้ความกตัญญูรู้คุณไปด้วย ได้ตอบแทนธาตุนะโมที่จิตนั่นอาศัย
กายต้องถูกปรุงแต่ง ขึ้นมาด้วยอารมณ์นึกคิดที่เราไปเรียนรู้มา มีกรรมมีอารมณ์ที่ไหลออกจากธาตุทั้งสี่ ต้องเจอะเจออุปสรรคในชีวิต อะไรต่างๆแตกต่างกันไป ในลักษณะที่ไม่เที่ยง กายที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่คงที่ เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวป่วย เดี๋ยว มีอารมณ์พอใจไม่พอใจ โลภโกรธหลงเกิดขึ้น
ก็เหมือนกับว่า จิตของเราที่อาศัยอยู่ในกาย นั้นต้องตกเป็นธาตุ รับใช้อารมณ์ที่ปรุงแต่งกาย อารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการไปสัมผัส ..รับรู้เรื่องราวต่าง เก็บบันทึกเข้ามาในตัวตน .ซึ่งเป็นสิ่งที่มีการบันทึกเรื่องราวของเราที่เกิดขึ้นในตัวตนตลอดเวลา ..บันทึกกรรมที่เราสร้างด้วยกายวาจาใจ มีกิริยาไปตามอารมณ์
คราวนี้ เมื่อเราจะเริ่มต้นศึกษาประพฤติ เราจะศึกษา ธรรมของใคร การประพฤติปฏิบัติธรรมของใคร ..การสร้างบุญกุศล เราควรจะศึกษา จากเรื่องราวอะไร เราก็ศึกษาเรื่องราวของชาดก เรื่องราวของพระเวสสันดร เรื่องราวขององค์พระสิทธัตถะ ..ที่ท่านท้องเวียงวังไปอยู่ในป่า ทำไมท่านถึงทิ้งเวียงวัง ในเวียงวัง..ที่มีสิ่งสะดวกสบาย คำยกย่องสรรเสริญเยินยอ ยศฐานบรรดาศักดิ์อะไรต่างๆ ..ทำไมท่านถึงหนี ..หนีโดยที่ไม่บอกกล่าวใคร ในเวียงวัง .
เมื่อเราศึกษาไปในเรื่ิงของการยุติการเกิด .เราก็ค่อยศึกษาว่า จิตเรานั้นคืออะไรกันแน่ ก็คือตัวเรา เราก็เลยต้องมาฝึกหัดปฏิบัติธรรม ให้รู้จักสติ รู้จักอารมณ์..นึกคิดของเรา มันเป็นจิตของเราหรือ ..นั่นก็ค่อเราต้องฝึกหัดจิตของเราให้มีสติสัมปชัญญะ รู้จักอารมณ์นั้นมันเป็นอย่างไร ไหลมาจากไหน เราก็ไปเรียนรู้ แต่เราก็ไม่มีปัญญาในธรรม ขนาดที่จะฟังว่า สิ่งต่างๆไหลมาแต่เหตุ แล้วเราก็ดับเหตุนั้นเสีย ..เหมือนที่พระอัสสชิท่านบอกกล่าว.
เมื่อเรารู้ว่าว่าตัวเรายังไม่มีบุญกุศลบารมี เราก็นำเรือนของพ่อแม่ที่เราอาศัย นำมากราบพระ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระสงฆ์สาวกที่จิตท่านบริสุทธิ์แล้ว แล้วท่านก็ยังช่วยสงเคราะห์พระศาสนาให้อยู่ครบห้าพันปี) เราก็นำกายพ่อแม่ที่เราอาศัยมาฝึกหัดกราบพระ สวดมนต์บูชาคุณ สร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้น
เราก็ควรเรียนรู้จักวิธีทำบุญทำทาน แล้วเราก็คงไม่สามารถไปเห็น วิธีทำบุญทำทานสมัยต้นพุทธกาล ที่พระอรหันน์สอนญาติโยมให้กระทำ สอนให่เอาจิตมากราบพระ เอาจิตมาสร้างบุญกุศลต่างๆ ไม่ได้เอาอารมณ์มากราบพระสร้างบุญสร้างกุศล เรียกร้องร่ำรวย ยศศักดิ์ต่างๆ เค้าสร้างบุญกุศล ด้วยปัจจัยที่ไปหามาได้ด้วยเรือนกายของพ่อแม่ที่จิตอาศัย แล้วก็แบ่งปัน..แปรสภาพให้เกิดเป็นบุญ
เรื่องของบุญกุศล เราก็ศึกษาว่า บุญกุศลเกิดขึ้นได้อย่างไร มีลักษณะเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องสะสมบุญ แล้วมีความสำคัญอย่างไรต่อจิตที่มาอาศัยกายชั่วขณะหนึ่ง
คงพอแค่นี้ก่อน …เพราะเรือ่งราวของธรรม นั่นเป็นเรื่องราวของการชี้ให้สร้างบุญกุศลบารมี ลดละความโลภโกรธหลงออกไป .เพื่อที่จะทำอารมณ์ที่นำพาจิตของเราไปสร้างกรรม ให้มันลดน้อยถอยลงไป ..เรื่องราวของบุญกุศล ..ทำไม่ทำแล้ว จึงสามารถเกิดการอโหสิกรรมกันเกิดขึ้น ..แล้วก็เรื่องราวของธาตุทั้งสี่ดินน้ำลมไฟต่าง เราก็ต้องค่อยเรียนรู้ขึ้น ด้วยอาศัยการประพฤติปฏิบัติ รอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรื่องราวของการสร้างบุญกุศลบารมี นั้น จะช่วยทำให้จิตของเราขยับขยายโตขึ้น แล้วเรียนรู้จักอารมณ์ในกาย รู้จักสิ่งที่เป็นนามธรรม ..ที่เค้าเรียกว่าเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณทั้งหก แล้วก็อารมณ์ ล้วมเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ เราต้องทำให้จิตเราตื่นขึ้นมาเรียนรู้จักขึ้น ..จนเกิดมีปัญญาของจิตเกิดขึ้น
เรื่องราวของคำว่า ธรรม ธรรมที่ทำหลงไหลยึดถือก็มี เข่น ..ให้ไปยึดถือตะกรุด ผ้ายันต์ ขอลขลัง คาถาอาคม ..ธรรมคัดเอ้าท์กรรมก็มี แต่เวลาฟังธรรมคัดเอ้าท์กรรม นี้มันเชือดเฉือนจิต ..หากตั้งสติไม่ได้ ไม่ใช้เหตุผล คัดกรองตัวเอง .นิสัยเวรกรรม มันก็เกิดเป็นอุปสรรคขึ้นมาได้ เหมือนกัน..เพราะการฟังธรรม ..แบบนี้ .อาจจะหลงเข้าใจผิดว่า เค้ามาด่าว่าติเตียนตัวเรา .ที่แท้เข้าให้จับผิดอารมณ์นึกคิดของตัวเอง .ว่าอารมณ์นั้นมันเป็นพิษอย่างไร เราจะได้ไม่ไปใช้มาทำลายตัวเราเองกายขิงตัวเราเอง
เรื่องของการฝึกหัดจิต ให้มีสติสัมปชัญญะรู้จักกรรม มีสติสัมปชัญญะรู้จักธรรม เพื่อสร้างบุญกุศลบารมีหนีเวรกรรม นั้น เป็นเรื่องของความเพียรพยายาม ที่ใช้กายพ่อแม่ มากระทำ สร้างบุญกุศล สวดมนต์ ประพฤติปฏิบัติธรรม ต้องก้าวให้พ้นอุปสรรค คือความขี้เกียจของตัวเอง
ถึงเวลาประพฤติปฏิบัติธรรม ก็วางเรื่องราวอะไรออกไปจากจิต มุ่งมั่นอยู่กับสิ่งที่กำลังกระทำ กำลังปฏิบัติธรรม เพราะเห็นธรรมเป็นใหญ่ กระทำให้กายนิ่งจิตนิ่ง ให้ได้ ..พอกายนิ่งจิตเรานิ่งได้ ก็เป็นเรื่ิงราวที่ละเอียดอ่อน เป็นเรื่องของวิญญาณทั้งหก ว่า ทำให้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ในการไปสีมผัสสิางต่างๆ มันเกิดอารมณ์กรรม เกิดความหลงใหลเกิดขึ้นอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของจิตที่มีคว่ามเข้มแข็ง ที่จะไปพิจารณาเหตุผลต่างๆ รวบรวมให้เกิดปัญญาธรรม เพื่อจะละให้จิตพ้นเรื่องราวของอารมณ์ต่างๆ
โฆษณา