22 ม.ค. เวลา 14:46 • ความคิดเห็น
เมื่อพูดถึง คำว่า ธรรม ธรรมนั้นออกมาจากคำพูดของใคร เรามามาดูต้นตอของพระศาสนา ท่านต้องไปอยู่ป่า ..สละยศฐาน บรรดาศักดิ์ ไปฏิบัติธรรม อดยากทุกข์ทรมาน เพื่ิอให้จิต พ้นทุกข์ พ้นทุกข์ ..ทุกข์นั้นคืออะไร ยุติการเกิดต้องทำอย่างไร ..เราไม่ได้ มองว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติ เรามองในสิ่ง ที่เรียกว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นคืออะไรกัน เรามองที่แนวทางคำสอนของท่าน สอนในเรื่องการประพฤติปฏิบัติธรรม ..นั่นทำอย่างไร ถึงจะให้จิตพ้นทุกข์ ..มันคงไม่ใช่
เรื่องธรรมะ คือ ธรรมชาติ คำว่า ธรรมชาติ มันเหมือนเรื่อง พูดชี้แนะที่มาที่ไปไม่ได้ เหมือนเรื่องชีวิต ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ที่อารมณ์ในโลก ปรุงแต่งให้นำพาไป .. แล้วธรรมชาติ ที่ว่า นั้น กายอารมณ์จิต มีในตัวตนของมนุษย์ที่ยังมีกาย มันเป็นอย่างไรบ้าง ..ตัวตนของอารมณ์นึกคิด ตัวตนของจิตเป็นอย่างไร มันเกิดอย่างไรกันแน่ จับต้องได้หรือไม่ ..
ฉะนั้น เรามองเรื่องของธรรม เรื่องของคำสอน ..ที่มาจากผู้ที่มีธรรม จนจิตนั้น เข้าไปถึงคำว่าธรรมได้ . เช่นคำว่า ธรรมจักร ..เราก็คงเคยได้ยินบ้าง ..เรื่องของผู้ที่ที่ถือธรรมจักร จิตของใครที่เข้าไปถึง ..ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงได้ ..คงไม่ใช่เรื่องอารมณ์อุปโลกน์ ตามทีอารมณ์อุปโลกน์ให้ ..ด่วนสรุป ..ธรรมะ คือ ธรรมชาติ .. แล้วจิตของท่านเข้าถึงธรรมแล้วหรือ ผู้ที่เค้าไปหาธรรม..ท่านกระทำทิ้งทุกอย่างไปอยู่ป่า ไปนั่งเล่นเฉย กินนอนดู เสือสิง บรรลุธรรมหรือ ท่านไปกระทำอะไรกันในป่า?
คราวนี้ จิตของผู้ที่มีธรรม เราเป็นจิตน้อยๆ..ไม่สามารถมองอ่านจิตของผู้ที่มีธรรมได้เลย เหมือนจิตที่อยู่ต่ำๆ ก็มองไม่เห็นจิตที่อยู่สูงๆ .แต่จิตอยู่สูง ท่านมองเห็นเรื่องราวจิตต่ำๆได้ ..แล้วเราก็เกิดในยุคกึ่งกลางศาสนา ไม่ได้เห็นพระวรกายท่าน ไม่ได้ยินพระสุรเสียงของท่าน ที่มีกระแสของธรรม (เป็นอย่างไรล่ะ) ที่สามารถเข้าไปสะกิดจิตที่อาศัยในเรือนกาย นั้นให้ตื่นขึ้น ตื่นขึ้นมา .ประพฤติปฏิบัติธรรม จนหลุดพ้น
.. เพราะฉะนั้นเรื่ิองราวของคำว่า ธรรม นำพาให้จิตพ้นทุกข์ นั่นคือ อะไร ..คงไม่ใช่เรื่องธรรมชาติละมั้ง .. เรื่องธรรมชาติมันก็มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน ระบบย่อยอาหารไม่เหมือนกัน เหมือนควายกินหญ้าก็ตัวโตได้ เสือก็ต้องไปกิน สัตว์กินหญ้า มาทำร่างกายมันโต ..ธรรมชาติมันแตกต่างกัน ..ไม่รู้ว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติเค้าหมายถึงอะไรกัน ..นี่ถ้ารู้อย่างนี้ ..ไม่ต้องไปอยู่ป่าหรอก .อยู่บ้านอยู่วังก็ตรัสรู้แล้ว เป็นผู้สำเร็จธรรมด้วยการอ่านคำภีร์ตำรา
เมื่อเรามองดูวัตถุ ..วัตถุสิ่งของเป็นธรรมชาติ ..มองดูคนนี้คนนั้น เหมือนที่มองวัตถุมั้ย ..มองดูคนติฉินนินทา มองดูอันธพาล ..ดูโจร ..เป็นธรรมชาติมั้ย ..มีอารมณ์นึกคิดอะไรในการมองดูในสิ่งตาเห็น ..เป็นธรรมชาติมั้ย
.มั้นมีอะไรที่ซ่อนเร้นในคำว่าชีวิต ..ที่เราใช้กาย..แวดล้อมในธรรมชาติ มีลมฟ้าลมหนาวลมรอนมันเกิดขึ้น มีสุขทุกข์ในธรรมชาติมั้ย .. จะบอกว่า มันเป็นธรรมชาติได้มั้ย เดี๋ยวหิวกระหาย เดี๋ยวมีราคะตัณหา ทะเยอทะยาน ..เกิดๆดับๆ เดี๋ยวเกิด เดี๋ยวดับ เดี๋ยวรอนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวเจ็บป่วย เป็นธรรมชาติ ..เป็นธรรมะหรือ..ว่าสิ่งนั้นคือ กรรม..ที่สัตว์โลกใหลหลง ..ออกจากเขาวงกตไม่ได้เลย ..
โฆษณา