1 ก.พ. เวลา 06:38 • ครอบครัว & เด็ก

มนุษย์กับพระเจ้า เหมือนแขนงกับเถาองุ่น

‭‭ยอห์น‬ ‭15:4‭-‬5‬ ‭THSV11‬‬
[4] “จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา [5] เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย”
พระคำก็ยกเอาเถาองุ่นมาเปรียบเทียบถึงชีวิตของคนเราครับ เปรียบว่าพระเจ้าเปรียบเหมือนกับเถาองุ่น มนุษย์เรานั้นเปรียบเหมือนแขนงซึ่งมันอยู่ได้ออกผลได้ก็เพราะมันเชื่อมติดอยู่กับเถาใช่ไหมครับ ก็เช่นเดียวกันถ้ามนุษย์ใช้ชีวิตไปโดยปราศจากพระเจ้าแล้ว มันก็จะกลายเป็นความทุกข์ยากลำบากหรือความพยายามที่ว่างเปล่าเท่านั้นครับ
หลายคนก็ยังไม่เคยได้รู้กับความจริงนี้หรืออาจเคยได้ยินมาบ้างกับเรื่องของพระเจ้าพระเยซูและพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่ก็ไม่เคยสัมผัสว่าเกี่ยวข้องอะไรยังไงกับตัวเองครับ ซึ่งชีวิตแบบนั้นมันก็จะเป็นเหมือนคนที่กำลังอยู่ในโลกความฝัน แต่หนักกว่าตรงที่เหมือนคนที่กำลังหลับสนิทในบ้านที่ไฟกำลังไหม้ คือความตายภัยพิบัติกำลังเข้ามาแบบไม่ทันให้ได้รู้ตัวประมาณนั้นครับ
เพราะความบาปครับที่ทำให้มนุษย์เราต้องมาอยู่กับโลกที่เต็มด้วยความทุกข์ยากลำบากแบบนี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่มนุษย์คู่แรกทำเรื่องผิดพลาดและส่งผลกระทบร้ายแรงมาจนถึงปัจจุบันนี้ครับ
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ยังมีรออยู่ข้างหน้าด้วยครับ กับชีวิตหลังความตายหรือนรกครับ ดวงวิญญาณของทุกคนก็จะต้องไปอยู่ที่นั่นอีกหลังเวลาบนโลกนี้ได้จบลงครับ
ถ้าชีวิตของมนุษย์มันมีแค่นี้มันก็เป็นอะไรที่น่าหดหู่น่าสมเพชมากที่สุดเลยนะครับกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็สมควรที่หลายคนพยายามคิดค้นกันว่าจะต้องทำอย่างไรที่จะไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ให้มันดับสูญหายไปเลย
แต่มีข่าวดีคือความจริงมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และชีวิตมนุษย์ก็ไม่ได้จบลงอย่างน่าสมเพชแบบนั้นครับ เพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์เราและจักรวาลนี้ขึ้นมา พระองค์ไม่ยอมที่จะปล่อยให้จบแบบนั้น ในฐานะของผู้ปกครองเหมือนพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เมื่อลูกทำผิดต้องรับผิดชอบ พระองค์ก็ได้ส่งพระเยซูลงมายังโลกเพื่อมาตายไถ่ความผิดบาปให้กับมนุษย์ทุกคนครับ เพื่อนำการคืนดีกันกลับคืนมาระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ที่ได้แยกกันตั้งแต่ความผิดพลาดของมนุษย์คู่แรก
พระเยซูก็ตายไปสามวันแล้วฟื้นคืนมาประกาศอิสรภาพหรือชัยชนะเหนือความตายความบาปให้กับมนุษย์ ตอนนี้พระองค์ก็สถิตย์อยู่ในบรรดาผู้ที่เชื่อครับ และพระเจ้าก็ยังได้ประทานพระคัมภีร์ไบเบิ้ลลงมาด้วยหลังจากที่พระเยซูได้เสด็จกลับคืนสู่สวรรค์ นับจากนั้นพวกสาวกก็ได้เริ่มออกป่าวประกาศข่าวดีนี้ให้กับทุกคน และกับบรรดาผู้ที่ได้ยินและรับไว้ด้วยความเชื่อก็ได้เห็นการอัศจรรย์จากพระเจ้าที่ได้เข้ามาทำงานในชีวิตของตนตามที่พระคำได้บันทึกบอกไว้
เอาตัวอย่างเรื่องจริงมาคุยให้ฟังดีกว่านะครับ จะได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าทำไมมนุษย์เราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยการที่ต้องมีพระเจ้า ก็เป็นเรื่องของผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐคนหนึ่งชื่อเชโยฮัน ตอนนี้ประจำอยู่ที่อเมริกา สมัยเมื่อเขายังเป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษาก็ได้ไปฝึกงานในโครงการอาสาสมัครต่างประเทศของอ.อ้อคซูพารค และเขาเลือกไปประเทศไลบีเรียครับ
ตอนอยู่ที่นั่นวันหนึ่งตอนกลางคืนเขาถูกแมงป่องอาฟริกาต่อย แต่ก็ปล่อยไว้เพราะไม่รู้ตัวว่าโดนแมงปล่องชนิดนี้ต่อย จนตกช่วงบ่ายอีกวันจึงออกอาการหมดสติชักตาค้างอุจาระปัสสาวะออกมาหมด อาจารย์ที่ประจำอยู่ที่นั่นรีบพาไปหาหมอถามจากเพื่อนร่วมโครงการเห็นอาการเห็นแผลที่เท้าแล้วก็ปฏิเสธที่จะรับครับ บอกว่ายังไงก็ไม่รอด
ก็รีบพาไปอีกแห่งก็ตอบเหมือนกันก็ให้ช่วยทำCPR เพราะหัวใจเขาหยุดเต้นไปแล้ว แต่หมอก็ยังยืนยันว่ายังไงก็ไม่รอดเพราะทิ้งไว้นานแบบนี้พิษมันกระจายไปทั่วร่างแล้ว ขนาดคนที่ถูกแมงป่องชนิดนี้ต่อยรีบมายังรอดยาก แต่รายนี้ทิ้งไว้นานเกินไป
อาจารย์ที่นั่นก็ร้องไห้โทรศัพท์มาหาอ.พารคที่เกาหลีเล่าเรื่องให้ฟัง อ.พารคก็ขอสายให้วางโทรศัพท์ข้างหูของเชโยฮันเพื่อคุยกับเขาครับ ซึ่งตอนนั้นเชโยฮันก็กำลังรู้สึกตัวตื่นสลึมสลือขึ้นมาหลังทำ CPR อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น อ.พารคก็เรียกและคุยกับเขาประมาณนี้ครับ เชโยฮัน เธอกำลังจะตายเพราะถูกแมงป่องอาฟริกาต่อยนะ..แต่เมื่อเช้าฉันได้อ่านพระคัมภีร์ฯ ‭‭อิสยาห์‬ ‭40:30‭-‬31‬ ‭THSV11‬‬
[30] “แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว [31] แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย”
เธอรอคอยพระเจ้านะเชโยฮัน และพระเจ้าจะให้กำลังใหม่กับเธอ” อ.พารคก็คุยย้ำไปมาแบบนี้จนเชโยฮันรับปากว่าจะรอคอยพระเจ้า อ.พารคก็วางหู ตอนนั้นก็เป็นเวลาก่อนเที่ยงคืนส่วนเชโยฮันก็หลับไป จนเช้าก็มืนาวพยาบาลเข้ามาดูแล้วก็ตกใจ ตอนเห็นชีพจรเขาซึ่งตอนค่ำเมื่อวานมันจะดับอยู่แล้วแต่มันกลับมาเป็นปกติได้ครับ ก็กรนดังมากด้วย ก็วิ่งไปตามหมอมาดูก็ตกใจถามพยาบาลทำอะไรไป พอรู้พยาบาลไม่ได้ทำอะไรเลยก็อัศจรรย์ใจมาก
ปัจจุบันตอนนี้เชโยฮันก็เป็นอาจารย์ทำงานอยู่ในมิชชั่นของอ.อ้อคซูพารคนี้ครับ ก็แต่งงานและมีลูกสามคนแล้วครับ
เรื่องทำนองนี้ก็มีเกิดขึ้นเยอะมากครับกับผู้ที่เชื่อ ผมก็อยากแนะนำให้คุณผู้อ่านทุกคนได้พาครอบครัวกลับมาหาพระเจ้าและก้าวไปด้วยกันนะครับ ก็เพื่อสวัสดิภาพของเราและครอบครัวเราเองครับ เพราะในโลกแห่งบาปนี้ถ้าไม่มีพระเจ้าและคริสตจักรแล้ว มันก็เป็นความทุกข์ยากลำบากมากๆ กับการดำเนินชีวิตครับ
ภาพอ.อ้อคซูพารคกับบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าของgood news mission ตอนช่วงอวยพรปีใหม่
โฆษณา