6 มี.ค. 2024 เวลา 11:10 • การเมือง

เผด็จการ ประวัติศาสตร์ ชาตินิยม และสงคราม….

เชื่อไหมครับ ว่าสี่อย่างที่ผมว่ามานี้คือเอกลักษณ์
และหัวใจของการบริหารงานการเมือง ของระบอบเผด็จการ
…เรียกแบบสุภาพหน่อย ก็ อำนาจนิยม….
ตามตำรารัฐศาสตร์ เผด็จการก็หมายรวมได้หมดแหละครับ
เผด็จการทหาร เผด็จการที่ครองอำนาจการเมืองเบ็ดเสร็จ
รัฐศาสนา รวมถึงระบอบกษัตริย์หรือจักรพรรดิ
หรืออะไรก็ตามที่เข้าข่ายว่า ผู้ครองอำนาจมาจากอำนาจ
บางอย่าง ไม่ใช่การเลือกจากชาวบ้าน และใช้อำนาจได้
โดยไม่ต้องถามใคร แบบหัวหน้าเผ่าอะไรงั้น
อันนี้ว่าตามนิยามในตำรารัฐศาสตร์นะครับ ห้ามดราม่า ….
มันค่อนข้างมีความเป็นลักษณะเฉพาะ ในสังคมแบบนั้น
ซึ่งเราจะเห็นลักษณะนี้ได้ทั่วโลก
…ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่องรัฐเซียมั่วประวัติศาสตร์
เคลมเพื่อนบ้าน แต่มีคนเขียนไปแล้ว
เลยสรุปวิธีคิดของรัฐพวกนี้ ตามตำรามาให้ก็แล้วกัน
…เพราะนี่ ฝ่ายสนับสนุนปูตินก็มั่วอีกแล้ว ว่าสตาลิน
โดนสายลับตะวันตกวางยา และกำลังร้องให้ฟื้นคดี…
…ซึ่งที่จริง ไอ้การฟื้นคดีน่ะ ไม่มีใครทำหรอก เพราะคงเหวี่ยงงูไม่พ้นคอคนใหญ่คนโตในอดีตของรัสเซีย แต่น่าจะเป็นการจุดกระแสชาตินิยม สร้างศัตรูในอุดมคติมากกว่า….
1
ทำไมรัฐเผด็จการต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ ?
ถ้าตอบแบบสั้นๆง่ายๆเลย ก็เพียงเพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า
มันมีอันตราย มีความจำเป็นต้องมอบอำนาจให้คนคนหนึ่ง
หรือคณะหนึ่ง เพื่อปกครองประเทศโดยเด็ดขาด
เพื่อความมั่นคง ปลอดภัยของตัวเอง
ถ้าจะขยายความ
ก็ต้องอธิบายว่า ด้วยความที่รัฐบาลเผด็จการทุกแห่งในโลกนั้น
มักเกิดจากการยึดอำนาจในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการ
เป็นคณะปฏิวัติ หรือกระทั่งเลยเถิดไปถึงการปราบดาภิเศก
(ในกรณีตั้งตนเป็นกษัตริย์เช่นนโปเลียน)
รัฐบาลเหล่านี้มีลักษณะของการรวบอำนาจ
และทรัพยากรเอาไว้กับคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น
พวกเขามักไม่สามารถหาความชอบธรรมอื่นกับสิ่งที่ทำ
หรือการบริหารทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมได้
จึงมักอ้างว่า “เพื่อความมั่นคง” เอาไว้ก่อน เพราะฟังดูน่ากลัว
และเป็นเรื่องใหญ่ในสายตาคนยุคก่อน
เช่นกรณีของรัสเซียตอนนี้ จะเด่นชัดมาก
รัสเซียตอนนี้กำลังมีปัญหากับการจัดการทรัพยากรในมือมาก
ซึ่งในที่นี้คือการเกลี่ยงบประมาณ ที่ให้เป็นงบทางการทหาร
ถึง 40% ในงบประมาณทั้งหมด จนกระทบกับสิทธิประโยชน์
ต่างๆของประชาชน
หรือการใช้ดอกเบี้ยที่สูงมาก และจำกัดการถอนเงิน
ก็กระทบกับการเติบโตระดับประชาชนของเศรษฐกิจ
รัสเซียมากเช่นกัน
…แน่นอน การทำแบบนี้ของรัฐบาลปูติน ประชาชนย่อมตั้งคำถามว่า แล้วเงินที่ขายทรัพยากรมากมายไป ทำไมมันไม่ถึง
พวกเขาเลย ซึ่งก็แน่นอนอีกเหมือนกันว่ารัฐบาลรัสเซีย ไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมต้องเอาเงินไปทุ่มเทกับสงคราม
ที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นเอง จนชาวบ้านเดือดร้อน ….
…หรืออาจตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมต้องเริ่มสงคราม….
มันจึงเป็นที่มาของการใช้คำว่า ความมั่นคง มาอธิบาย
เหตุผลที่ต้องบริหารทรัพยากรแบบเบียดบังชาวบ้านแบบนั้น
ความมั่นคง จะมีปัญหา ก็คือต้องมีศัตรู…
หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องสร้างขึ้นมา
ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ส่วนมากมันอาจเป็นแค่เพียงศัตรู
ที่ถูกผู้มีอำนาจเหล่านี้ อุปโลกน์ขึ้นมา มากกว่าจะเป็นภัยจริงๆ
มันอาจจะมีความขัดแย้งพื้นฐานอยู่ แต่ในแง่การรุกรานจริงๆ
มันไม่มีความเป็นไปได้เลย แต่เผด็จการเหล่านี้ ก็พยายามใส่
สีตีไข่ให้มันน่ากลัวเอาไว้ก่อน โดยใช้สตอรี่พื้นฐาน
กรณีที่ชัดเจนมาก คือจีน กับฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน
มันอาจจริง ที่พวกเขามีปัญหากันเรื่องเขตแดนทางทะเลกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร ฟิลิปปินส์จะมีอเมริกาหนุนหลังหรือไม่
มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะต่อต้านจีนด้วยกำลังก่อนได้
และไม่มีทางกล้าเคลมพื้นที่พิพาทด้วยกำลัง
แต่จีนก็ปั่นสตอรี่ เล่นใหญ่ หวังผลทางการเมือง
กลบปัญหาเศรษฐกิจที่มีปัญหา แบบนี้เป็นต้น
โดยเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่จะสร้างเรื่องเหล่านี้
คือ ลัทธิชาตินิยม
และการสร้างลัทธิชาตินิยมที่ได้ผล ก็ต้องอาศัยประวัติศาสตร์
เข้ามาเป็นองค์ประกอบ
ซึ่งโดยมาก คือประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนจากความเป็นจริง…
รัสเซียอาจเป็นข่าวดัง เพราะเป็นประเทศใหญ่ที่หลายคนให้ความสนใจ ในสถานการณ์สงครามที่เป็นอยู่
แต่ความจริงแล้ว การมั่วเคลมยูเครนของพวกเขา
ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่กัมพูชาพยายามสร้าสตอรี่ต่างๆ
หรือมั่วเคลมสิ่งต่างๆของไทย
2
…ฮุนเซนและปูติน อยู่ในสถานะจอมเผด็จการไม่ต่างกัน…
…มันทำให้เราเห็นได้ชัดเลยว่า การบิดเบือนประวัติศาสตร์นั้น
ดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้นำอำนาจนิยมเหล่านี้….
แต่ในความมั่ว ก็ไม่ใช่ไม่มีความจริงเลย
พวกนี้มักสร้างสตอรี่ โดยใช้ความจริงเฉพาะในส่วน
ที่ตนต้องการ และสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองได้
เข่น อาณาจักรขอมเคยเป็นใหญ่ในแถบนี้
หรือ โซเวียตหรือจักรวรรดิรัสเซีย เคยครองยูเครน
เรื่องพวกนี้เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
บางครั้งมันจึงฟังดูแล้วน่าเชื่อถือ และคล้อยตามได้ง่าย
การใช้วิธีตัดตอนประวัติศาสตร์ เราจะพบได้บ่อยที่สุด
บ่อยกว่าการสร้างสตอรี่ใหม่ๆ
เช่น การอ้างถึงการถูกรังแกฝ่ายเดียวของโลกมุสลิม
โดยตัดแค่ประวัติศาสตร์ 150 ปี ย้อนไปจากปัจจุบัน
แต่เลี่ยงที่จะไม่พูดถึง การรุกรานยุโรปของอาณาจักร
อิสลามในอดีตต่อยุโรป ซึ่งยาวนานกว่านั้นมาก
1
อิสลามรุกรานและครองยุโรปบางพื้นที่อย่างโหดเหี้ยม
อยู่มากกว่า 600 ปีทีเดียว ทั้งจากมัวร์ และออตโตมัน
ความจริงส่วนนี้ พวกเขาจะไม่พูดถึงเลย
นี่คือตัวอย่าง ของการตัดตอนประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน
ของรัฐอำนาจนิยมเหล่านี้ในโลกฝั่งตะวันตก
หรือ กรณีที่มีปัญหามากที่สุดจนน่ากลัว
ก็คือการขีดเส้นในทะเลจีนใต้ ตามประวัติศาสตร์ของจีน
…แม้กระทั่งไทยเราก็เหอะ เพื่อนบ้านบุก เราเขียนประวัติศาสตร์ แต่พอเราเอาของเขาบ้าง เราจะทำลืมๆ
ไม่เขียนไว้ในตำราส่วนมาก ที่ออกมาในยุคทหารครองเมือง
จากตัวอย่างที่ยกมา น่าจะชัดเจน
ว่านี่เป็นพฤติกรรมปกติของรัฐเผด็จการ
การฟังหรือเชื่ออะไร จากคนเหล่านี้ จึงควรหาข้อมูลให้ดี
และสุดท้าย การกระทำแบบนี้ของจอมเผด็จการ
มักจบลงด้วยสงคราม
เพราะเมื่อคุณสร้างศัตรู มันก็ย่อมเกิดข้อขัดแย้งขึ้นกับชาติ
ที่เขาโดนพาดพิงถึง แล้วมันก็เป็นเรื่อง เป็นสงครามขึ้นมา
1
หรือบางที คุณก็แค่ต้องทำให้มันสมกับที่หลอกชาวบ้านไว้
…อ้าว ! ก็ถ้าเพื่อนบ้านมันร้ายนัก ทำไมไม่ลุยเลย…
บางทีชาวบ้านก็ถามแบบนั้น รัฐพวกนี้ก็เลยต้องเล่นให้สมบท
สุดท้ายก็เกิดสงครามที่ไร้สาระขึ้นจนได้
เอาแค่ไทยนี่ก็เหอะ ซัดกับเพื่อนบ้านก็เคย เพราะเหตุผลนี้….
ตัวอย่างความขัดแย้งจากการมั่วประวัติศาสตร์
มีให้เห็นทั่วโลกก็ว่าได้ ในปัจจุบัน
มีทั้งที่เป็นสงครามแล้ว และจ่อเป็นสงครามอีกหลายคู่
การมั่วประวัติศาสตร์ แม้มีทั้งในประเทศเผด็จการ
และประเทศประชาธิปไตย อย่างญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้
แต่ด้วยธรรมชาติพื้นฐานของสังคมมนุษย์
มันไม่มีใครต้องการให้เกิดสงคราม ถ้าไม่โดนเล่นงานก่อน
ดังนั้นในประเทศประชาธิปไตย นักการเมืองเอง
จะไม่กล้าสร้างสงครามเพื่อตัดอนาคตของตัวเอง
สิ่งที่เป็นในยุโรปและสหรัฐตอนนี้ แสดงให้เห็นชัดเจน
เลยว่า สงครามในโลกประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้เป็นที่ต้องการ
แม้จะมีความจำเป็น ก็ยังมีคนต่อต้านมากกว่าสนับสนุน
ในทางหนึ่ง ประชาธิปไตยอาจไม่ใช่เครื่องการันตี
ว่าประเทศนั้นๆจะได้รัฐบาลที่ดี ไม่คอรัปชั่น
แต่หลักประกันของประชาธิปไตยที่ชัดเจนที่สุด
คือแนวโน้มที่จะเกิดสงครามสนองความบ้าคลั่ง
ของคนไม่กี่คนมันเกิดได้ยากมาก
1
และนี่คือสาเหตุว่า ทำไมหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ค่ายตะวันตก จึงพยายามอย่างมากในการเผยแพร่ประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการ หรือคอมมิวนิสต์….
…และเป็นค่านิยมหรือมุมมองของพวกเขามาจนถึงปัจจุบัน…
โฆษณา