Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Movie Trivia
•
ติดตาม
9 มี.ค. 2024 เวลา 06:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Holdovers (2023) – การตกค้างซึ่งการเรียนรู้
ในห้วงยามที่ยุคสมัยใหม่ อาจเต็มไปด้วยหนังเพียบพร้อมด้วยเทคนิคตระการตามากมาย เรื่องราวที่สลับซับซ้อน ตัวละครที่มีบุคลิกภาพลักษณ์แตกต่างจนไอคอนนิค หรือกระทั่ง การสรรสร้างซึ่งมนตร์ขลังทางภาพยนตร์ตามขนบหนังยุคใหม่ กระนั้นเอง ก็ยังมีหนังบางเรื่องที่หวนกลับไปเล่าเรื่องง่าย ๆ เซ็ตติ้งง่าย ๆ แต่กลับฉายความเป็นมนุษย์ ของเรื่องราวของคนสามคนที่กลับมารวมตัวกันในห้วงเวลาคริสต์มาส อย่าง “The Holdovers“
เรียนรู้เพิ่มเติม
youtube.com
The Holdovers | Official Trailer | Thai Sub | UIP Thailand
The Holdovers เข้าฉาย 22 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์THE HOLDOVERS จากผู้กำกับชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ เพย์น เล่าเรื่องของครูขี้หงุดหงิด (พอล จิอาแมตติ) ในโรงเรียนอ…
“The Holdovers” เล่าเรื่องของช่วงฤดูหนาวปี 1970 ในโรงเรียนประจำบาร์ตันอะคาเดมี ที่บุคลากรส่วนมากต่างกลับบ้านในช่วงปิดเทอมเป็นเวลาสองอาทิตย์ เหลือกลุ่มตกค้างไม่กี่คน รวมถึงครูแสนหงุดหงิดอย่าง พอล ฮันแนม ที่ต้องอยู่ดูแลเด็กที่ไม่มีที่ไปอย่าง แองกัส ทัลลี รวมถึง แมร์รี หัวหน้าคนครัวโรงเรียน ทั้งสามจึงต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกัน และก่อความสัมพันธ์อันอบอุ่นในช่วงเวลาคริสต์มาส
หนังพาเราเข้าเรื่อง ในเซ็ตติ้งอันแสนหนาวเหน็บของช่วงสิ้นปี แต่ค่อย ๆ พาเราทำความรู้จักในเรื่องราว ที่เหล่าตัวละครหลักได้มาร่วมหัวจมท้ายกันอย่างไม่คาดคิด นำโดยตัวละคร พอล ฮันแนม ศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์สุดเฮี้ยบแสนแข็งกร้าว ที่กลายเป็นคุณครูเฝ้าโรงเรียนช่วงวันหยุดยาว กับ แองกัส และ แมร์รี่ ที่กลายเป็นผู้คนอีกสองคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในรั้วโรงเรียน
ด้วยจังหวะของหนังที่ไม่ได้ขับเน้นด้วยท่าทีหวือหวา แต่สอดประสานมาด้วยมุกตลกสร้างเสียงหัวเราะ และเรื่องราวที่ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ได้อบอุ่นเกินคาด
พลางขณะดู ก็สัมผัสได้ถึงการโหยหาอดีตของหนัง ตั้งแต่การออกแบบซึ่งภาพรวมของหนัง ทั้งวิธีการใส่โลโก้เปิด การเปิดเรื่องอันเรียบง่าย วิธีการตัดต่อและลำดับเรื่องราว จังหวะเนื้อหาที่ไม่ได้พลิกผันขับเน้น แต่ร้อยเรียงผ่านเหตุการณ์ที่เรียบง่าย และสอดแทรกมาด้วยมุกตลกอันชาญฉลาด ท่ามกลางบรรยากาศพื้นหลังของห้วงเวลาคริสต์มาส ซึ่งขณะที่เรากำลังดูเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลาย เราก็ได้ซึมซับถึงแง่มุมตัวละครทั้งสามไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
ด้วยการนำเสนอ ที่เหมือนจะมีศูนย์กลางเป็นตัวละครแบบพอล ก็พาเราไปรู้จักแง่มุมตัวละครที่เราไม่คาดคิด รวมถึงเปรยถึงภูมิหลังของสังคมสหรัฐอเมริกา ในห้วงยามที่สงครามเวียดนามยังคุกรุ่น และทัศนคติทางชาติพันธ์สีผิว ผ่านการออกแบบพื้นหลังของโรงเรียนประจำ ที่รวบรวมซึ่งนักเรียนชายจากครอบครัวผู้ดีชั้นสูง ซึ่งบางตัวละครก็มีมุมมองทัศนคติคับแคบ จนทำให้เราอาจปรามาสผู้คนเหล่านั้น ด้วยสิทธิพิเศษทางสังคมที่พวกเขาพึงมี
โดยที่เรื่องราวทั้งหมด ก็แทบจะเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ของผู้คนสามคน ที่พยายามข้ามผ่านช่วงกักบริเวณในห้วงเวลาคริสต์มาส ที่นำด้วยการแสดงของนักแสดงอันโดดเด่นทั้งสามคน ทั้ง พอล จิอาเมตติ ที่ทั้งฉายความลุ่มลึกในตัวละครและคุมจังหวะตลกได้อย่างเอกอุ, เดอวาย จอย แรนดอล์ฟ ที่แสดงซึ่งการเก็บงำความเจ็บปวดรวดร้าวได้ชวนใจสลาย แต่ขณะเดียวก็สร้างแรงบันดาลใจจากการฉายซึ่งแสงในความมืดมิด หรือกระทั่ง โดมินิค เซสซา ก็เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่โดดเด่นไม่แพ้สองนักแสดงหลักเลยทีเดียว
ซึ่งห้วงเวลาของเรื่องราวทั้งหมด ก็ไม่ได้เกิดความขัดแย้งทางเรื่องราวใหญ่โตในระดับวิกฤตกาลด้วยซ้ำ ซึ่งถึงแม้จะมีก็ตาม มันก็กลายเป็นจุดสร้างเสียงหัวเราะที่เข้าที แต่ขณะเดียวกัน ก็พลางถ่ายทอดมิติและภูมิหลังของตัวละครได้อย่างรุ่มรวย ผ่านอากัปกริยาและพฤติกรรมของตัวละคร ที่ไม่ได้ประเจิดประเจ้อ แต่ก็ดูเป็นมนุษยมนามาก ๆ อย่างเช่น การตัดสินใจขอดื่มแอลกอฮอล์ในทุกชั่วยามที่มีโอกาส เพื่อผ่านห้วงเวลาอันยากลำบาก หรือการตัดสินใจกระทำสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักธรรมคำสอนบางอย่างที่พวกเขาเคยยึดถือหรือยึดมั่น
ซึ่งหากมองในปราดแรก เราจะพบว่า “The Holdovers” ก็ไม่ต่างอะไรจากหนังที่นิยมเปิดในช่วงเวลาคริสต์มาส ที่ผู้คนต่างมารวมตัวกันมาใช้เวลาครอบครัว และหาอะไรอบอุ่นหัวใจเพื่อคลายเหงา ด้วยเนื้อหาที่ตามสูตรและไม่ได้พลิกผันเกินคาดเดา แต่ทว่ามันมาพร้อมแก่นเนื้อหาที่ว่าด้วยการเรียนรู้ที่ลุ่มลึกมาก ๆ เรื่องนึง ผ่านการเรียนรู้ ผ่านเหล่าตัวละครที่ล้วนมีจุดบกพร่อง บาดแผล และความเปราะบางที่บางคนก็ตัดสินใจซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
ทั้งแง่มุมของแองกัส ที่มีเบื้องหลังอันไม่สู้ดีเกี่ยวกับพ่อของเขา หรืออย่าง แมร์รี ที่สูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ไปกับการเข้าเกณฑ์ทหารเพื่อรบสงครามเวียดนาม หรือกระทั่งตัวละครแบบ พอล ฮันแนม ที่ไม่น่าจะมีแง่มุมอ่อนโยน แต่ก็ค่อย ๆ สลายซึ่งกำแพงที่กั้นความรู้สึก ก่อกำเนิดเป็นความเข้าอกเข้าใจ กลายเป็นความเห็นใจ ที่ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ผ่านแง่มุมกันและกัน ว่าชีวิตล้วนมีแง่มุมที่บกพร่อง มีความไม่ยุติธรรม แต่เราย่อมเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านั้นได้
รวมถึงมอบนิยามความหมายของการเป็นครอบครัว โดยไม่ต้องเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือด แต่มันมาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ และการทำความเข้าใจความแตกต่างถึงความยากลำบากที่ต่างฝ่ายต่างเจอ รวมถึงการยอมรับข้อบกพร่องของพวกเขาเหล่านั้น และของตัวเอง ด้วยความอ่อนโยนที่น่าจรรโลงใจ ก่อกำเนิดเป็นความอบอุ่นที่เอาชนะความเหน็บหนาวชวนเหงาในห้วงคริสต์มาส
สรุปแล้ว “The Holdovers” เป็นหนังตลกดราม่าจากอเล็กซานเดอร์ เพย์น ที่มาพร้อมกลิ่นอายโหยหาอดีต แต่ว่าด้วยการเรียนรู้เพื่อข้ามผ่านห้วงเวลาอันเปลี่ยวเหงา ด้วยภูมิทัศน์หนาวเหน็บของคริสต์มาส ผ่านการสำรวจมิติภูมิหลังของตัวละครหลัก ที่ล้วนมีข้อบกพร่องและน่าเจ็บปวด ด้วยจังหวะที่เป็นธรรมชาติ หยอดด้วยมุกตลกพอดีคำ และความอบอุ่นน่าจรรโลงใจ ที่เปี่ยมล้นด้วยความเป็นมนุษยมนาอย่างไม่คาดคิด
ฤดูหนาวนี้ไม่ไร้ไออุ่น จริง ๆ
4 / 5
The Holdovers (2023)
Directed by Alexander Payne
Written by David Hemingson
ภาพยนตร์
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Movie Trivia | Review
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย