19 มี.ค. เวลา 02:00 • สุขภาพ

ภาวะสมองเสื่อมหลีกเลี่ยงได้ ถ้าเข้าใจปัจจัยเสี่ยง

ภาวะสมองเสื่อมเป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก แม้ว่าบางปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม เช่น อายุและพันธุกรรม จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่รายงานวืจัยในอดีตจนถึงปัจจุบันสามารถระบุถึงปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดภาวะสมองเสื่อม การทำความเข้าใจและรับมือกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจช่วยลดภาระจากภาวะสมองเสื่อมในระดับบุคคลจนถึงระดับโลกได้
ตารางแสดงปัจจัยเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ที่มีเปอร์เซ็นต์การเป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมสูงสุดคือ การศึกษาน้อย (7.1%) การสูญเสียการได้ยิน (8.2%) การสูบบุหรี่ (5.2%) และภาวะซึมเศร้า (3.9%) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบรวมของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้คิดเป็น 39.7% ของผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม นั่นแปลว่า อีกกว่า 60% เป็นปัจจัยทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในปัจจุบัน
การศึกษาในระดับต่ำหรือการไม่เรียนหนังสือ (less educated) มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะสมองเสื่อมที่สูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะสมมติฐานเรื่องพื้นฐานทางปัญญา ที่ระดับการศึกษาสูงอาจเพิ่มความแข็งแกร่งทางสติปัญญา และชะลอการเริ่มแสดงอาการของภาวะสมองเสื่อม การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในส่วนนี้ได้
การสูญเสียการได้ยิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมเช่นกัน การตรวจหาและรักษาความผิดปกติด้านการได้ยินในระยะเริ่มแรกอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของสมรรถภาพทางสติปัญญาและภาวะสมองเสื่อม
การสูบบุหรี่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพหลายประการ และผลกระทบต่อภาวะสมองเสื่อมก็มีสูงเช่นกัน โครงการเลิกสูบบุหรี่อย่างครบวงจร และรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักในหมู่ประชาชนให้มีวิถีชีวิตปลอดบุหรี่ อาจมีบทบาทสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงนี้
นอกจากนี้ ภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้ทั่วไป ยังมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อภาวะสมองเสื่อม การเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต ส่งเสริมการเข้ารับการรักษาในระยะเริ่มแรก และแก้ไขสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังภาวะซึมเศร้า อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงนี้ได้
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ได้แก่ ภาวะการบาดเจ็บของสมอง (เช่น อุบัติเหตุจราจร ตกจากทีีสูง กีฬามวย ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล) โรคความดันโลหิตสูง การดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะอ้วน การถูกทอดทิ้งทางสังคม การขาดการออกกำลังกาย โรคเบาหวาน และมลพิษทางอากาศ (PM2.5) การจัดการกับปัจจัยเหล่านี้ผ่านการให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะเจาะจง การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และนโยบายสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลให้ความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมลดลง
สิ่งสำคัญที่ควรระลึกไว้คือ ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มักเกี่ยวพันและส่งผลเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีแนวทางการป้องกันภาวะสมองเสื่อมแบบหลายมิติ การสร้างความตระหนัก ดำเนินมาตรการสาธารณสุข และส่งเสริมการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จะช่วยลดภาระจากภาวะสมองเสื่อมและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนทั่วโลกได้
อ้างอิง
Reuben DB, Kremen S, Maust DT. Dementia Prevention and Treatment: A Narrative Review. JAMA Intern Med. 2024 Mar 4. doi: 10.1001/jamainternmed.2023.8522. Epub ahead of print. PMID: 38436963.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา