2 เม.ย. เวลา 03:30 • ประวัติศาสตร์

Alexander III of Macedonia

The Greatest King of all time? — จริงเหรอ
This is Sparta!!!! เปิดเรื่องมาก็วอนบาทาท่านผู้อ่านทันทีว่ามาถูกที่ถูกเรื่องรึป่าว เอางิ ลองจินตนาการดูนะว่า เพื่อนๆเป็นเด็กอายุ 2-3 ขวบ เมื่อประมาณสองพันสามร้อยกว่าปีที่แล้ว โตมากับโลกที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต ทีวี แอ๊พนู่นนี่ให้ไถเล่น บนท้องฟ้ายามค่ำจนย่ำรุ่งเต็มไปด้วยกลุ่มดาว ตำนานวีรบุรุษ เทพเจ้า และเรื่องราวที่ผู้ใหญ่พร่ำบอกกรอกหูจนจำบทพูดได้ทุกคำ
ยิ่งแล้วกันถ้าได้เกิดเป็นองค์รัชทายาทของกษัตริย์ผู้จัดจ้านในย่านนครรัฐแถวกรีก ถูกคาดหวังให้โตมาต้องกล้ามแน่น รอยหยักสมองลึกกว่าคนทั่วไป ไอคิวแปดแสน นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นขององค์ชายน้อยที่ใช้เวลาแค่ยี่สิบกว่าปีตั้งแต่ตอนประสูติ พลิกชะตาผันชีวิต ให้พระองค์เปรียบดั่งบรรพบิดา (โคตรพ่อ) ไอด้อลของเหล่ากษัตริย์, นักรบ, จอมพล, ผู้นำเผด็จการ,ฟาโรห์, สุลต่าน, จักรพรรดิ etc
สารพันตำแหน่งที่ HR ในราชสำนักทุกทวีปบนโลกหล้าจะลิสต์ได้ครบหมด
ด้วยความที่พระองค์เป็นตัวท็อปยืนหนึ่งที่ท่านเจงกิสข่านอาจจะยอมผายมือถวายความเคารพให้ในอีก1,400 กว่าปีต่อมา ในฐานะกษัตริย์พระองค์แรกที่ได้ออกรบ ตบ กระทืบแว่นแคว้นต่างๆทั่วโลกเบี้ยวๆใบนี้จนได้รับสายสะพายและใบระกาศนียบัตร ว่ามหาราชต่อท้ายพระนามอย่างเต็มภาคภูมิ
ถ้าแถวบ้านเราคงเปรียบท่านเป็นดั่งผู้ชนะสิบทิศรุ่น 1.0 ผู้มาก่อนกาลนานกว่าพระเจ้าบาเยงนอง จอเด็งนรธา (aka พระเจ้าบุเรงนองนั่นแหละ เรียกพระนามสั้นๆเดี๋ยวจะไม่แกรนด์) มากกว่า 1,800 ปีก่อนกรุงศรีฯแตก คือฮิปโปตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายใหม่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์และสวนสัตว์เขาดินอีก 40 ชาตินะถึงจะไล่ตามไทม์ไลน์นี้ทัน
https://www.nationalgeographic.com/culture/article/alexander-the-great
King Alexander III of Macedonia (พระเจ้าอเล็กซานเด้อร์ที่สาม แห่งมาซิโดเนีย) ทรงเคยมีพระชนม์ชีพอยู่จริง ไม่ผ่านการมโนหรือโมพระโปรไฟล์แบบมั่วๆ แต่ตำราบางที่ก็อิงตำนานกรีกโรมันว่าพระองค์ได้ลงมาจุติในครรภ์พระมารดาผู้เป็นราชินีมนุษย์ที่แต่งงานกับพระราชาชาวนครชายขอบแห่งอาณาจักรกรีกเมืองเล็กๆแบบฝั่งธนฯ แต่บังเอิ๊ญวันหนึ่งพระมารดาเกิดคันพระกุณฑล(ต้องทรงหาคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาเกาตุ้มหูน่ะ) จนตั้งครรภ์กับมหาเทพซุสและได้ให้ให้กำเนิดเจ้าชายหนุ่มน้อยหน้ามนนามว่า Alexander (เด้อ เด้อ เด้อร์…)
1
Movie Alexander 2004
เอาล่ะ ไก่เกิดจากไข่ฉันใด (บอกว่าเกิดจากนะไม่ได้ว่าเกิดก่อน เดี๋ยวจะมาดราม่าด่าฮิปโปอีก) DNA ความเบียว เปรี้ยว เผ็ชช์ยิ่งกว่ายำร้านแม่แต๋ง After Yum ปะทะ เล้งแซ่บเจ๊โอวก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นจากเสด็จพ่อของพระองค์ (อันนี้องค์พ่อคอนเฟิร์มเน้นสมจริงไม่เน้นสมมติ) พระนามว่า King Phillip II (ราชาฟิลลิปที่ 2) และ Queen Olympius (ราชินีโอลิมเปียส — ซึ่งทรง Fierce สมพระนาม) ได้อภิเษกสมรสกันแบบไม่เต็มใจทั้งคู่ ความรักความแพชชั่นใดๆมันก็ไม่มี
แต่พระนางโอลิมเปียสผู้นี้แหละที่ทรงเล่นใหญ่ ก่อหวอดปลุกปั่นสั่งสอนให้เจ้าชายน้อยรูปงาม ผม
บลอนด์ตาฟ้าผู้นี้ มีความเชื่อฝังพระทัยอย่างสุดจิตสุดใจตั้งแต่จำความได้ว่าพระองค์นั้นแท้จริงแล้วคือโอรสแห่ง เทพเจ้าซุส เทพบิดรแห่งฟ้าสวรรค์โอลิมปัส — เห็นมั้ยแม่ถึงได้ชื่อโอลิมเปียสไงไม่ต้องสืบ โอ้ว งานปั่น Propaganda นั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณก่อน Window ‘98 เสียอีก (อันนี้องค์แม่เน้นสมมติไม่เน้นสมจริง)
มีใครที่แม่เอางูจริงๆให้เล่นตอนเด็กบ้าง สารภาพมา
ด้วยความที่รักกันก็ไม่รัก อยู่กันไปก็เหม็นเบื่อ องค์พ่อกับองค์แม่ก็ทำเหมือนคู่แต่งงานที่แยกกันอยู่สมัยนี้ (เด็กๆจะได้ไม่รู้สึกว่าขาดความรักความอบอุ่นว่าซ่าน — จริงเหรอ) พระราชาฟิลลิปก็หมายมั่นปั้นพระทัยว่าลูกชายหัวปีองค์นี้แหละจะนำพาอาณาจักรของเราให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าเดิม
เสด็จพ่อจึงทรงประเคน props ต่างๆในการเลี้ยงดูองค์ชาย Alexander ให้เติบโตขึ้น ด้วยกระดานชนวน iPad Pro รุ่นล่าสุดปี 2024, เข้ายิมฟิตกล้าม, บวกกับได้อาจารย์ระดับท็อปด็อกเตอร์จาก Oxford อย่าง
ท่านอริสโตเติ้ล เข้ามาสอนองค์ชายน้อยตัวต่อตัวไม่ผ่าน Zoom Call หรือ Virsual Classroom
https://totallyhistory.com/alexander-the-great-and-aristotle/
นอกจากนั้นพระบิดาก็ทรงขยันหา figures ตุ๊ตุ่นตุ๊ตาของบรรดาฮีโร่บรรพบุรุษที่มีตัวตนจริงทั้งกรีก สปาร์ต้า ธีบส์ เอเธนส์ นู่นนี่นั่น เพราะแคว้นมาซีโดเนียบ้านเฮามันไกลปืนเที่ยง คนในอาณาจักรกรีกดูถูกว่าเป็นเมืองขี้คร่อก เป็นได้แค่เมืองรองไม่มีสนามบินเหมือนคนอื่น แต่ลูกจำไว้นะ ลูกจะต้องเติบโตมาเป็น King Alexander the Great พิเศษใส่ทุกอย่าง เพราะลูกคือลูกของพ่อ ทั่วโลกต้องจดจำลูกมากว่ามีมทั้งหมดในหนังเรื่อง 300 เข้าใจมั้ย
https://www.history.com/topics/ancient-greece/leonidas
ท่านพ่อได้พร่ำสอนให้เจ้าชายจงรักษาน้ำใจของเหล่าทหารคนรับใช้ เลี้ยงเขาให้ดี เปย์ได้เปย์ จงซื้อใจคนด้วยความอ่อนโยนแต่ต้องเด็ดขาดยามตัดสินใจ ฮีโร่ของเราคือ King Leonidas ที่พาทัพทหารเอกแค่ 300 นาย บวกทัพชาวบ้านใกล้เคียงอีก 7,000 คนที่อาสามาช่วยรบ ไปไฝว้ฟ์พวกเปอร์เซียนับแสนจนตัวตายมาแล้ว (เดี๋ยวกษัตริย์ลีโอไนดัส แห่งเมืองสปาร์ต้ามาแน่ในภาค spin off พระองค์คือหนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์กรีก-สปาร์ตาตัวจริง เผลอๆถ้าพระองค์ยังอยู่อาจมียอดไลค์ยอดฟอลมากกว่า The Rock ตอนนี้)
ในขณะที่สัปดาห์ไหนต้องไปอยู่วังเสด็จแม่ เจ้าชายน้อยก็ต้องได้อ่านได้ฟังตำนานเทพล้วนๆไม่มีงัวปน, brain washed ล้างสมองทุกวันว่าตนคือลูกเทพเจ้าจริงๆ ฟิลลิปน่ะมันแค่ stepfather ลูกต้องห้ามไว้ใจใครทั้งสิ้นนะ อย่าไปเล่นกับพวกเด็กโสกังลูกทหารลูกไพร่ แล้วคอยดูเถอะถ้าพ่อฟิลลิปของแกมีเมียมีลูกใหม่ เราสองคนจะไม่เหลืออะไรเลย มีแต่แม่นี่แหละที่จะกางปีกและกรงเล็บปกป้องเจ้าเอง พล่าม พล่าม พล่าม….
1
เรื่องปูมาแนวนี้คนดูอย่างเราก็ไม่ต้องคิดเยอะ บุคลิกภาพของเจ้าชาย Alexander ตามบันทึกคือทรงฉุนเฉียวง่าย หัวร้อน แต่ก็รักพวกพ้องดูแลเหล่าทหาร รวมทั้งคนรอบข้างคนรับใช้อย่างดี (สายเปย์ที่แท้ทรู เดี๋ยวจำตอน “รักพวกพ้อง” ไว้นะมันจะมีผลภายหลัง สายวายเตรียมจิกหมอนกัดผ้าห่มได้)
บางครั้งพระองค์ก็มักจะหลบไปคิดอะไรคนเดียว บางคราพระองค์ก็รับสั่งให้จัดปาร์ตี้มีดีเจมาเปิดเพลงเทคโนลั่นวัง คือเค้าวิเคราะห์กันว่าพระองค์น่าจะมีอาการ bipolar หรือสภาพจิตแปรปรวนง่าย ผสมกับชีวิตพระองค์นั้นขึ้นสู่จุดสูงสุดได้เร็ว แต่พอมีเหตุการณ์มากระทบเหมือนโดนเทพ Mars เตะตัดขาล้มพรวด พระองค์ก็รู้สึกเจ็บปวดแรงกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้
ขอพาเลี้ยวเข้าซอยนิดนึง (นิดเดี๊ยว) เกี่ยวกับเรื่องม้าตัวแรกที่กลายมาเป็นม้าคู่พระทัยพระกาย สหายรักตนเดียวของเจ้าชายน้อย ตามอ่านดูนะลิ้งค์อยู่ข้างล่าง เดี๋ยวจะหาว่าฮิปโปพล่ามเยอะอีก ม้าพยศตัวนี้ที่ไม่ยอมให้ใครขี่หรือสนตะพายได้ ชื่อบูเซฟาลัส (Bucephalus) แต่องค์ชายน้อยสามารถสื่อสารและขี่มันได้เป็นคนแรกตั้งแต่ทรงพระเยาว์แค่ 12-13 ชันษา!!! (ฮิปโปยังนั่งพับตุ๊ตากระดาษ อ่านขายหัวเราะอยู่เลย)
https://www.thoughtco.com/bucephalus-116812
ขอเรียกม้าคู่พระทัยสั้นๆว่าเจ้าบูนะเพราะฮีมีบทเยอะอยู่ เดี๋ยวต้องออกอีกหลายฉาก ด้วยความกล้าหาญ ปราดเปรียว ฉลาดหลักแหลม ทำให้องค์ชายน้อยเป็นที่โปรดปรานมากของเสด็จพ่อ และเสด็จพ่อก็เป็นฮีโร่ที่เท่กว่าเทพธอร์ หรือทุกเทพจากเกม Gods of War ในสายตาของเจ้าชายน้อยอีกด้วย (รู้ว่าคนละจักรวาลกัน ก็อันนี้มัน Multivesre ไง) เจ้าบูเนี่ยคือม้าสายพันธุ์พิเศษที่ต่อมาชาวมองโกลได้นำมาเพาะและใช้รบ ตบบวกศัตรูนานับประการ ชนะศึกสงครามทั่วหล้า เรียกกันว่า “ม้าเหงื่อโลหิต” พุ่นหล่าาาาา
กาลเวลาก็ล่วงเลยไปราวกับคณะลิเกเทพบันเทิงศิลป์เปลี่ยนฉาก จากเจ้าชายน้อยผู้จุ้มลุ้มจิ้มลิ้ม ก็เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นชายแทร่ที่ดูยังไง้ยังไงก็หน้าเหมือน Collin Farrell ด้วยความที่เติบโตมาระหว่างสองบ้านพ่อกับแม่ ทำให้เจ้าชายหนุ่มโหยหาความรักจากโลกภายนอก แล้วกามเทพ Eros หรือเทพคิวปิดก็แผลงศรธนูทองเข้ากลางอก (อกแน่นน่าจิ้มมาก หัวใจจะวาย) ระหว่างที่พระองค์กำลังซ้อมวิชาการต่อสู้ดวลดาบกับเพื่อนสมัยที่ยังเป็นเด็กน้อยหัวโปกนามว่า Hephaestion (เรียก“เฮเฟสทิออน” ละกันนะฟังดูกรีกดี)
สาววายถูกใจสิ่งนี้ https://totallyhistory.com/alexander-and-hephaestion/
มาวันนี้ทำไมเพื่อนเราถึงหน้าตาดีขึ้น ผิวนุ่มขึ้น ผมยาวหยักศกขึ้น กล้ามตึงขึ้น นี่มัน Jared Leto ชัดๆ (วี้ดดดดด) ไม่ต้องเสียเวลาเหมือนฉากละครพรหมลิขิตที่พระนางเอะอะล้มๆใส่กัน บางตำนานนะ เน้นว่าบางตำนาน (เพราะฮิปโปก็รักเค้า) ว่ากันว่าสองสหายนี้ก็ได้ปิ๊งปั๊ง ปึ๋งปั๋ง ดึ๋งดั๋งกันเกินเพื่อน (บางทีเพื่อนก็กินกันเองแบบงงๆ แต่ตกลงกันได้ว่าบางทีต้องทำเป็นไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอต่อหน้าธารกำนัล)
เพื่อนๆยังจำคำยุงยงปั่นป่วนที่แม่นราวกับเทพธิดาพยากรณ์จากองค์แม่โจลี่ เอ๊ย แม่เปี๊ยสเคยกล่าวไว้ “วันใดที่พ่อเจ้ามีเมียมีลูกใหม่ พวกเราจะไม่เหลืออะไรเลย” โอ้วพระแม่ธรณีเป็นสักขีพยาน อยู่มาวันหนึ่งสองแม่ลูกที่นอนตัก สระผม ป้อนลูกมะเดื่อ จิบไวน์ด้วยกัน (แม่ลูกนะอย่าคิดลึก) ก็ได้รับจดหมายประทับตราจากวังขององค์พ่อฟิลลิป ใจความว่า
“ขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานมงคลสมรสระหว่าง King Phillip II และ นางสาว Phillinna ณ ว.ด.ป. ดังนี้ ขอภัยหากไม่ได้มาเรียนเชิญด้วยตนเอง (วงเล็บโต๊ะจีน)“
โอ้ว หากฮิปโปได้เกิดเป็นคนรับใช้ในห้องตอนนั้นฮิปโปยอมเอาหัวโขกผนังสลบดีกว่า ไม่อยากจะคิดว่าเสด็จแม่จะกรี๊ดวี้ดว้ายเบอร์ไหน ทุ่มปาข้าวของใส่ใครอะไรยังไงต่อ นี่จะแต่งงานใหม่ไม่พอ ยังส่งซองเชิญเหมือนพิมพ์จากโรงงานกากๆมาแบบนี้ ถ้าเป็น e-vite ยังจะกด Not Going ได้ กรี๊ดดด
ต่อจากนี้น่าจะเป็นบทสนทนาและการด่าทอองค์พ่อจากแม่เปี๊ยสที่ไปปลุกไฟดาร์คๆในพระทัยของเจ้าชายหนุ่มให้โหมกระพือขึ้น สองแม่ลูกจึงตั้งสติก่อนสตาร์ท ตกลงกันว่าจะต้องไปร่วมงาน แต่จะไปแบบให้โลกจำยิ่งกว่าเมนเทอร์ทุกซีซั่นของ The Face Thailand มัดรวมกันมา
เมื่อว.ด.ป. งานแต่งงานของคิงฟิลลิปกับเจ้าสาวคนใหม่มาถึง แถมข่าวว่าชีทั้งสวย ทั้งสาว ทั้งยังมีเด็กนอนเล่นไอแพ็ดรออยู่ในท้องแล้วด้วย!!!! ฮ่วย บันเทิงสิงานนี้ สองแม่ลูกของเราก็เดินเข้างานมาอย่างไม่สนเสียงซุบซิบนินทาหมาว้อของคนในราชสำนัก เจ้าชายของเราเน้นเมาไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องใส่ใจใครจะอะไรทำไม จนกระทั่งมีขุนนางใหญ่ปากสุ 🐶 ที่ก่อนออกบ้านลืมสำรวจเงาหัวตนเอง ได้ขึ้นมากล่าวอวยพรบ่าว (ใหญ่) สาว (น้อย) ตามธรรมเนียม
คุณแม่เปี๊ยสก็เตรียมจะดึงแขนลูกกลับ อีตาขุนนาง
ดั๊นพล่ามต่อว่า ”นอกจากที่ท่านจะมาร่วมแสดงความยินดีในงานนี้แล้ว ขอให้ท่านจงดื่มให้กับว่าที่เบบี้รัชทายาทที่จะมีพระประสูติการในเร็ววันนี้ เอ้า
ไช….“ ยังไม่ได้โย่วต่อเลย ขุนนางผู้ปากยาวแต่ชะตาชีวิตสั้นก็ได้เข้าไปสู่ขิต โดนมีดเสียบจึ๊กจนเลิกหายใจไปตลอดชีวิต ไม่ต้องถามว่าใครทำ ใบหน้าหล่อเหลาผมสีทองยาวปรกไหล่ บัดนี้เจ้าชาย Alexander ได้ทำน็อตเอ๊ยมีดหลุดไปปักคอหอยคนพูดเสียแล้ว
ความโกลาหลอลหม่านยิ่งกว่าบ้านทรายทองตอนหญิงเล็กอาละวาดก็เกิดขึ้น คิงฟิลลิปโกรธมากในขณะที่คุณแม่โจลี่ (เจ๊เปี๊ยส) ยืนยิ้มมุมปากอยู่กลางห้อง พอบอดี้การ์ดเข้ามาจัดการใดๆเสร็จ คิงฟิลลิปสั่งเนรเทศลูกชายสุดแค้นแสนรักออกจากวังทันทีและจะเปลี่ยนพินัยกรรมรัชทายาทจริงๆด้วยถ้ายังซ่า
องค์ชาย Alexander ไม่ต้องรอให้พ่อไล่รอบสอง (สมัยก่อนคือคงจะฆ่ากันง่ายๆเนอะ) สะบัดพระพักตร์ก้าวเท้าซ้าย ย้ายเท้าขวาออกไปทันที เสียงซุบซิบพลันเงียบสนิท แหง๋ล่ะสิใครจะอยากกล้าลองดีปล่อยจิ้งเหลนออกจากปากอีกบ้าง
บรรดาทหารในแก๊งค์เจ้าชายที่ได้ทราบข่าวต่างเข้ามาดูแลปลอบใจพระองค์ ที่ขาดไม่ได้คือหนุ่มหน้ามนข้างกาย (ขอเรียกสั้นๆว่าน้องเฮย์นะ) ที่ประกาศให้ทุกคนฟัง ทั้งๆที่ยังไม่มีใครถาม ว่าตนจะออกเดินทางไปทุกที่กับเจ้าชายผู้เป็นที่รัก โดยที่แม่เปี๊ยสได้ลอบมองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ กลัวลูกรักลูกโอ๋ของนางจะถูกคนที่ลูกไว้ใจที่สุดหักหลังจนชีวิตอาจพังไม่เป็นท่า
หลังจากเจ้าชายสงบจิตสงบใจ พร้อมคว้าขวดไวน์มากรึ่ม อีกหนึ่งกรุบ แผนการดำเนินชีวิตต่อมาจึงเริ่มขึ้น องค์แม่เปี๊ยสด้วยความที่บ้านรวยก็ไม่แคร์ บอกลูกและผองเพื่อนจงออกมาจากวังพ่อเอ็งแล้วกลับไปเมืองของแม่กัน วันหนึ่งบิดามนุษย์สับปะรังเคจะต้องเสียใจที่ทำกับเราเช่นนี้ แต่เทพบิดรซุสของเจ้าจะดลบันดาลให้เจ้าได้ครองโลกเอง (แหน่ะ ขิงเก่งขิงไม่หยุดเลยแม่ ได้ซีนแล้วต้องเล่นใหญ่ สปอตไลท์ส่อง)
จากนั้นแก๊งค์ขององค์แม่และองค์ชายก็ควบ Lamborghini ออกจากวังของเสด็จพ่อไป โดยมีเจ้าบูควบตามไปติดๆ (จำได้มั้ยม้าเทพเจ้าที่ทรงได้มาตอนยังเด็กน่ะ คาดว่าเจ้าบูน่าจะเป็นเหลนของม้าบิน Pegasus ลูกเทพโพไซดอนเพราะเก่งเกิ๊น)
ถ้าเรื่องมันจะตัดจบแบบสององค์แม่ลูกกลับไปครองบ้านเมืองฝั่งแม่ เจ้าชาย Alexander ได้ไปแต่งงานกับเจ้าหญิงดิสนีย์สักองค์ โดยมีสหายรักอย่างจาเร็ด เอ๊ย อย่างน้องเฮย์ คอยมาเป็นก้างขวางพระศอทั้งกับองค์แม่องค์เมีย ตบตีจิกกัดกันเหมือนพล็อตละครสั้นช่องวันหรือซีรีส์พี่ฉอดพี่อ้อย โลกเราคงไม่มีประวัติศาสตร์ของ King Alexander The Great ผู้นี้มาอยู่ในหนังสือเล่มนี้ของฮิปโปที่ตีพิมพ์กว่ายี่สิบล้านก็อปปี้ แปลถึง 46 ภาษา (แหม่ ท่าจะขายดีกว่าแฮรี่ พ็อตเตอร์นะ ตื่นข่ะอิฮิปโป—เอลลี่ช้างน้อยเพื่อนรักมากระทืบจนตื่น)
แต่ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางการเดินทางของดวงดาวได้ (ขงเบ้งไม่ได้กล่าว ฮิปกล่าวเอง) อยู่มาวันหนึ่งขณะที่องค์ชายและเหล่าสหายคนสนิทรวมทั้งน้องเฮย์กำลังอาบน้ำกัน เอ๊ย เล่นซ้อมรบตบแปะตามวิสัยชายชาติทหาร ก็ได้มีทหารจริงๆวิ่งมาส่งข่าวว่า ขณะนี้กษัตริย์ฟิลลิปทรงคลายพระทัยหายโกรธแล้วพะย่ะค่ะ ทรงให้หม่อมฉัน (ไม่ใช้ราชาศัพท์ละนะ เดี๋ยวคนเขียนจะตาย คนอ่านจะหน่ายเสียก่อน) มาเชิญองค์เจ้าชายกลับวัง เพื่อจะได้ช่วยพระราชาออกรบในศึกใหญ่ ไว้เจอกันนะพะย่ะค่ะ
ปล่อยให้เจ้าชายยืนเกาคางอย่าง งงๆ อิหยังวะ ไล่ออกจากวังแล้วจะให้เรากลับไปรับใช้ ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ สหายทุกคนที่ได้ฟังข้อความก็ดีใจกันใหญ่ กลับวังไปช่วยเสด็จพ่อเถอะ พระองค์ก็อยากออกรบมานานแล้วนี่นา บลา บลา บลา องค์ชายก็นิ่งคิด…อยู่พักใหญ่
ไม่นานเรื่องก็เข้าถึงพระเนตรพระกรรณขององค์แม่ นางตวาดแว้ดขุดถ้อยคำสรรเสริญพระสวามีเก่าอย่างไม่เผาผี (ด่ายับนั่นแหละ) แต่ครานี้องค์ชายไม่คล้อยตามเสด็จแม่ ด้วยว่ายังรักและเทอดทูนเสด็จพ่ออยู่เสมอ แถมตอนนี้ก็เหมือนได้เวลาดีดนตรีเหมาะ เกิดมายี่สิบกว่าปีแล้ว ซ้อมรบมาตั้งหลายซีซั่น จะให้มาเล่นแต่บทตัดหญ้าฆ่ามดอยู่ได้ไง
องค์แม่เห็นว่ากล่อมยังไงลูกชายสุดที่รักก็ไม่ฟัง นางจึงหยอดยาสั่งเข้าไปว่า จะไปก็ได้ แต่จำไว้นะ ลูกต้องกำจัดอินางเมียใหม่กับลูกของมันด้วย ไม่งั้นเจ้า (คุณแม่กรอเทปกลับไปประโยคเดิม) จะไม่ได้ครองบัลลังก์ Marcedonia แน่นอน องค์ชายได้ฟังก็ตกใจ ทำไมท่านแม่จิตใจอำมะหิตขนาดนี้ (โหพ่อ ยังไม่ชินอีกเหรอ) คราวนี้พระองค์กลับเริ่มไม่ไว้ใจแม่ของตนเองขึ้นมา หากวันหนึ่งลูกมีความเห็นต่างทำอะไรไม่ถูกใจ แม่คงสั่งประหารลูกง่ายๆแบบนี้สินะ
ก่อนที่เรื่องจะยาวต่อไปอีก 3 seasons ภาพตัดมาที่องค์ชายของเรานำขบวนแก๊งค์ทรงอย่างแบด ไม่แซ้ดบ่อยๆให้ใครเห็น กลับมาเจอเสด็จพ่อ พร้อมด้วยแม่เปี๊ยสที่นั่งเสลี่ยงตามมาคุมหน้างาน เหตุการณ์คร่าวๆก็คือพ่อลูกได้ reunion กัน แต่ยังไม่ทันจะหือจะอือจะยังไงต่อ องครักษ์ประจำตัวขององค์พ่อกลับใช้อาวุธมาปักฉึกต่อหน้าทุกคนในท้องพระโรง
https://www.history.com/news/alexander-the-great-father-philip-murder
คิงฟิลลิปผู้อาจหาญ รบกับพี่ตีกับพ่อชาวบ้านมาตลอด ต้องมาจบพระชนม์ชีพแบบง่าวๆ นี่ถ้าประวัติศาสตร์ไม่บันทึกไว้เราคงคิดว่าไอ่คนเขียนบทกับผู้กำกับคงขี้เกียจ เขียนบทให้พระองค์ไปเฝ้าเทพโอลิมปัสซะ(วางหมากโดยองค์แม่โอลิมเปี๊ยส ….. รึเปล่า โปรดติดตาม)
องค์ชายตกพระทัยทำอะไรไม่ถูก สิ่งแรกที่ทำคือกวาดสายตาหาแม่ และพบว่านางเล่นบทเดิม คือยืนยิ้มมุมปากอย่างสะใจอยู่กลางห้อง วุ่นวายชุลมุนอึดตะปือกันอยู่นานจนฝุ่นเริ่มสงบ เจ้าชาย Alexander ซึ่งบัดนี้มีกรรมการเวทีลุมพินี เอ๊ย เสนาของวังได้เข้ามาชูแฮนด์ขึ้น พร้อมประกาศว่าตอนนี้พระองค์คือกษัตริย์องค์ใหม่แห่ง Macedonia แว้ววว
เสียงอึงอลโกลาหลก็กลับดังขึ้นยิ่งกว่าเก่า “อ้าวๆ ไหนว่าคิงฟิลลิปจะยกบัลลังก์ให้เบบี้องค์ใหม่ไง” , “รีบตามหมอมาเซ่เผื่อคิงยังไม่ตุย”, “เอ็งไปตามจับไอ้องครักษ์นั่นมากุดหัว”, “ว้ายๆๆ ฉันกลัวเลือด” ฯลฯ
ตอนนี้กษัตริย์หมาดๆ King Alexander ทนไม่ไหว (เลยไปเข้าห้องน้ำ… บ้าเหรอ เรื่องกำลังมันส์) ปล่อยความอัดอั้น เสียใจ สับสน งงในงง ทรงพระกันแสง (ที่แปลว่าร้องไห้) ออกมาอย่างสะกัดกลั้นน้ำตาไม่ได้ ฝ่ายคุณแม่เปี๊ยสก็หายไปอย่างกับนินจา ได้ข่าวว่ากลับมาอีกที ราชินีสาวและลูกชายเบบี้น้อยของคิงฟิลลิปก็ได้สู่ขิตตามกันไปแล้ว
ไม่เฟี๊ยซตรงไหน เอาปากกามาวง https://www.factinate.com/people/facts-queen-olympias/amp/
จากวันนั้น พระเจ้า Alexander ก็เชื่อจนสุดจิตสุดใจว่าเสด็จแม่เปี๊ยสนี่แหละคือผู้บงการเรื่องวายป่วงนี้ทั้งหมด จึงทรงตัดสัมพันธ์แม่ลูกกันทันที แน่นอนว่าแม่เปี๊ยสเสียพระทัยเป็นอันมาก แต่นางก็จากไป กลับไปยังวังของนางนะอย่าดึงดราม่า หากพระเจ้าอเล็กซานเด้อร์จะทรงหยั่งรู้โชคชะตาเหมือนมีนางพยากรณ์จากวิหารเทพ อพอลโลมาบอกว่า นี่คือวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้อยู่กับเสด็จแม่ พระองค์อาจจะไม่ขับไล่นางออกไปแบบนั้น (มั้งนะ)
เหตุการณ์ก็ผ่านไปอีกหนึ่งซีซั่น มันก็ได้มีสายข่าว
นกแต๊ดแต้คาบข่าวกรองเหมือนผ่านเครื่องบำบัดน้ำ
แอมเวย์ เข้ามาบอกพระองค์ว่า สายข่าวของเราสืบจนมั่นใจว่า จริงๆแล้ว ผู้อยู่เบื้องหลังให้สั่งการลอบสังหารพระบิดาของพระองค์ ก็คืออริเก่า กษัตริย์เปอร์เซีย King Darius ที่ 3 พะย่ะค่ะ ขอเรียกว่า“คิง ดาริอุส” นะ เพื่อนๆที่สนใจจะอ่านบทความมีสาระก็เชิญตามลิ้งค์ด้านล่างไปได้
https://history-maps.com/story/Conquests-of-Alexander-the-Great
ส่วนใครที่เป็นสายย่อ (สาบานว่าย่อแล้ว) ก็มาทางนี้ พระเจ้า Alexander ผู้ห้าวเป้งของเราจะรออะไร รวบรวมสหายสนิท ทหารติดตามได้ 30,000 นาย เพื่อจะไปตบพวกเปอร์เซีย ที่คาดว่ามีกำลังพร้อมรบไม่ต่ำกว่า 300,000 โอยยยยยย ใช้วิชาคณิตคิดในใจตอนเรียนพิเศษที่คุมง กองกำลังห่างกันสิบเท่า ใครจะอยู่ ใครจะจอด ติดตามกันได้ทาง X และ
ติ๊กต่อก
ตอนนั้นเซียนพนันทั่วลาสเวกัสต่างฟันธงว่าพระองค์ไม่น่ารอดเกินสองวัน พระเจ้าอเล็กซานเด้อร์ผู้เชื่อมั่นมาเสมอว่าพระองค์คือบุตรแห่งเทพซุส แถมไอด้อลสมัยเรียนกับท่านอาจารย์ Aristotle ของพระองค์คือ Achilles (อคิลลิสจากตำนานสงครามเมืองทรอยเด้อ ไม่ใช่เฮอร์คิวลิส นั่นก็ลูกครึ่งเทพอีกองค์ที่ดิสนีย์ทำมาทำใหม่เป็นการ์ตูนแบ๊วใสตาหวานไปอีก) พระองค์จะต้องกำชัยชนะทุกศึกทุกมสรภูมิ แผ่นดินทุกหัวระแหงต้องจารึกชื่อพระองค์ตลอดไป (ไป ไป ไป…) ที่สำคัญ พระองค์ต้องทำให้เสด็จพ่อภูมิใจให้จงได้ (ได้ ได้ ได้…)
ใครจะหาว่าบ้าว่าเบียวอย่างไรก็ช่าง พระองค์ได้ประกาศลง IG อย่างกล้าหาญว่า “สงครามมันไม่ได้อยู่ที่ใครมากกว่า แต่ว่าคนเริ่มก่อนได้เปรียบว้อยยยยย”
จากนั้นยอดไลค์ยอดฟอลโล่พระองค์ก็ถล่มทลาย ใครว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟกรุณาคืนตำรานั้นให้ครูไปจ้ะ ว่ากันว่าสงครามครั้งนั้นพระเจ้าอเล็กซานเด้อร์ทรงนำกำลังรบอย่างดุเดือด วางกลยุทธ์ชนิดขงเบ้งยังอาย รวมกับมีม้าเทพคู่ใจอย่างเจ้าบูที่เหมือนตอนเกิดจะมีโอกาสได้ลงยันต์สักหนุมานเสือเผ่น วิ่งเร็วกว่าลม โยกหลบหอก มีด ธนูเหมือนหายตัวได้
คิงดาริอุสผู้ทรงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบสับพระบาทหนีกลับเมือง แต่สุดท้ายถูกทหารเอกตนเองทรยศ เพราะนายทหารนี้เห็นว่าขืนช่วยตากษัตริย์นี่รบ ตัวเองจะได้กลายเป็นอาหารม้าเสียเอง เลยทำการปลงพระชนม์กษัตริย์ใหญ่แห่งเปอร์เซียแบบโง่ๆ ซะงั้น (เรื่องนี้เดจาวูเยอะนะ คุณและฮิปโปไม่ได้เมาเหล้าหรอกแต่เมาเรื่อง) พระเจ้า Alexander ได้ทราบดังนั้น แทนที่พระองค์จะทรงร้อง Viva!! I’m the greatest king Yay!!
ไม่ พระองค์กลับเสียพระทัยให้กับการสวรรคตของคิงดาริอุส ซึ่งตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าพระองค์มีจิตใจที่ดีนะ มาตบกันซึ่งๆหน้าดีกว่า แต่ถ้าจะมีการลอบฆ่าจากคนของตนเองพระองค์ก็รับไม่ได้ พระเจ้าอเล็กซานเด้อร์ถือว่าปิดจ๊อบศึกครั้งนี้ได้โดยเสียกำลังทหารไม่มากนักเมื่อเทียบกับฝั่งเปอร์เซีย ส่วนไอ่ทหารทรยศนั้นคงไม่ต้องสืบ กลัวจะได้เป็นอาหารม้างั้นก็ส่งมันลงไปนอนให้ปลวกแทะแทน
พระองค์ได้จัดงานพระศพให้คิงดาริอุสอย่างสมพระเกียรติ โดยต่อมาไม่นาน อาณาจักรเปอร์เซียก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้า Alexander โดยดี แต่โปรโมชั่นยังไม่หมด ราชินีควีนมัมของเปอร์เซียได้ยกลูกสาวคนโตของนางที่เกิดกับคิงดาริอุสให้แต่งงานเกี่ยวดองกับราชวงศ์มาซิโดเนียนเสียเลย คราวหน้าจะได้ไม่ต้องตบตีกันอีก พระเจ้าอเล็กซานเด้อร์ทรงตอบเพียงว่า ข้าจะรับท่านไว้ให้เป็นเจ้าหญิงของเปอร์เซียต่อไป — น้องเฮย์สหายรักก็เกี่ยวก้อยพระองค์ไว้ไม่แย่งซีนเหมือนเตี๊ยมกันมาดี
https://en.wikipedia.org/wiki/Stateira_(wife_of_Alexander_the_Great)
ว่ากันว่าแต่งแต่ในนามเพื่อให้พระองค์มีสิทธิ์ปกครองเปอร์เซียอ่ะนะ คือเหล่าขุนนางก็ไม่อยากให้แต่งด้วยแหละแต่ก็ขัดไม่ได้ เพราะยังไงราชินีก็ควรเป็นเจ้าหญิงฝั่งกรีกหรือมาซิโดเนียเพื่อความมั่นคงทางอำนาจและการเมือง ไม่ใช่ใครจะถวายลูกสาวใส่พานให้ก็จะรีบแต่งงานในทันที เพราะหากเกิดมีทายาทเป็นพระโอรสกับเจ้าหญิงเมืองอื่นที่สภาไม่ปลื้ม เดี๋ยวมีปัญหาเรื่องมรดกแบบซีรีส์เลือดข้นคนจางอีก
จากนั้นพระเจ้า Alexander ก็ได้เข้าไปในวิหารนักบวชแห่งหนึ่ง (ระบุพิกัดยาก เพราะGPS ยังไม่มี) ภายในนั้นมีโล่ของ Achilles อยู่!!!! ไม่ต้องถามว่าพระเจ้า Alexander จะแคร์มั้ยว่านั่นอาจเป็นโล่เทียมทำเลียนแบบจาก Etsy รึ Alibaba พระองค์เชื่ออย่างสุดจิตสุดใจว่านี่คือโล่ของฮีโร่พระองค์จริงๆ จึงได้ขอแลกโล่นี้มาด้วยดาบคู่พระกายของพระองค์ (นักบวชคงไม่กล้าว่าอะไร และพระองค์น่าจะมีดาบหลายเล่ม) โดยที่ในอนาคตอันไม่ไกลมาก โล่ Achilles อันนี้จะได้รับใช้พระองค์จริงๆ …
ศึกแรกจบไปอย่างงดงามสมพระเกียรติและความแค้นที่เสียเสด็จพ่อไปก็เริ่มจางลง แต่สิ่งที่มีเพิ่มขึ้นในใจคือคำสอนของอาจารย์อย่าง Aristotle ก็ก้องหูขึ้นมาเรื่อยๆ คืออาจารย์คงไม่เสี้ยมสอนให้พระองค์ทรงบ้ารบบ้าสงครามหรอก เพียงแต่บรรยายว่าโลกใบนี้ยังมีดินแดนอีกมากมายนักให้เจ้าได้ค้นหาและประทับตราวีซ่าไว้ดูเล่นๆ (อ้อๆ อีกหนึ่งเหตุผลที่พระองค์ไม่ทรงบุกไปบวกกรุงเอเธนส์ที่เสด็จพ่อเคยบอกไว้ว่าพวกนั้นดูถูกเราน่ะก็เป็นเพราะพระองค์ให้ความเคารพท่านอาจารย์อริสโตเติ้ลผู้เป็นซิติเซ่นที่นั่นมาก)
1
นอกจากนครบาบิโลนแห่งเปอร์เซียที่พระองค์ประทับอยู่ตอนนี้ (เมืองเดียวกับตอนเรียนสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดยุคโบราณ ที่มีสวนลอยแห่งบาบิโลนน่ะจำได้ป่าว แต่ยุคของพระเจ้าอเล็กซานเด้อร์สวนนั้นก็ไม่มีแล้วเด้อ) แผ่นดินทั่วทั้ง Asia Minor — ตอนนี้ก็เป็นประเทศซีเรีย, ตุรกี, บุลกาเรีย, อิสราเอล, จอร์แดน ฯลฯ เพื่อนๆลองหาดูนะ ก็ยอมสยบให้พระองค์
แล้ว สถานีต่อไป Next Station : Egypt… ถามว่าแล้วตีได้มั้ยล่ะอียิปต์เนี่ย ตีได้สิพี่ จนได้ขึ้นเป็นฟาโรห์เลยแหละ แต่พระองค์ก็ไม่รวบไว้ปกครองเอง สวมมง กรีดอายไลเนอร์ ทรงประทับเวเค้ชั่นอยู่สักพัก แล้วต่อมาจึงยกให้อีกหนึ่งเพื่อนรัก (บางแหล่งก็บอกยกบ้าไรล่ะ พอพระองค์สิ้นพระชนม์ คนข้างหลังก็ตบตีแย่งดินแดนกันยิ่งกว่าแบ่งเค้กงานแซยิดอาอึ้ม)
https://historyhogs.com/alexander-the-great-in-egypt/
ใดๆก็ตามคนที่ได้มงอียิปต์ไปครองที่แท้ทรูคือ Ptolemy สหายรัก — แต่อาจไม่รักมากเท่าน้องเฮย์ (บางที่ก็อ่านว่าปโตเลมี บางที่ก็ทอเลมี ฮิปโปอ่านว่า “ทอเลมี” ละกันนะ ) จนตั้งเป็นราชวงศ์ทอเลมีขึ้นมาครองอียิปต์ยาวไป 300 กว่าปีถึงมาสิ้นสุดทางเลื่อนที่พระนางคลีโอพัตราที่ 7 aka แฟนพี่จูเลียส ซีซาร์กับพี่มาร์ค แอนโทนี่นั่นแหละ
ถ้าจะให้ฮิปโปร่ายยาวว่าพระองค์ไปตีเมืองไหนมาอีกบ้าง Ep นี้ก็คงไม่จบง่ายๆ แต่ที่แน่ๆคือ ฝีมือการรบและชื่อเสียงอันเปรี้ยงปร้างของพระเจ้าอเล็กซาน
เด้อร์ก็ทรงพระพีค ไต่ชาร์ตไต่ ranking ขึ้นมาเรื่อยๆ ชัยชนะที่แลกมากับชีวิตทหารนับพันนับหมื่นทุกศึกสงคราม ทำให้กษัตริย์หนุ่มเริ่มจะถมหลุมลึกในใจไม่เต็ม ในขณะที่ทหารมากมายกำลังโหยหาจะกลับบ้าน พระองค์ก็ทรงพระงอแงไม่เอาไม่กลับ เราจะต้องไปยึดเอาอินเดียให้ได้ อาจารย์ Aristotle บอกเราไว้ว่าอินเดียนั้นช่าง Glorius และร่ำรวยมากกว่าบาบิโลนและอียิปต์เสียอีก
คือถ้าตอนนั้นมีแค่พาสปอร์ต เงินถุงเงินถังและเครื่องบินเจ็ต แวะไปเที่ยวตรงนู้นทีตรงนี้ที อัพรูปลงไอจีแล้วค่อยกลับบ้าน สงครามบานทะลู่แบบนี้ก็คงไม่เกิด ระหว่างที่ออกรบอีกเป็นปีๆ พระเจ้า Alexander ก็ตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าหญิงอีกพระองค์นามว่าเจ้าหญิง Roxana เพื่อจะทรงปั้นรัชทายาทโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเหล่าเสนาทหารอีกนั่นแหละ เหตุผลก็เดิมๆคือนางไม่ใช่คนในอาณาจักรกรีก แต่คราวนี้ไหงพระองค์ทำนิ้วก้อยหลุดออกจากเพื่อนรักอย่างน้องเฮย์ ร่ายคาถาเสกองค์ปิกาจู้น้อยอยู่ในครรภ์ของพระนางร็อกซาน่าสำเร็จ
https://thehistorianshut.com/2022/06/27/the-wedding-of-alexander-and-roxana-attributed-to-gerard-de-lairesse-c-1641-1711/
หลังจากที่พระเจ้าอเล็กซานเด้อร์พร้อมกองทัพนับแสนที่อิดโรย บุกข้ามเทือกเขาฮินดูกูฌ (Hindu Kush) ทางเอเชียกลางจะไปตีอินเดีย แต่เรื่องแสนเศร้าก็เริ่มขึ้น — ฮิปโปอ่านแล้วเศร้ามาก ชื่อ Hippo จริงๆแล้วแปลว่าม้านะ ตอนเด็กฮิปโปชอบม้ามากๆเลย แต่ตอนนี้ตัวหนักขึ้นเยอะเลยไม่ได้ขี่อีก ม้าน่าจะขี่ฮิปโปแทน (อันนี้ต้องกราบขอบพระคุณอ. อธิพงษ์ อมรวงศ์ปิติ เซลล์ตัวตึงที่กวาดรางวัลและ titles นักขายมานับไม่ถ้วนจากช่องคุณฟาโรส สำหรับคำศัพท์ใหม่ๆ ความรู้เก๋ๆ เวลาเอาไปพูดต่อมันทำให้ฮิปโปดูมีการศึกษาขึ้นเยอะ)
เจ้าบูผู้ซื่อสัตย์ ได้รับใช้พระเจ้า Alexander จวบจนวาระสุดท้าย ตามตำนานคือหลังจากพระองค์ทำทัพเข้าไปยังพรมแดนอินเดียได้ ทหารฝั่งพระองค์ที่อ่อนล้าอ่อนแรงก็จะเอาอะไรไปสู้ทหารอีกฝั่งที่จัดทัพอย่างหล่อรอกระทืบอยู่ชายแดนได้ล่ะ แต่มาถึงแล้วก็ต้องไปต่อ พระเจ้า Alexander คิดจะปิดจ๊อบองค์กษัตริย์แม่ทัพฝั่งอินเดียให้เร็วที่สุด (เก็บแม่ทัพได้ ก็เท่ากับจบสงคราม
ลองอ่านบันทึกฝั่งอินเดียบ้างนะ เดี๋ยวจะหาว่าฮิปโปอวยองค์ซานเด้อร์เกินเบอร์ https://indiafacts.org/greek-tragedy-alexanders-failed-invasion-of-india/
นี่คือกลยุทธ์สมัยก่อนที่กษัตริย์ยอดนักรบใช้นะ เสด็จพ่อจูเลียส ซีซาร์, องค์ปู่เจงกิสข่าน, พระสุลต่านเมห์เหม็ดผู้ก่อตั้งอาณาจักรออตโตมัน, จักรพรรดินโปเลียน รวมทั้งมหาบุรุษบรรพกษัตริย์ไทย เช่นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและขออภัยที่เอ่ยพระนามกษัตริย์องค์อื่นไม่หมด ต่างก็ทรงนำทัพรบด้วยตนเองมากมาย) ไม่ใช่เหล่านายพลที่บัญชาการผ่านโดรนรึส่งตัวประกอบออกไปรับลูกปืนแทน — อุ๊ย มือลั่นแมวพิมพ์ เข้าใจว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน ขืนส่งหัวเรือหลักไปบวก เกิดพลาด HP หมดขึ้นมาก็ปิดจ๊อบได้เลย
อ้าวๆ เจ้าบูอยู่ไหนแล้ว พระเจ้า Alexander ของเราควบตะบึงเพื่อนรักคู่ใจนำหน้าทหารฝั่งตนไปไกลลิบ เล็งเป้าที่อยู่ด้านหน้า พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นอสูรร้ายที่อยู่ตรงหน้า มันคือตัวอะไร ช้างอินเดียสิครับท่าน งาขาววับกับงวงที่ยาวกว่าต้นสนซีดาร์ฟาดไปมาแบบไม่สนสี่สนแปด เจ้าบูกระทืบเบรค ABS เต็มบาทา ถ้าบุกเข้าไปบวกตอนนี้มันก็เหมือนเอารถมินิคูเปอร์ไปปะทะรถพ่วง 18 ล้อนั่นแหละ
ระหว่างชุลมุนฝุ่นตลบกันอยู่ เจ้าบูก็พลาด (พอก่อนนะ เพื่อนๆไปจินนาการกันเอง) ส่วนเจ้านายที่มันรักและพร้อมยอมตายให้ก็อาการหนักไม่แพ้กัน เหล่าทหารก็ฝ่าทัพเจ้าบ้านเข้ามาคว้าตัวพระองค์ได้ และได้ใช้โล่ของ Achilles ที่นอนนิ่งมาหลายตอนประคองร่างของพระองค์ออกไป บันทึกไม่ได้กล่าว (หรือฮิปโปตาถั่วอ่านไม่เจอ) ว่าทหารได้นำร่างเจ้าบูออกมาได้ด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือพระเจ้าอเล็กซานเด้อร์ต้องเสียพระทัยขนาดไหน เราชาวเนิร์ดแค่ดูหนัง อ่านหนังสือตามยังร้องไห้ไปหลายวัน
https://www.historyskills.com/classroom/ancient-history/bucephalus/
พระองค์จึงทรงให้สร้างอนุสาวรีย์ของเจ้าบูขึ้นมา โดยหาพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่เจ้าบูจากไป ตอนนี้น่าจะอยู่แถวปากีสถานมั้ง ถ้ามีโอกาสฮิปโปจะไปเที่ยวหาเจ้าบูนะ เปลี่ยนจากโหมดเศร้ามาเข้าโหมดแอ็คชั่นดราม่า พระองค์ยังไม่ยอมรับว่านี่คือความพ่ายแพ้ แม้พระอาการจะยังป้อแป้ก็ทรงรับสั่งให้เหล่าทหารเตรียมจัดทัพใหม่ เราจะเข้าไปตีอินเดียกินโรตีเป็นอาหารเช้าให้ได้ทั้งๆยังทรงพันผ้าก๊อซทั่วพระวรกาย
ว่ากันว่าอันโชคชะตาก็เหมือนเกมโดมิโน (ฮิปโปว่าเอง) พอเสียหลักล้มลงมันก็ฟาดต่อเป็นลูกโช่ล้มทั้งกระดาน น้องเฮย์เพื่อนรักเพื่อนเลิฟเกิดเจ็บป่วยหนักอาการร่อแร่ สุดท้ายน้องเฮย์ก็จากพระองค์ไปเข้าเฝ้าเทพซุสและเทพราเรียบร้อย พวกทหารก็ขู่ว่าจะหนีทัพแล้วนะ คิดถึงบ้านโว้ย งานบวชลูกก็ไม่ได้ไป เมียมีผัวใหม่รึยังก็ไม่รู้ etc. ถ้าพระองค์ไม่ถอนทหารกลับไปกรีซพวกเราจะไปกันเองนะ วันๆหาแต่ 🦶มาให้กองทัพ เอ้าว่าไงพวกเรา!!!
https://www.worldhistory.org/Hephaestion/
องค์อเล็กซานเด้อร์เห็นว่าเหล่าทหารคงเคืองพระองค์จริงๆและการลงจากการกรำศึกตอนนี้เมื่ออายุ 32-33 ชันษาตอนที่กำลังพีค ได้ชื่อว่ารบไม่เคยแพ้ใครน่าจะดีเสียกว่าโดนอาบังมุมไบ (อันนี้มุขนะ อย่าเอาไปตอบครูสมศรีจริงๆล่ะเดี๋ยวโดนโบกหัวทิ่มแถมติด 0 ติด ร ตัวแดง) ไล่ขี่ช้างมากระทืบ พระองค์เลยต้องจำใจยอมยกทัพกลับ และให้นายทหารอีกคนคู่จิ้น เอ๊ยคู่ใจนามว่าทอเลมี (Ptolemy) อยู่ยึดอียิปต์และตั้งราชวงศ์ทอเลมีขึ้นมาครองเสียเลย
ข้างฝ่ายพระเจ้าซานเด้อร์ (ชื่อเริ่มสั้น และชะตาชีวิตพระองค์ก็เช่นกัน) พอกลับถึงกรีซได้ไม่นานก็ปลากดว่าโดนวางยาพิษ บางที่ก็บอกทรงดื่มเหล้าหนักจนเพี้ยนและถึงขั้นสวรรคต (เขาว่ากันตามตำรานะคะครูสมศรี อย่าหักคะแนนหนู) เพียงหนึ่เดือนก่อนจะมีพระชนมายุ 33 ปี และไม่กี่เดือนก่อนที่พระราชโอรสจากพระมเหสีร็อกซาน่าจะคลอด
องค์ซานเด้อร์จึงเสด็จสู่สวรรค์ชั้นฟ้าไปหาน้องเฮย์และอคิลิส (Achilles) ฮีโร่ตามตำนานสงครามเมืองทรอย อ้าวนึกไม่ออกอีก ก็แบรด พิทท์ในเรื่องทรอยปี 2004 ไง อ้าวยังงง บางคนบอกหนูยังไม่เกิดเลยป้า งั้นช่างมันเถอะจ้ะ แต่ฮิปโปไม่ทราบว่าทางพระมเหสีทางบาบิโลนองค์แรกน่ะเป็นไงไปไงต่อ
https://www.thecollector.com/how-did-alexander-the-great-die/
แล้วมหากาพย์การชิงพระศพ ตบกันเอาดินแดนของคนใกล้ชิดพระองค์ก็เริ่มขึ้น ทั้งมีบางที่บันทึกถึงการถูกลอบปลงพระชนม์ของพระนางร็อกซานา และองค์ชายน้อยอเล็กซานเดอร์จูเนียอีกไม่นานจากนั้น…ปิดฉากเทพบุตรแห่งสงครามที่สิ้นเผ่าพงศ์พันธุ์ของพระองค์อย่างน่าเศร้า
เอาล่ะเพื่อนๆ ฮิปโปก็ขออนุญาตลงจากยอดเขา Andes เพราะปีนขึ้นที่สูงกว่าจะหาทางลงได้ ใครที่สนใจก็ไปหาดูหาเสพเรื่องราวของพระองค์กันต่อนะ ตอนนี้เรามาทำอาหารโดยได้แรงบันดาลใจมาจากพระเจ้าอเล็กซานเด้อร์กันเถอะ
Persian Lamb Chops & Saffron Basmati Rice
ซี่โครงแกะหมักเครื่องเทศเปอร์เซียย่างและข้าวหุงหญ้าฝรั่นแบบอินเดีย (สำหรับ 3-4 ท่าน)
https://thelemonapron.com/easy-saffron-and-barberry-rice/
เครื่องปรุงสำหรับซี่โครงแกะ
• ซี่โครงแกะทำความสะอาดแล้ว 8-10 ชิ้น
• เกลือหิมาลัยชมพู // พริกไทยหลากสีป่น อย่างละ 1 1/2 ช้อนชา
• เครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อแกะ (ลูกผักชี + ลูกกระวาน + โรสแมรี่ + ไธม์ + กระเทียมผง + หัวหอมผง + ซูแม็ก)
• น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วยตวง
• วิสกี้ 2 ช้อนชา (ถ้ามี จะช่วยดับกลิ่นสาบของแกะ)
เครื่องปรุงสำหรับข้าวบัสมาติ
• ข้าวพันธุ์บัสมาติของอินเดีย (เม็ดยาว หุงออกมาจะร่วนไม่เกาะตัวกัน นุ่มพอประมาณ) 2 ถ้วยตวง
• หญ้าฝรั่นแห้ง (Saffron) 1/4 ช้อนชา
• เกลือหิมาลัยชมพู 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันดอกคาโนล่าหรือเมล็ดทานตะวัน 2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้ แต่ข้าวจะกระด้างนิดนึง)
• น้ำสะอาด 3 1/2 ถ้วยตวง
เครื่องเคียงสำหรับรับประทานด้วยกัน
• แครอทลวกสุก นำไปย่างนิดหน่อย
• เมล็ดทับทิม + ถั่วเฮเซลหรือถั่วพิสตาชิโอทุบหยาบ
• น้ำสลัดงาแบบอาหรับ เรียกว่า Tahini Sauce (ไม่ใส่ก็ได้) ฮิปโปเคยราดน้ำจิ้มแจ่วแบบไทยแทน แซ่บ
อยู่แม่
วิธีทำ
• หมักซี่โครงแกะด้วยเครื่องทั้งหมด 30 นาที - 2 ชั่วโมง
• หุงข้าวบัสมาติด้วยส่วนผสมทั้งหมด ใช้หม้อหุงข้าวได้เลย ไม่ต้องแช่ข้าวก่อนนะ
• ย่างซี่โครงแกะบนตะแกรงเหนือเตาถ่านไฟอ่อนๆ 20 นาทีแล้วเร่งไฟแรงให้เกรียมตามชอบ หรือจะย่างในกะทะไม่ต้องใส่น้ำมันเพิ่มก็ได้ เอาเข้าหม้อทอดไร้น้ำมันไฟ 180 องศาเซลเซียสข้างละ 4 นาที ออกมาเป็นมีเดี้ยมสุกฉ่ำสีอมชมพู
• พอทุกอย่างสุกได้ที่ จัดจานตามจริตและความชอบพร้อมเครื่องเคียง
อัญเชิญเสด็จพ่อองค์อเล็กซานเด้อร์ พร้อมผองเพื่อนมาร่วมรับประทาน และหาหญ้าอ่อน น้ำค้างยอดข้าวมาเผื่อเจ้าบูด้วยนะ
ฮิปโปไปละ เมื่อยกีบมือ ปวดตามากอีพีนี้
รักนะ จุ๊บุๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา