24 เม.ย. เวลา 05:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

5 ข้อคิดจากสารคดีแนวหน้าใน"สงครามโลกครั้งที่สอง"

อ้างอิงจาก:World War II: From the Frontlines (2023)
เรื่องย่อ
เป็นสารคดีเกี่ยวกับทหารหรือผู้มีส่วนร่วมที่อยู่ในแนวหน้าที่ได้รับผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์และความทรงจำของพวกเขา
ในบทความนี้เลยจะมาชวนคุยถึง 5 ข้อคิดจากสารคดีแนวหน้าใน"สงครามโลกครั้งที่สอง"
1.ในสงครามทุกฝ่ายต่างสูญเสีย
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จบลงด้วยการที่ฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นผู้ชนะและฝ่ายอักษะเป็นผู้พ่ายแพ้ก็จริง แต่ทั้งคู่ต่างก็ต้องสูญเสียทั้งทรัพยากรและผู้คนของตัวเองไปเป็นจำนวนมาก
ซึ่งจากเรื่องราวนี้ก็สอนให้เรารู้ว่าการทำสงครามนั้นก็ต้องมีการสูญเสียไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นหากจะทำสงครามหรือความขัดแย้งกับใคร ให้คิดถึงค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องจ่ายออกไปด้วยนะครับ
2.บางครั้งคนเราต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ
ในช่วงเวลาแห่งสงคราม หลายคนจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำหรือบางทีมันขัดกับคุณธรรมเบื้องลึกของตัวเองก็ตาม
เช่น การที่นักบินอังกฤษจำเป็นจะต้องบินไปทิ้งระเบิดที่เมืองฮัมบูร์กซ้ำเพราะว่ายังเหลือตึกนึงที่ยังไม่ถล่มและตอนนี้เป็นที่ลี้ภัยของผู้คนภายในเมือง เป็นต้น
ดังนั้นบางทีเราจำเป็นต้องฝืนใจทำสิ่งที่เราไม่อยากจะทำในชีวิต แต่จำไว้ว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้บ่งบอกหรือเป็นสิ่งที่เป็นตัวตนของเราเสมอไป ถ้ามันจำเป็นจงข่มใจและลงมือทำมันไปนะครับ
3.ทุกคนต่างก็มีมุมมืดของตัวเอง
คนเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ทำผิดพลาดหรือเป็นความลับที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ บางทีก็ปกปิดมันเอาไว้เพราะกลัวมันจะสมผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตัวเอง
เหมือนกับที่อังกฤษได้ให้นักบินไปทิ้งระเบิดที่เมืองฮัมบูร์กเพื่อบีบบังคับและกระตุ้นให้คนเยอรมันยอมแพ้ ซึ่งทำให้ผู้คนภายในเมืองเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
และเมื่อเหลือเพียงตึกเดียวที่ยังไม่ถล่มภายในเมือง ก็ได้มีคำสั่งให้นักบินไปทิ้งระเบิดซ้ำเพื่อทำลายให้สิ้นซาก ซึ่งตึกนั้นเป็นที่อพยพลี้ภัยของผู้คนที่ยังเหลือรอดภายในเมือง เป็นต้น
ดังนั้นจงเรียนรู้ไว้ว่าทุกคนต่างก็มีมุมมืดของตัวเองทั้งนั้น จงอย่าเปิดเผยและเชื่อใจใครมากเกินไปนะครับเพราะมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาในชีวิตได้
4.อย่าเอาแต่เฝ้ารอเพราะไม่รู้ว่าจะมีชีวิตถึงเมื่อไหร่
ในสารคดีมีคู่รักชาวโปแลนด์คนหนึ่งที่เป็นคู่หมั้นกันอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจที่จะแต่งงานกันโดยการทำพิธีแบบเรียบง่ายและฉลองด้วยของกินเท่าที่หามาได้ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
จากเรื่องราวนี้ได้สอนให้เรารู้ว่า ถ้ามีสิ่งที่อยากทำไม่ว่าจะเป็นความฝัน การแสดงความรักในความสัมพันธ์รอบตัวหรืออะไรก็ตาม
ให้เลิกเฝ้ารอและลงมือทำเพื่อให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายที่ต้องการเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะครับ
5.เราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
แม้เราอาจจะมีสีผิว ขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษาที่ต่างกัน แต่เราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกันทั้งนั้น การพยายามทำร้ายกันจึงเป็นสิ่งที่เสียเปล่า
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เยอรมันทำกับประเทศที่รุกรานและชาวยิวที่อยู่ในค่ายกักกัน หรือสิ่งที่สหรัฐอเมริกาทำกับประชาชนชาวญี่ปุ่นและอังกฤษทำกับประชาชนของเยอรมัน
หรือแม้แต่สิ่งที่ญี่ปุ่นทำกับชาวเมืองนานกิงในประเทศจีน ต่างก็เป็นสิ่งที่โหดร้ายและทำให้ลืมตระหนักถึงว่าอีกฝ่ายต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
ดังนั้นให้เราเรียนรู้ที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าเอาแต่ตัวเองหรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางมากเกินไป ให้เคารพในความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายด้วยนะครับ
นี่คือ 5 ข้อคิดจากสารคดีแนวหน้าใน"สงครามโลกครั้งที่สอง" ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองได้นะครับ
ท่านใดที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วมีข้อคิดหรือความคิดเห็นอื่นๆสามารถ Comment บอกไว้ได้เลยนะครับมาร่วมแชร์ประสบการณ์และความคิดเห็นจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันนะครับ
ถ้าท่านใดมีคำติชมหรือความเห็นก็สามารถ Comment ไว้ได้เลยนะครับเราจะได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆไปด้วยกันนะครับ
โฆษณา