Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTVHD36
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
2 ธ.ค. 2024 เวลา 05:00 • อาหาร
แจก 3 สูตรทำน้ำขิงด้วยตนเอง สมุนไพรแก้หนาว ช่วยขับลม แก้ไอ ขับเสมหะ
น้ำขิง น้ำสมุนไพรที่หลายคนทราบและรู้จักสรรพคุณกันดี วันนี้นำ 3 สูตรทำน้ำขิงแบบง่ายๆ เตรียมของไม่เยอะ ช่วยแก้ไข้ ขับเสมหะ บางพื้นที่อากาศเปลี่ยนช่วยแก้หนาวได้
หลายวันมานี้ กรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดเริ่มมีอากาศเย็นตัวลง ไหนจะปัญหาน้ำท่วงภาคใต้ และมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นPM2.5 ที่เริ่มสูงขึ้นด้วย ทำให้หลายคนเริ่มปรับตัวไม่ทัน มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว การเลือกกินอาการจึงสำคัญ วันนี้ขอแนะนำ ขิง สมุนไพรจากธรรมชาติ ช่วยปรับสมดุลธาตุทั้ง 4
ขิง เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง (Zingiberaceae) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber officinale Roscoe ในเหง้าขิงมีน้ำมันหอมระเหยประมาณ 1 - 3 %
น้ำขิง
ขึ้นอยู่กับวิธีปลูกและช่วงการเก็บรักษา เช่น menthol , borneol , fenchone , 6-shogoal และ 9-gingerol menthol ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการออกฤทธิ์ สารรสเผ็ดร้อน (pungent) จากเหง้าขิง เรียกว่า gingerols และ shogoals มีฤทธิ์ ขับน้ำดี ช่วยในการย่อยไขมัน และปกป้องตับจากสารพิษ
ขิงสด นิยม ใช้ประโยชน์ในการปรุงอาหาร เช่น หมูผัดขิงใส่เห็ดหูหนู ซอยแล้วโรยหน้าโจ๊ก ขิงอ่อนหั่นเป็นแว่นๆ เป็นผักจิ้มน้ำพริก ทำเป็น ‘ขิงดอง’ ไว้กินแก้เลี่ยนกับหมูกรอบ ไส้กรอกอีสาน ยำแหนมสดข้าวทอด และที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้คือการทำ น้ำขิง ไว้ดื่มเพื่อเสริมสุขภาพ
มีงานวิจัย การศึกษาทางคลินิกว่าขิงมีฤทธิ์แก้คลื่นไส้ อาเจียน จากการเมารถ เมาเรือ ฤทธิ์แก้คลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยหลังการผ่าตัด ฤทธิ์แก้คลื่นไส้อาเจียน ในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบําบัด ฤทธิ์แก้คลื่นไส้ อาเจียน ในหญิงมีครรภ์ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากการออกกำลังกาย ฤทธิ์ลดการอักเสบในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ฤทธิ์ลดการสูญเสียเลือดประจำเดือน ฤทธิ์ในการรักษาไมเกรนและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ขิง เป็นส่วนประกอบหนึ่งในยาสมุนไพรหลายพิกัด เช่น “เบญจกูล” ซึ่งมีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลของธาตุทั้ง 4 โดยเหง้าขิงแห้งจะช่วยควบคุมอากาศธาตุให้เป็นปกติ หรือ “ตรีกฏุก” เป็นเครื่องยาที่มีฤทธิ์ให้ความร้อน ขิงแห้งจะปรับการทำงานของธาตุลมให้สมดุล และในตำรับยาสามัญประจำบ้านของไทยก็มีส่วนผสมของเหง้าขิง/ขิงแห้งเข้าหลายตำรับด้วย เช่น ประสะกะเพรา , วิสัมพยาใหญ่ , ประสะกานพลู , มันทธาตุ , ธรณีสัณฑะฆาต , ธาตุบรรจบ , ยาหอมอินทจักร์ , ยาหอมนวโกฐ และประสะไพล ซึ่งตำรับยาเหล่านี้มีฤทธิ์รสสุขุมไปจนถึงรสร้อน
ในคัมภีร์สรรพคุณยา เรื่องเกี่ยวกับพิกัดตรีผลา ตรีกฏุก ตรีสาร กล่าวไว้ว่า
●
ขิงแห้งนั้น มีรสอันหวาน ย่อมแก้พรรดึก แก้ไข้จับ แก้นอนมิหลับ แก้ลมพานไส้ แก้ลมแน่นในทรวง แก้ลมเสียดแทงคลื่นเหียน
●
ขิงสดนั้น มีรสหวาน ร้อน เผ็ด เหง้าจำเริญอากาศธาตุ ดอกแก้โรคอันบังเกิดแต่ดวงหทัย ใบแก้กำเดาให้บริบูรณ์ ต้นสกัดลมสลสู่คูถทวาร รากแก้เสียงให้เพราะ แลเจริญอาหาร
ส่วนคัมภีร์สรรพคุณยา เรื่องเกี่ยวกับไม้มีคุณเสมอกัน
●
คุณขิงแห้ง แก้เสมหะ เจริญไฟธาตุ แก้ไอลึกในทรวงอก
●
ขิงสด มีรสเผ็ดร้อน แก้ลมในกองไฟธาตุให้กระจายเสีย แก้ลมพรรดึก แก้จุกเสียด แก้โรคในอก เจริญอาหาร แก้ไข้ 10 ประการให้สมบูรณ์
●
ตำรับยาไทยใช้เหง้าขิงแก่ เป็นยาขับลม แก้ไอ ขับเสมหะ รวมทั้งแก้อาเจียนด้วย
แจก 3 สูตรทำ “น้ำขิง” ด้วยตัวเอง
ส่วนผสมน้ำขิง สูตร 1
●
ขิงสด (ไม่แก่นัก) 2 ถ้วย
●
น้ำสะอาด 9 ถ้วย
●
น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วย
วิธีทำ : ปอกเปลือกขิงออก ล้างน้ำ ทุบพอแหลก ตั้งน้ำให้เดือด เอาขิงลงต้ม 15-30 นาที กรองเอากากออก เติมน้ำตาลทราย ชิมรสตามต้องการ รีบยกลงกรองใส่ขวด นึ่งต่ออีก 20-30 นาที เมื่อเย็นเก็บใส่ตู้เย็น การต้มถ้าเดือดนานเกินไปกลิ่นหอมของขิง ซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยจะระเหยออกไปหมด ทำให้น้ำขิงที่ได้ไม่มีกลิ่นหอมชวนดื่ม
การเตรียมน้ำขิง ควรใช้ขิงไม่แก่นัก เพราะขิงแก่จัดจะมีสารชนิดหนึ่งมีกลิ่นฉุนและรสเผ็ดจัด เมื่อเตรียมเป็นน้ำขิงแล้ว รสชาติจะไม่กลมกล่อม
ส่วนผสมน้ำขิง สูตร 2
●
ขิงสด (ขิงหั่นขนาด 1 นิ้ว 5-6 ชิ้น) 15 กรัม
●
น้ำสะอาด 16 ช้อนโต๊ะ (240 กรัม)
●
น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
วิธีทำ : ปอกเปลือกขิงออกล้างน้ำให้สะอาด ทุบพอแหลกตั้งน้ำให้เดือด เอาขิงที่ทุบไว้ลงต้มให้เดือด 15-30 นาที กรองเอากากออก เติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ
ส่วนผสมน้ำขิง สูตร 3
●
เหง้าขิงสดยาวประมาณ 2 นิ้ว ฝานเป็นแว่น ๆ
วิธีทำ : ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว 15-30 นาที ใส่น้ำตาลเล็กน้อย
ขนาดรับประทาน : กินครั้งละ 2-5 ช้อนโต๊ะ ตลอดวัน
ข้อควรระวัง ในการรับประทานขิง
●
อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้ มีบางการศึกษาพบว่า ขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์และการแท้ง แต่ในการตั้งครรภ์รายอื่นๆ นั้นไม่พบว่าการรับประทานขิงจะทำให้เกิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ดังนั้น คุณควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตนเอง
●
ทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้ ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถทำให้เยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบ จนเป็นอาการร้อนในได้ ดังนั้น ไม่ควรรับประทานขิงมากจนเกินไป
●
ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด การศึกษาหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดการรับประทานขิงในขณะที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ดังนั้น ถ้าหากคุณมีอาการเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขิง
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยหรือมีโรคเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารซึ่งอาหารทุกชนิดล้วนมีประโยชน์ แต่ต้องกินแต่พอดี ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างหายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ สมบูรณ์แข็งแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข , คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดปัตตานี
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/health/food/6192
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
สุขภาพ
อาหารสุขภาพ
อาหาร
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย