Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เบื่อเมือง
•
ติดตาม
20 เม.ย. เวลา 22:50 • ประวัติศาสตร์
ตามหาสาวัตถี ตอน 7 - จาก “กัสมีระ” สู่ “สาวัตถี” (ตอนที่ ๖) : เทโวโรหณะ ร่องรอยจากตำนาน เมืองสะเทิม
[ #คำเตือน เนื่อหาในซีรีส์นี้ จำเป็นต้องใช้วิจารณญานในการอ่านมากเป็นพิเศษ ท่านที่ไม่สามารถวางองค์ความรู้เรื่องดินแดนเกิดของพระพุทธศาสนาอยู่ที่ “อินเดีย” เอาไว้ข้าง ๆ ตัวก่อนอ่านได้ แอดมินอยากให้ข้ามเพจนี้ไปนะครับ เพื่อที่เวลาอันมีค่าของท่านจะได้ไม่ต้องมาสูญเปล่าไปโดยไม่ได้ประโยชน์อันใด]
📖…………………………………
“เทโวโรหณะ” “ตักบาตรเทโว” หรือ “ตักบาตรเทโวโรหณะ” หมายถึง ประเพณีการตักบาตรในวันถัดจากวันออกพรรษา
ในพรรษาที่ ๗ นับจากปีที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาอยู่หนึ่งพรรษา
ครั้นถึงวันปวารณาออกพรรษาวันแรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๑ พระพุทธองค์จึงเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ทางบันไดแก้วมณีที่ประตูเมือง ‘สังกัสสะ’ ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีสว่างไสวเรืองรองไปทั่วทั้งโลกธาตุ แล้วเกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น
ทรงเปิดโลกทั้งสาม ให้เห็นถึงกันในเวลาเดียวกัน คือ สวรรค์ มนุษย์ นรก เห็นกันหมด
ทั้งเทวดามนุษย์ สัตว์นรก สัตว์เดียรัจฉานเปรตอสุรกายต่างเห็นกันและกันด้วยตาเนื้อ เป็นอัศจรรย์ด้วยพุทธานุภาพ เมื่อเห็นความอัศจรรย์นั้นต่างเกิดมหาปีติ พากันตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า เพราะเห็นพุทธานุภาพนั้นแม้แต่มดซึ่งเป็นสัตว์เดียรัจฉานยังมีความรู้สึกนึกคิดที่จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าด้วย
วันนั้นจึงเรียกว่า “วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก”
อนึ่งในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาสู่มนุษย์โลกนั้น ประชาชนพร้อมกันไปทำบุญตักบาตรเป็น จำนวนมากสุดจะประมาณ พิธีที่กระทำกันในการ “ตักบาตรเทโว” ซึ่งถือตามประวัตินี้ก็เท่ากับทำบุญตักบาตรรับเสด็จพระพุทธเจ้าในคราวเสด็จลงมาจากเทวโลกนั่นเอง
บางวัดจึงเตรียมการในคฤหัสถ์แต่งตัวเป็นเทวดาบ้างเป็นพรหมบ้างแล้วอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่มีล้อเคลื่อน และมีบาตรตั้งอยู่ข้างหน้าพระพุทธรูปใช้คนลากนำหน้าพระสงฆ์ พวกทายกทายิกาตั้งแถวเรียงรายคอยใส่บาตร เป็นการกระทำให้ใกล้กับความจริงเพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า
ส่วนอาหารที่นำมาทำบุญตักบาตรในวันนั้น มีข้าวกับข้าวต้มมัดใต้ “ข้าวต้มลูกโยน” ที่ห่อด้วยใบมะพร้าวหรือใบลำเจียกไว้หางยาว และข้าวต้มลูกโยนนี้มีประวัติมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะตั้งใจอธิษฐานแล้วโยนไปให้ลงบาตรของพระพุทธเจ้า เนื่องจากมีคนมากเข้าไปใส่บาตรไม่ได้
(เรียบเรียงจากบทความ “ตักบาตร เทโวโรหณะ การหยั่งลงจากเทวโลก” โดย พระครูปราโมทย์สีลคุณ)
…............................................. 📖
คำว่า “เทโวโรหณะ” ประกอบด้วยคำจากภาษาบาลีว่า “เทว” และ “โอโรหณ”
เทว หมายถึง เทวโลก
โอโรหณ หมายถึง การลง
รวมกันจึงแปลว่า “การลงจากเทวโลก” ประเพณี “ตักบาตรเทโวโรหณะ” จึงเป็นการทำบุญที่ทำให้รำลึกถึง “เหตุการณ์สำคัญ” ทางพุทธศาสนา ที่ชาวพุทธเราปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานมากกว่า ๒๕๐๐ ปีแล้ว
…
ใน Ep ที่ผ่านมา แอดมินได้นำเสนอเรื่องราวของ “พระพิมพ์ดินเผา” ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ พบจากกรุในวัดโบราณแห่งหนึ่งที่เมือง “สะเทิม” เมืองหลวงของอาณาจักร “มอญโบราณ” ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเมืองนี้มี “ตำนานเมือง” ย้อนไปได้ถึงสมัยพุทธกาล
และตำแหน่งของเมือง “สะเทิม” นั้น ตรงกับตำแหน่งของเมือง “สังกัสสะ” ในบันทึกของหลวงจีนฟาเหียนพอดี
เมื่อลองสืบค้นต่อไปก็พบว่ายังมี “ตำนาน” ของเมือง “สะเทิม” ที่ “เชื่อมโยง” เรื่องราวในพุทธประวัติเข้ากับหลาย “พื้นที่” ในปัจจุบัน ซึ่งเป็น “ร่องรอย” ที่จะช่วยให้สืบค้นเมืองอีกหลายเมืองที่มีกล่าวในพระไตรปิฎก
แอดมินเลยจะขอนำมาเสนอตำนานเมือง “สะเทิม” ใน Ep นี้ ก่อนที่จะข้ามเข้า “ฝั่งไทย” ไปตามหาเมือง “สาวัตถี” กันต่อไปครับ
📖 ……………………………………………….
ตำนาน “เมืองสะเทิม” หรือตำนาน “พระเกศาธาตุทั้ง ๖”
ก่อนพระพุทธเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ ๕๐ ปี มีเมือง “สุพินทะนคร” หรือเมือง “สะเทิม” ที่มีกษัตริย์ชื่อ “พระเจ้าติสสะ” เป็นกษัตริย์ที่ทรงเดชอำนาจอันสืบเนื่องจากที่ได้รับธนูจากพระอินทร์
ในสมัยนั้นฝ่าย “โยดะยา” (อยุชฌยบุรี คือ หริภุญไชย- แอดมิน) มักยกทัพมาตีเมืองของพระเจ้าติสสะบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยชนะ พระเจ้าติสสะจึงโปรดให้สร้างเมือง “ชัยนคร” หรือเมือง “กอกะเร็ก” (เกาะเกร็ด) ขึ้นบริเวณเทือกเขา “โดหะนะ”
ต่อมาเมื่อพระเจ้าติสสะสิ้นพระชนม์ กษัตริย์อินทาเจ้าเมืองชัยนครก็ตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อเมืองสะเทิมอีกต่อไป พร้อมทั้งตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า “ทวารปุระ”
เมื่อเมือง “ทวารปุระ” มีความเจริญและมีอาณาเขตกว้างขวางมากขึ้น จึงต้องการสร้างเมืองหน้าด่านจำนวน ๖ เมือง เพื่อดูแลเขตแดนด้านที่ติดกับโยดะยา หนึ่งใน ๖ เมืองนั้นคือ “เมืองเมียวดี” เป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกของเมืองทวารปุระ มีเจ้าเมืองชื่อ “สุมนะ”
(ถัดจากเมืองกอกะเร็ก หรือ ทวารปุระ ข้ามเขา "โดหะณะ" มาทางทิศตะวันออกจะเป็นเมือง "เมียวดี" ถัดจากเมียวดีมาทางตะวันออกจะเป็นเมือง "แม่สอด" บ้านเรา)
ในตำนานยังได้กล่าวถึงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาด้วยว่า
หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากบิณฑบาตที่ “เชียงใหม่” ได้แวะที่เมืองเมียวดี พร้อมด้วยพระสงฆ์ ๕๐๐ รูป เจ้าเมืองเมียวดีสุมนะมีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ได้รับพระเกศาธาตุ ๔ องค์ จากนั้นเจ้าสุมนะจึงนิมนต์พระพุทธเจ้าไปที่เมืองทวารปุระ
แต่พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ แต่ส่งพระอรหันต์จำนวน “๓๓ รูป” ไปเป็นตัวแทน พระอรหันต์ทั้งหมดเหาะไปที่เมืองทวารปุระ แต่ชาวเมืองแตกตื่น ไม่เคยเห็น จึงฟ้องกษัตริย์แห่งทวารปุระ
กษัตริย์ได้ส่งทหารมาจับพระอรหันต์ทั้งหมดไปขัง ฝ่ายเจ้าเมืองสุมนะต้องมาช่วยเจรจา สุดท้ายกษัตริย์แห่งทวารปุระได้ฟังธรรมจากพระอรหันต์ จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส และยอมรับในพระพุทธศาสนา
…
กลับมาที่พระเจ้าติสสะราชานั้น มีพระราชโอรส ๒ พระองค์ แต่ทั้ง ๒ พระองค์ไม่ประสงค์จะครองราชย์ จึงออกบวชเป็นฤาษี ตนพี่อยู่ที่เขาสิ่นไจ่ง์ เมืองเย ในรัฐมอญ ส่วนตนน้องอยู่ที่เขาซวยกะปิ่ง เมืองพะอาน รัฐกะเหรี่ยง
แต่แล้ววันหนึ่งที่เชิงเขาสิ่นไจ่ง์ มีนางนาคทะเลสมสู่กับวิทยาธร กำเนิดเป็นไข่ ๒ ใบ เมื่อวิทยาธรหนีไปนางนาคจึงละทิ้งไข่แล้วหนีไปด้วยความอับอาย ฤาษีตนพี่จึงเก็บไข่ไว้ใบหนึ่งแล้วแบ่งไข่ที่เหลือให้ฤาษีตนน้องเลี้ยง
ไข่ทั้ง ๒ ใบ ฟักออกมาเป็นเด็กผู้ชาย ๒ คน
ต่อมาเด็กชายที่ฤาษีตนน้องแห่งเขาซวยกะปิ่งได้เสียชีวิตลงเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ ได้ไปเกิดใหม่เป็น “พระควัมปติ” อยู่ในชมพูทวีป ส่วนเด็กชายซึ่งฤาษีตนพี่เลี้ยงนั้นเจริญวัยได้ครองราชย์เป็นเจ้าเมือง “สะเทิม”
พระควัมปตินั้นได้บวชเป็นภิกษุแล้วระลึกชาติได้ เห็นควรนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ในแผ่นดินของพี่ จึงเดินทางกลับมา กษัตริย์ผู้ครองเมืองสะเทิมเกิดความเลื่อมใส จึงขอให้พระควัมปติไปนิมนต์พระพุทธเจ้ามาที่เมืองสะเทิม
ครั้นพระพุทธองค์เสด็จมา ได้พระราชทานพระเกศาให้ไว้ ๖ เส้น กษัตริย์แห่งเมืองสะเทิมได้ประดิษฐานพระเกศาธาตุองค์หนึ่งไว้ที่พระเจดีย์ชเวซายัน เมืองสะเทิม นั้นเอง”
(เรียบเรียงจาก - สรุปบรรยายสาธารณะเรื่อง “ตามเส้นทางพระเจ้าเลียบโลก ไปเมียวดี พะอาน สะเทิม และมะละแหม่ง” บรรยายโดยสิทธิพร เนตรนิยม)
…........................................................ 📖
- ร่องรอยแรก
เรื่องที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากบิณฑบาตที่ “เชียงใหม่” ได้แวะที่เมือง “เมียวดี” พร้อมด้วยพระสงฆ์ ๕๐๐ รูป จะเห็นว่าความทรงจำที่ได้กลายเป็นตำนานของชาว "มอญโบราณ" แสดงให้เห็นว่าสมัยพุทธกาลมี "เมืองใหญ่" ตั้งอยู่ในบริเวณเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบันแล้ว
แฟนเพจที่ติดตามกันมาตลอดก็คงจะทราบดีว่า “เชียงใหม่” ในตำนานก็คือเมือง “ราชคฤห์” ในสมัยพุทธกาลนั่นเอง
- ร่องรอยที่ ๒
เรื่องพระอรหันต์จำนวน “๓๓ รูป” ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปโปรดกษัตริย์แห่ง “ทวารปุระ” มีข้อสังเกตของร่องรอยนี้อยู่ที่จำนวน “พระอรหันต์” ที่ไปลงตัวกับเรื่อง “พระภัททวัคคิยเถระ” ชาวเมือง “ปาเฐยยะ” ๓๐ รูปพอดี
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระภัททวัคคีย์พบพระพุทธเจ้าครั้งแรกไว้ดังนี้
📖…………………………..
[๓๖] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระนครพาราณสีตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบลอุรุเวลา และทรงแวะจากทาง แล้วเสด็จเข้าไปยังไพรสณฑ์แห่งหนึ่ง ครั้นถึงไพรสณฑ์นั้นแล้ว ประทับนั่ง ณ โคนไม้ต้นหนึ่ง
ก็โดยสมัยนั้นแล สหายภัททวัคคีย์จำนวน ๓๐ คน พร้อมด้วยปชาบดีบำเรอกันอยู่ ณ ไพรสณฑ์แห่งนั้น สหายคนหนึ่งไม่มีประชาบดี สหายทั้งหลายจึงได้นำหญิงแพศยามาเพื่อประโยชน์แก่เขา
ต่อมาหญิงแพศยานั้น เมื่อพวกสหายนั้นเผลอตัวมัวบำเรอกันอยู่ ได้ลักเครื่องประดับหนีไป จึงพวกสหายนั้น เมื่อจะทำการช่วยเหลือสหาย เที่ยวตามหาหญิงแพศยานั้น ไปถึงไพรสณฑ์แห่งนั้น ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งอยู่ ณ โคนไม้ต้นหนึ่ง
ครั้นแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า พระผู้มีพระภาคเห็นหญิงบ้างไหม เจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคทรงย้อนถามว่า ดูกรกุมารทั้งหลาย พวกเธอจะต้องการอะไรด้วย หญิงเล่า?
ภัท. เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าเป็นสหายภัททวัคคีย์จำนวน ๓๐ คน ในตำบลนี้ พร้อมด้วยปชาบดี บำเรอกันอยู่ในไพรสณฑ์แห่งนี้ สหายคนหนึ่งไม่มีปชาบดี พวกข้าพเจ้าจึงได้นำหญิงแพศยามาเพื่อประโยชน์แก่เขา
ต่อมา หญิงแพศยานั้น เมื่อพวกข้าพเจ้าเผลอตัวมัวบำเรอกันอยู่ได้ลักเครื่องประดับหนีไป เพราะเหตุนั้น พวกข้าพระองค์ผู้เป็นสหายกัน เมื่อจะทำการช่วยเหลือสหาย จึงเที่ยวตามหาหญิงนั้นมาถึงไพรสณฑ์แห่งนี้ เจ้าข้า
พ. ดูกรกุมารทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ข้อที่พวกเธอแสวงหาหญิงหรือแสวงหาตนนั้น อย่างไหนเป็นความดีของพวกเธอเล่า?
ภัท. ข้อที่พวกข้าพระองค์แสวงหาตนนั่นแล เป็นความดีของพวกข้าพเจ้า เจ้าข้า.
พ. ดูกรกุมารทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นพวกเธอนั่งลงเถิด เราจักแสดงธรรมแก่พวกเธอ.
…
ในที่สุดสหายภัททวัคคีย์จำนวน ๓๐ คน ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ทูลขอบรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคทรงประทานอุปสมบทให้โดยตรัสว่า “พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด” ดังนี้ แล้วได้ตรัสต่อไปว่า
ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด
……………………………………………… 📖
แอดมินขอเพิ่มเติมให้ในส่วนของ “อรรถกถา” ที่ได้ระบุที่ตั้งของเมือง “ปาเฐยยะ” ไว้ดังนี้
📖 …......................
บทว่า ปาเฐยฺยกา มีความว่า เป็นชาวจังหวัดปาเฐยยะ
มีคำอธิบายว่า ทางด้านทิศตะวันตกในแคว้นโกศล มีจังหวัดชื่อปาเฐยยะ ภิกษุเหล่านั้นมีปกติอยู่ในจังหวัดนั้น
คำว่า ปาเฐยฺยกา นั้น เป็นชื่อของพวกพระภัททวัคคิยเถระ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพระบิดาของพระเจ้าโกศล ในพระเถระ ๓๐ รูปนั้น รูปที่เป็นใหญ่กว่าทุกๆ รูป เป็นพระอนาคามี, รูปที่ด้อยกว่าทุกๆ รูปเป็นพระโสดาบัน, ที่เป็นพระอรหันต์หรือปุถุชน แม้องค์เดียวก็ไม่มี
……………………………… 📖
อรรถกถาบอกเราว่า เมือง “ปาเฐยยะ” อยู่ทางด้านทิศตะวันตกใน “แคว้นโกศล”
ส่วนแคว้นโกศลเอง อาจประมาณเบื้องต้น (ในความเห็นของแอดมิน) ได้ว่า คือบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เมืองนครปฐม (พาราณสี) กาญจนบุรี อู่ทอง ขึ้นไปจนถึงเมืองกำแพงเพชร
เมื่อพิจารณาประกอบกับตำนานเมืองสะเทิม ดังนั้นเมือง “ปาเฐยยะ” ในสมัยพุทธกาลก็น่าจะเป็นเมือง “กอกะเร็ก” ในปัจจุบันนั่นเอง
จะเห็นว่าจาก “พาราณสี (นครปฐม)” พระพุทธองค์ทรงเสด็จขึ้นไปทางเหนือแวะที่เมือง “กอกะเร็ก” เพื่อไปยังตำบลอุรุเวลา (อยู่ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน) หากจะเสด็จต่อไป “ราชคฤห์” (เชียงใหม่) ก็ทำได้โดยง่าย ก็จะสอดคล้องลงตัวพอดีกันทั้งหมด
แอดมินขอให้จำตำแหน่งเมือง “ปาเฐยยะ” นี้ไว้นะครับ เพราะจะทำให้เรากำหนดเมืองอื่น ๆ ในพระไตรปิฎกได้อีกหลายเมือง
…
- ร่องรอยที่ ๓
เมือง “กอกะเร็ก” หรือเมือง “ปาเฐยยะ” สร้างขึ้นบริเวณ “เทือกเขาโดหะนะ” ซึ่งหากดูจากแผนที่แล้วอาจกล่าวได้ว่าเป็นเทือกเขาเดียวกันกับเทือกเขาด้านฝั่งตะวันออกของเมือง “สะเทิม”
ชื่อ “เขาโดหะนะ” จึงน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “โรหณะ” คือเขาที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากเทวโลกนั่นเอง
- ร่องรอยที่ ๔ “พระเกศาธาตุ”
บันทึกของ “หลวงจีนฟาเหียน” ระบุว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงจากดาวดึงส์ประทับที่เมือง “สังกัสสะ” ได้ทรงปลงพระเกศาและตัดพระนขา (เล็บ) และได้มีผู้ก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุนี้ไว้ และยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า ณ ที่นี้เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าในอดีตอีก ๓ พระองค์ และพระพุทธเจ้าศากยมุนี (รวม ๔ พระองค์) ทรงเสด็จมาประทับ (และประทานพระเกศาธาตุไว้ให้)
สอดคล้องตรงกันกับ “ตำนาน” ของ “เจดีย์ชเวซายัน” ที่เมืองสะเทิมพอดี
“เจดีย์ชเวซายัน” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสะเทิม มีตำนานเล่าว่าภายในเจดีย์บรรจุ “พระเกศาธาตุ” และ “พระทันตธาตุ” ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ในกัลป์นี้ รวมไปถึงองค์ที่พระควัมปตินำมาด้วยเช่นกัน
สำหรับพระพุทธเจ้าศากยมุนีใน “ตำนาน” เมืองสะเทิมระบุว่า เสด็จมาประทับอยู่นานถึง ๔ เดือน (จึงน่าจะเป็นการจำพรรษาช่วงเสด็จดาวดึงส์และลงมายังเมืองสังกัสสะ - แอดมิน)
- ร่องรอยสุดท้าย (อันนี้แอดแถมให้ครับ)
นอกจากบันทึกของหลวงจีนฟาเหียนแล้วยังมี “บันทึกท่องเที่ยวชมพูทวีป” ของ “หลวงจีน” อีกท่านหนึ่งที่ไม่ใช่ทั้ง “พระถังซัมจั๋ง” หรือ “พระอี้จิง” ที่ระบุว่า จุดที่พระพุทธเจ้าทรง “ลงจากเทวโลก” นั้น ได้มีการสร้าง “เจดีย์” ไว้และถือเป็นเจดีย์องค์ “สำคัญ” องค์หนึ่งในมหาเจดีย์จำนวน ๔ องค์ในชมพูทวีป
บันทึกระบุว่าเจดีย์นี้สร้างที่เมือง “สังกัสสะ”
ในบันทึกยังให้ข้อมูลทางภูมิศาสตร์เพิ่มเติมอีกว่าเมือง “สังกัสสะ” ตั้งอยู่ “ในระหว่าง” แม่น้ำใหญ่ ๒ สาย
ก็จะลงตัวพอดีกับเมือง “สะเทิม” ที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ “สะโตง” กับ แม่น้ำ “สาละวิน” อย่างชัดเจนครับ
…
ทั้งหมดนี้เป็นบันทึก ตำนานและสภาพทางภูมิศาสตร์ของเมือง “สังกัสสะ” กับเมือง “สะเทิม” เท่าที่แอดมินจะพอหามาได้
ที่เหลือก็คงต้องใช้วิจารณญาน และช่วยกันค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปครับ
…
ใน Ep หน้า แอดมินจะพาข้ามไปฝั่งไทย ตามรอยบันทึกของหลวงจีนฟาเหียนต่อไปยังเมือง “กัณณกุชชะ” ซึ่งห่างจากเมืองสังกัสสะไปทางทิศ "ตะวันออกเฉียงใต้" ๗ โยชน์
ส่วน “กัณณกุชชะ” นั้นน่าจะเป็นเมืองอะไรในบ้านเรา ก็ขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ
…
🙏ขอบพระคุณแฟนเพจทุกท่าน ที่ติดตามอ่านกันมาโดยตลอด
🚒🚲🛺✈️มาเที่ยวชมพูทวีปบนแผ่นดินไทยกันดีกว่า ❤️ เที่ยวไม่ต้องแย่งใคร … ได้อานิสงส์เท่ากัน 🙏🙏🙏
…
📸 ภาพ: เมืองสะเทิม หรือ ตะโถ่ง หรือ Thaton ในประเทศเมียนมาร์
(หรือ “สังกัสสะ” ในความเห็นแอดมิน - โปรดใช้วิจารณญาน)
(แนะนำให้ดูคลิปนี้ จะเห็นภาพทางขึ้น (่ลง) ๓ ทางได้ชัดขึ้น)
🎥 เจดีย์เมียะตาเบ๊ต ซันดอว์ซิน,Myatabet sandawzin,Thaton
https://www.youtube.com/watch?v=b5iQ-yer8q4
🎥 เสวนาสาธารณะ เรื่อง ตามเส้นทางพระเจ้าเลียบโลกไปเมียวดี พะอาน สะเทิม และมะละแหม่ง
(ตำนานเมืองสะเทิมนาทีที่ 5:10 และ 1:40:40)
https://www.youtube.com/watch?v=1c154apAcU4
🎥 เมียวดี-ก่อกะเระ เกี่ยวข้องกันอย่างไรกับประวัติศาสตร์บ้านเรา
(เผื่อใครสนใจศึกษาเพิ่มเติมการเชื่อมโยงกับทวาราวดี ดูนาทีที่ 9:00)
https://www.youtube.com/watch?v=K_4bagu-iPw
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตามหาสาวัตถี
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย