26 เม.ย. เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

แค่คำพูด...ไม่พอ! (ภาพปกจากThe New York Post.)

ทรัมป์เขียนข้อความว่า 'วลาดิเมียร์ หยุด!' หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากโจมตีเคียฟที่อันตรายที่สุดนับตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขา “ไม่มีความสุข” หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากการโจมตีระลอกที่ร้ายแรงที่สุดในเคียฟในรอบเก้าเดือน
โดยบอกกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้ “หยุด!”
ขณะที่เขาพยายามผลักดันให้ยูเครนตกลงข้อเสนอหยุดยิงที่เป็นที่ถกเถียงกัน
ต่อมามอสโกว์ส่งขีปนาวุธ 70 ลูกและโดรน 145 ลำประเคนไปยังยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งเป้าไปที่เคียฟ
ในการโจมตีครั้งนี้ ผู้นำโวโลดิมีร์ เซเลนสกีกล่าวว่า มีเป้าหมายเพื่อกดดันสหรัฐฯ
ร้อนถึงทรัมป์ “ฉันไม่พอใจกับการโจมตีของรัสเซียต่อเคียฟ ไม่จำเป็นและจังหวะเวลาแย่มาก วลาดิมีร์ หยุดเถอะ!
ทหาร 5,000 นายกำลังเสียชีวิตต่อสัปดาห์ มาทำให้ข้อตกลงสันติภาพสำเร็จกันเถอะ!”
ทรัมป์เขียนบน Truth Social เมื่อวันพฤหัสบดี
ต่อมาทรัมป์ได้ขยายความความคิดเห็นดังกล่าวในห้องโอวัลออฟฟิศ และให้คำมั่นว่า “สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้น”
ตามรายงานของหน่วยฉุกเฉินของยูเครน การโจมตีของรัสเซียยังคงดำเนินต่อไปมีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีอย่างน้อย 12 คน บาดเจ็บ 90 คน
และอาจมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
หน่วยฉุกเฉินกล่าวว่าการโจมตีของมอสโกว์ได้โจมตีสถานที่ 13 แห่งในเคียฟ รวมถึงอาคารที่พักอาศัยและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน
นับเป็นการโจมตีเมืองที่มีต้นทุนสูงที่สุด
นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 เมื่อมีผู้เสียชีวิต 33 คนจากการโจมตีทางอากาศที่โรงพยาบาลและเขตที่อยู่อาศัย
เซเลนสกีกล่าวระหว่างการเดินทางเยือนแอฟริกาใต้ว่า การโจมตีครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ “กดดันสหรัฐฯ”
“ก่อนอื่นเลย” เขาพยายามตอบโต้ความพยายามของทรัมป์ที่จะกดดันเคียฟให้ยอมประนีประนอม โดยบอกกับนักข่าวว่า
“ความจริงที่ว่ายูเครนพร้อมที่จะนั่งลงที่โต๊ะเจรจาหลังจากหยุดยิงกับผู้ก่อการร้ายอย่างเต็มรูปแบบ… ถือเป็นการประนีประนอมครั้งใหญ่”
และเซเลนสกี ซึ่งกำลังพูดคุยกับนักข่าวไม่นานก่อนที่ทรัมป์จะโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
พยายามเน้นย้ำถึงความไม่สมดุลในจุดยืนของรัฐบาลที่มีต่อเคียฟและมอสโก
“นี่คือ (ปัญหา) การอยู่รอดของเรา เราตรงไปตรงมาและโปร่งใสมากในเรื่องนี้” ผู้นำยูเครนกล่าว
1
“ตอนนี้ฉันไม่เห็นว่าจะมีแรงกดดันอย่างหนักต่อรัสเซียและมาตรการคว่ำบาตรใหม่ที่เข้มงวดต่อการรุกรานของรัสเซียเลย”
3
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์ยอมรับว่า “มีความเกลียดชัง” มากมายระหว่างยูเครนและรัสเซีย
แต่ยืนกรานว่า “ฉันคิดว่าทั้งสองประเทศต้องการสร้างสันติภาพ ฉันเชื่ออย่างนั้น”
“เราคิดอย่างหนักว่าทั้งสองฝ่ายต้องการสันติภาพ แต่พวกเขาต้องมาเจรจากัน เรารอกันมานาน พวกเขาต้องเจรจากัน และผมคิดว่าเราจะได้รับสันติภาพ”
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวและตอบคำถามของ CNN ระหว่างรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีโจนาส การ์ สตอเรของนอร์เวย์ เซเลนสกีกล่าวว่า
การโจมตีครั้งล่าสุดของมอสโกว์เป็น “การโจมตีที่ซับซ้อนและกล้าหาญที่สุดครั้งหนึ่งที่มาจากรัสเซีย”
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่าได้ “การโจมตีครั้งใหญ่ด้วยอาวุธระยะไกลที่มีความแม่นยำสูงทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ยานบินไร้คนขับที่เป็นของบริษัทการบินต่างชาติ ขีปนาวุธ และอวกาศ วิศวกรรมเครื่องกลและอุตสาหกรรมยานเกราะของยูเครน รวมถึง การผลิตเชื้อเพลิงจรวดและดินปืน”
“เป้าหมายการโจมตีสำเร็จแล้ว เป้าหมายทั้งหมดถูกโจมตีแล้ว” มอสโกว์กล่าว
2
และเคียฟในขณะนี้กำลังดำเนินการค้นหาและกู้ภัย
เพื่อค้นหาผู้คนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ตามรายงานของทางการท้องถิ่นและระดับชาติของยูเครน
ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่ารัสเซียใช้ขีปนาวุธที่ผลิตในเกาหลีเหนือ เซเลนสกีกล่าวบนโซเชียลมีเดีย โดยหน่วยข่าวกรองพิเศษของยูเครนยืนยันรายละเอียดดังกล่าว
หากได้รับการยืนยัน “นี่จะเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าพันธมิตรระหว่างรัสเซียและเปียงยางเป็นพันธมิตรที่ก่ออาชญากรรม” ผู้นำยูเครนกล่าว
หลังจากการโจมตีที่เคียฟ
เซเลนสกีประกาศว่าเขาจะยุติการเยือนแอฟริกาใต้ ซึ่งเขาลงจอดเมื่อช่วงค่ำวันพุธ และจับเครื่องเพื่อเดินทางกลับไปยังยูเครนทันที
“เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนทั่วโลกจะต้องเห็นและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ” เขากล่าว
พร้อมเสริมว่ายูเครนจะติดต่อพันธมิตรระหว่างประเทศทันทีเกี่ยวกับคำขอให้เสริมกำลังป้องกันทางอากาศ
ทางด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ประณามการโจมตีดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยกล่าวว่า
ปูตินต้อง “หยุดโกหก”
“เขากล่าวว่า 'เขาต้องการสันติภาพ' และยังคงทิ้งระเบิดและสังหารผู้คนในยูเครนต่อไป” มาครงกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเยือนมาดากัสการ์
ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องย้ำกับสหรัฐอีกครั้งว่า
มี "ผู้รุกรานหนึ่งราย คือ รัสเซีย และอีกรายที่ถูกรุกราน คือ ยูเครน" โดยเขากล่าวว่า "ความโกรธของอเมริกาควรจะมุ่งเป้าไปที่คนคนเดียว คือ ประธานาธิบดีปูติน"
และ'สิ่งแรกๆที่ฉันรู้สึกคือ....ความกลัว'นี้เป็นคำบอกเล่าของประชาชนในเคียฟ
เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นทั่วกรุงเคียฟเป็นเวลา 6 ชั่วโมงในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี
ขณะที่รัสเซียโจมตีเมืองด้วยความหวาดกลัว
นักข่าวของ CNN กล่าวว่า ได้สัมภาษณ์พวกเขาๆที่รออยู่ในทางเดินกับลูกของพวกเขา ขณะที่ขีปนาวุธถล่มเมือง และมีโดรนบินผ่านหน้าต่างของพวกเขาจนได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเกือบทุกวันในกรุงเคียฟ
แต่การโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดีกลับเป็นการเตือนใจที่ไม่พึงปรารถนาเกี่ยวกับความวิตกกังวลที่แผ่ซ่านไปทั่วเมืองหลวงในช่วงเริ่มต้นของสงคราม ภาพที่หน่วยบริการฉุกเฉินให้มาแสดงให้เห็นอาคารต่างๆ ที่ถูกไฟไหม้ในบางจุดที่ถูกโจมตี
“สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกคือความกลัว” อิรินา ดเซน (Irina Dzen)ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกที่ได้รับผลกระทบ กล่าวกับ CNN เมื่อวันพุธ
“ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย(งุนงง)เมื่อตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนจากการระเบิด ฉันยังมีชีวิตอยู่ แต่พ่อแม่และลูกๆ ของฉันๆไม่รู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และจุดที่ระเบิดเกิดขึ้นอยู่ที่ไหน”
“เราไปที่ทางเดิน ที่นั่นปลอดภัยกว่า และเริ่มโทรหาญาติๆ ของเรา (เพื่อสอบถาม) ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” เธอกล่าว
“และเมื่อเราออกมา (ด้านนอก) และเห็นทุกอย่าง มันก็น่ากลัวมาก”
มี 8 ภูมิภาคของประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายในสิ่งที่เขาเรียกว่า “การโจมตีแบบผสมผสานครั้งใหญ่ของรัสเซีย”
ซึ่งโจมตีเมืองซิโตเมียร์ ดนิโปร คาร์คิฟ โปลตาวา คเมลนิตสกี ซูมี และซาโปริซเซีย ตามลำดับ
กล่าวคือ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารท้องถิ่นได้บอกกับสำนักข่าว TASS ของรัฐบาลรัสเซียว่า
อาคารโบสถ์แห่งหนึ่งในภูมิภาคเบลโกรอดของรัสเซียถูกไฟไหม้หมดหลังจากการโจมตีของโดรนยูเครน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
แต่ ...การโจมตีของรัสเซียไม่ได้เกิดจากเหตุเหล่านี้ การโจมตีเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์และเซเลนสกีเกิดการโต้เถียงในที่สาธารณะ(อีกครั้ง) โดยเฉพาะเรื่องอนาคตของไครเมีย
ซึ่งเป็นคาบสมุทรยูเครนที่ถูกรัสเซียผนวกเข้าโดยมิชอบในปี 2557
เจ้าหน้าที่ที่ทราบรายละเอียดดังกล่าวบอกกับ CNN ว่าในฐานะส่วนหนึ่งของภารกิจในการลงนามข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามที่กินเวลานาน 3 ปี รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เสนอให้ยอมรับการควบคุมไครเมียของรัสเซีย
และจากการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาจะพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
และอาจทำลายฉันทามติหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยึดถือกันอย่างกว้างขวางว่าไม่ควรใช้กำลังเปลี่ยนพรมแดนระหว่างประเทศ
เซเลนสกีกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ายูเครนจะไม่ยอมรับสิ่งนี้ โดยกล่าวว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ
หากลองย้อนกลับไปเมื่อวันพุธ ทรัมป์กล่าวเป็นนัยๆว่าจุดยืนของเซเลนสกี “เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย”
“คำกล่าวที่ยั่วยุอย่างเช่นของเซเลนสกีทำให้การยุติสงครามครั้งนี้เป็นเรื่องยาก ทั้งๆที่เขาไม่มีอะไรจะคุยโวได้!”
ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้นั่งพูดคุยกับชาวยูเครนและชาวยุโรปในกรุงลอนดอนเมื่อวันพุธ
เพื่อผลักดันความพยายามของสหรัฐฯ คีธ เคลล็อกก์ (Joseph Keith Kellogg Jr.)ทูตพิเศษของทรัมป์ประจำยูเครน กล่าวกับ CNN ว่าเขาเชื่อว่าการเจรจารอบนี้ "ตรงไปตรงมา เป็นไปในเชิงบวก และสร้างสรรค์"
แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกคนของสหรัฐฯ กล่าวว่ายังคงมีความขัดแย้งกับยูเครนอีกหลายๆอย่าง รวมถึงในประเด็นลำดับเหตุการณ์
และการหยุดยิงหรือข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบการทำงานกว้างๆ ของรัฐบาลทรัมป์จะต้องมาก่อน
หรือไม่ หรืออย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังไม่นับความเป็นไปได้ของการหยุดยิงใดๆ
แม้ว่าพวกเขาจะกดดันให้รัสเซียและยูเครนตกลงตามกรอบการทำงานที่วางบนโต๊ะเจรจาก็ตาม
โฆษณา