Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เบื่อเมือง
•
ติดตาม
27 เม.ย. เวลา 09:49 • ประวัติศาสตร์
ตามหาสาวัตถี ตอน 11 - เมืองโบราณ “อู่ทอง” ก็คือเมือง “สาวัตถี” ในสมัยพุทธกาล
[ #คำเตือน เนื้อหาในซีรีส์นี้ จำเป็นต้องใช้วิจารณญานในการอ่านมากเป็นพิเศษ ท่านที่ไม่สามารถวางองค์ความรู้เรื่องดินแดนเกิดของพระพุทธศาสนาอยู่ที่ “อินเดีย” เอาไว้ข้าง ๆ ตัวก่อนอ่านได้ แอดมินอยากให้ข้ามเพจนี้ไปนะครับ เพื่อที่เวลาอันมีค่าของท่านจะได้ไม่ต้องมาสูญเปล่าไปโดยไม่ได้ประโยชน์อันใด]
📖 …………………………………
“... อาจารย์มานิตย์ (วัลลิโภดม) นั้นเป็นนักโบราณคดียุคประวัติศาสตร์ที่สนใจเรื่องราวตั้งแต่สมัยทวารวดีลงมา เป็นผู้ที่ค้นคว้าศึกษาเมือง ‘อู่ทอง’ ในจังหวัด ‘สุพรรณบุรี’ ทั้งยังเป็นคนแรกที่มีความเห็นว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเรียกว่า ‘พระเจ้าอู่ทอง’ นั้นไม่ได้ย้ายเมืองจากเมืองอู่ทองมาสร้างพระนครศรีอยุธยา เพราะเมืองอู่ทองร้างไปก่อนรัชสมัยของพระองค์กว่า ๒๐๐ ปี
“โดยอาจารย์มานิตเชื่อว่า ‘เมืองอู่ทอง’ เป็นเมืองสมัย ‘ทวารวดี’ ที่มีอายุสูงขึ้นไปจนถึงสมัยฟูนันและสุวรรณภูมิ
“สิ่งที่ทำให้เชื่อว่าเมืองอู่ทองมีอายุสูงขึ้นไปก็คือ ‘ลูกปัด’ และ ‘ดวงตรา’ ที่แกะสลักบนหินสีหรือก้อนดินเผา รวมทั้งวัตถุสัมฤทธิ์ที่มีลวดลายใกล้เคียงกับลวดลายในวัฒนธรรมดองเซินของเวียดนาม
“ความเชื่อเช่นนี้เป็นไปได้มากขึ้น เมื่อ ‘อาจารย์ชิน’ นำ ‘ตุ้มหู’ รูป ‘สัตว์มีเขา ๒ หัว’ ทำด้วยหินสีเขียว ที่นักโบราณคดีฝรั่งเรียกว่า ‘ลิงลิงโอ’ ซึ่งพบที่เมืองอู่ทองมาให้ดู วัตถุแบบนี้นักโบราณคดีฝรั่งกำหนดอายุไว้ราว ๕๐๐ ปีก่อนคริสตกาลลงมา
ซึ่งก็ร่วมสมัยกับช่วงต้นพุทธกาลที่คำว่า ‘สุวรรณภูมิ’ เริ่มปรากฏในเอกสารอินเดียโบราณ
“อาจารย์มานิตค้นคว้าตำนานไทยและเอกสารโบราณของต่างประเทศที่เกี่ยวกับสุวรรณภูมิ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์บ้านเมืองโบราณสมัยกรีก-โรมัน รวมทั้งแหล่งโบราณคดีร่วมสมัยกับเมืองอู่ทอง ตามเส้นทางคาบสมุทรจากฝั่งทะเลอันดามัน เช่น เรื่องราวของเมือง ‘สะเทิม’ ของมอญแถบลุ่มน้ำสาละวินในดินแดนพม่าปัจจุบันนี้
“และมีความเห็นว่า ‘เมืองอู่ทอง’ คือเมืองสำคัญของสุวรรณภูมิที่มีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเข้ามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
“ทว่าเรื่องนี้ วงการโบราณคดีไทยซึ่งมักฟังแต่ความเห็นของพวกฝรั่ง ‘ไม่เชื่อถือ’ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องราวจาก ‘มหาวงศ์’ พงศาวดารลังกา ที่น่าจะเขียนขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๑ ลงมา อีกทั้งไม่มีปรากฏใน ‘จารึก’ ของพระเจ้าอโศกมหาราชแต่อย่างใด
“โดยย่อก็คือ ยังไม่มีผู้ใดยอมรับว่ามีการติดต่อกับทางอินเดียครั้งราชการพระเจ้าอโศกมหาราชก็ว่าได้ …
… “ข้าพเจ้าได้สานต่อความคิดของอาจารย์มานิต ทั้งในเรื่องตำนานที่นักโบราณคดีตามหาวิทยาลัยเห็นว่า ‘ไร้สาระ’ กับหลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวกับชุมชนโบราณในเรื่องที่ว่า ‘เมืองอู่ทอง’ มีความสัมพันธ์กับการเผยแพร่พระพุทธศาสนาครั้งพระเจ้าอโศกมหาราช โดยให้ความสำคัญกับเส้นทางข้ามสมุทรเป็นพิเศษว่า
“ถ้าคณะสมณทูตของพระเจ้าอโศกจะเดินทางเข้ามานั้น ควรจะมาจากไหน มาทางไหน มาถึงที่ใดก่อน
“โดยคิดว่าการเดินทางจากแคว้นมคธก็คงมาทางลุ่มน้ำ ‘คงคา’ แน่ นั่นก็คือมายัง ‘อ่าวเบงกอล’ อันอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย อาจเรียกได้ว่าเป็นอินเดียเหนือก็ว่าได้
“จากปากน้ำคงคาแล่นเรือเรียบชายฝั่งอ่าวเบงกอล ที่มีอ่าวใหญ่อ่าวเล็ก อันเป็นที่จอดเรือตามเส้นทางมายังฝั่งทะเลอันดามันของคาบสมุทรสุวรรณภูมิได้ โดยเหตุนี้จึงปรากฏตำนานเกี่ยวกับสุวรรณภูมิ ตลอดจนการเผยแพร่พุทธศาสนาที่เมือง ‘สะเทิม’ อันเป็นเมืองของพวกมอญที่มีบทบาทในการสร้างบ้านแปงเมืองและการค้าขายทางทะเล
“แต่การขึ้นบกของพระสมณทูตน่าจะไม่หยุดอยู่เฉพาะทางเมืองมอญที่เมืองสะเทิมเท่านั้น (คือ ไม่ได้ขึ้นที่เมืองสะเทิม - แอดมิน) หากมุ่งมาขึ้นบกที่เมืองท่าชายฝั่งทะเลอันดามันในพื้นที่เมาะตะมะ ทวาย มะริด และตะนาวศรีมากกว่า เพราะเป็นบริเวณที่จะข้ามช่องเขาตะนาวศรีมายังสุวรรณภูมิฟากฝั่งอ่าวไทยได้
“ทว่าเมื่อดูจากตำแหน่งที่มีแหล่งโบราณคดีตั้งแต่สมัยยุคต้นประวัติศาสตร์ลงมาแล้ว ก็พบว่าที่เมือง ‘ทวาย’ น่าจะเป็นแหล่งสำคัญ เพราะเป็นบริเวณที่มีทั้งอ่าวและเกาะเล็กๆ อยู่ด้านหน้า เหมาะที่จะเป็นแหล่งจอดเรือ คลังสินค้า และเป็นเมืองท่าได้
“ปัจจุบันก็พบหลักฐานโบราณคดีใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งดร.อลิซาเบธ มัวร์ นักโบราณคดีอังกฤษได้ศึกษาและรายงานไว้แล้ว
“ข้าพเจ้ามั่นใจว่า ‘เมืองทวาย’ เป็นเมืองท่าสำคัญของสุวรรณภูมิฟากทะเลอันดามันในยุคแรกของการเกี่ยวข้องกับอินเดีย เพราะเป็นตำแหน่งที่สามารถเดินทางข้ามช่องเขาตะนาวศรีมายังฟากตะวันออกในเขตลุ่มน้ำภาชี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีได้ โดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่าบ้านทุ่งเจดีย์ ที่มีซากกองหิน ๓ กอง ที่เป็นสัญลักษณ์ของด่าน มาตั้งแต่สมัยโบราณ แหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นเหมืองแรกเก่าที่ขุดพบเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือหินกะเทาะ-หินขัด และวัตถุสำริด
“ที่สำคัญคือ บริเวณห้วยสวนพลู-เขาจมูก ซึ่งไม่ห่างออกไปเท่าใดนัก ได้เคยพบชิ้นส่วนภาชนะสำริดมีลวดลายสลักเป็นรูปช้างม้าวัวควาย รูปสตรี และลายกลีบบัว เหมือนที่เคยพบที่บ้านดอนตาเพชร (บ้านดอนตาเพชรเป็นแหล่งโบราณคดีที่กำหนดอายุไว้ราว ๓๐๐ ปีก่อนคริสตกาล - แอดมิน)
(ส่วนหนึ่งจากบทบรรณาธิการ เรื่อง “ข้อเสนอใหม่เรื่องเส้นทางกล้ามคาบสมุทรจากลูกปัด” วารสารเมืองโบราณ โดย อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม)
………………………………………….. 📖
ท่านอาจารย์ “ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม” เป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการรุ่นแรก ๆ ที่ศึกษาและเชื่อว่าเมืองโบราณ “อู่ทอง” นั้น “เก่าแก่” กว่ายุคสมัยที่นักวิชาการเรียกว่า “ทวารวดี” มาก
และมีความเห็นว่า “พระพุทธศาสนา” น่าจะเข้ามาในดินแดนประเทศไทยเป็นครั้งแรกที่เมืองโบราณ “อู่ทอง” จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ท่านเชื่อว่าคือส่วนหนึ่งของดินแดน “สุวรรณภูมิ” ที่พระเจ้าอโศกส่งพระสมณฑูตมาประกาศพระพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตามงานศึกษาของท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ก็ยังเห็นว่า “พระพุทธศาสนา” เป็นของ “นำเข้า” จาก “อินเดีย” อยู่ดี
แต่แอดมินเห็นต่างว่าพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นใน “บ้านเรา” นี้เอง และเมืองโบราณ “อู่ทอง” ก็คือ เมือง “สาวัตถี” ในสมัยพุทธกาล ดังที่แอดมินพาแฟนเพจตามรอย “เส้นทาง” จากบันทึกของ “หลวงจีนฟาเหียน” จากเมืองสังกัสสะ (สะเทิม) ในเขตประเทศเมียนมาร์ ข้ามฝั่งมาบ้านเราแล้วเลียบแม่น้ำปิงลงมาทางทิศใต้ตามลำดับ
ซึ่งเมืองโบราณ “อู่ทอง” มี “ตำแหน่ง” ถูกต้องตรงตาม “ระยะทาง” และ “ทิศทาง” ในบันทึกพอดี
ที่แอดมินคัด “ส่วนหนึ่ง” จากบทความของอาจารย์ศรีศักดิ์ มานำเสนอก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมือง “สาวัตถี” ในบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน มีอายุสอดคล้องกับ “อายุ” ของเมือง “อู่ทอง” ที่นักวิชาการบางส่วนก็ยังเห็นว่า “เก่าแก่” ไปได้ถึงสมัยพุทธกาล
…
แต่ประเด็นที่แอดมินจะนำเสนอใน Ep นี้ มีดังนี้ครับ
เรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของ “เมืองทวาย” อันเป็นเมืองที่ “เก่าแก่” ไปได้ถึงสมัยพุทธกาลก็ได้มีปรากฏอยู่ใน “บันทึก” ของหลวงจีนฟาเหียนด้วยดังนี้ครับ
📖 ………………………………
จาก "นครสาวัตถี" ไปทางทิศตะวันตก ๑,๐๐๐ เส้น ถึงเมืองหนึ่งมีนามว่า "ทู-วาย 都維" (ฉบับโกษากรแปลออกเสียงว่า “ตู๊ไหว่”) ซึ่งเป็นสถานที่ที่อุบัติของพระกัสสปะพุทธเจ้า กับสถานที่ที่พระองค์พบกับพระพุทธบิดาของพระองค์ และสถานที่ที่พระองค์เสด็จบรรลุสู่ปรินิพพาน ซึ่งได้มีพระสตูปอยู่แล้ว (ทั้ง ๓ แห่ง) บนสถานที่ที่บรรจุพระบรมธาตุโดยบริบูรณ์ครบถ้วน ร่างกายทั้งองค์ของพระกัสสปะพุทธเจ้านั้น ได้สร้างเป็นสตูปดุจเดียวกัน (มีขนาด) ใหญ่โตมาก
……………………………. 📖
ด้วยทิศทางและการออกเสียงเมือง 都維 หรือ “ทูวาย” หรือ “ตู๊ไหว่” ในบันทึกของหลวงจีนฟาเหียนจึงน่าจะเป็นเมือง “ทวาย” ในเขตประเทศเมียนมาร์ในปัจจุบันที่ตั้งอยู่ทางทิศ “ตะวันตก” ของเมือง “อู่ทอง” พอดี
ท่านหลวงจีนฟาเหียนยังระบุว่าเมือง “ทูวาย” เป็นสถานที่ที่อุบัติของพระกัสสปะพุทธเจ้า และเป็นสถานที่ที่พระองค์เสด็จบรรลุสู่ปรินิพพาน “ทูวาย” ในบันทึกจึงน่าจะตรงกับเมือง “เสตัพยะ” ในแคว้นโกศล ดังที่มีกล่าวไว้ใน “ปายาสิราชัญญสูตร” ว่า
📖 ……….....................
สมัยหนึ่ง ท่านพระกุมารกัสสปเที่ยวจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ลุถึงนครแห่งชาวโกศลชื่อ “เสตัพยะ” ได้ยินว่า สมัยนั้น ท่านพระกุมารกัสสปอยู่ ณ ป่าไม้สีเสียดด้านเหนือนครเสตัพยะเขตนคร “เสตัพยะ” ฯ
………............................ 📖
“นครเสตัพยะ” นั้น “อรรถกถาโทณสูตรที่ ๖” วินิจฉัย ขยายความเอาไว้ว่า “บทว่า เสตพฺยํ ได้แก่ นครถิ่นเกิดของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งอดีต” ซึ่งตรงตามบันทึกของหลวงจีนฟาเหียนพอดี
…
เรื่องถัดมาคือ เมือง “อู่ทอง” ยังมีเขตแดนไปทางด้านใต้ติดกับแม่น้ำ “แม่กลอง” ที่แยกออกเป็นแม่น้ำ “แควน้อย” กับแม่น้ำ “แควใหญ่” เกิดเป็นเกาะขนาดใหญ่ขึ้นตรงกลางขึ้น จึงตรงกับอรรถกถาที่ระบุว่า แม่น้ำ “โคธาวารี” อยู่ติดแดนเมือง “สาวัตถี” ทางด้านทิศใต้และเป็นแม่น้ำที่แยกออกเป็นสองสาย
และถัดจากแม่น้ำโคธาวารีลงไปทางใต้ก็จะเป็นที่ตั้งของ “ท่าสุปปารกะ” หรือบริเวณกลุ่มเมือง “มะริด- ตะนาวศรี” หรืออาจจะเป็นเมือง “ท่าลังเคี๊ยะ” (ข้อมูลจากแฟนเพจ)
จากตำแหน่งนี้เมืองโบราณ “อู่ทอง” ก็จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจาก “ท่าสุปปารกะ” พอดี
…
และหากยังจำกันได้แอดมินเคยกำหนดที่ตั้งเมือง “พาราณสี” ให้แล้วว่าอยู่บริเวณที่ตั้งของเมือง "นครปฐม-นครชัยศรี" ในปัจจุบัน ซึ่งในการกำหนดนั้นแอดมินได้ใช้แค่หลักฐานสำคัญคือ “ธรรมจักรศิลา” ที่พบจำนวนมากที่สุดในประเทศที่นั่นเป็นตัวกำหนดเท่านั้น ไม่ได้ใช้เส้นทางจากบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน (ซึ่งมีกล่าวไว้ด้วยแต่ไม่ได้ใช้)
ก็จะเห็นว่า “นครปฐม-นครชัยศรี” จะอยู่ติดกับ “อู่ทอง” อย่าง “ลงตัว” พอดีกับที่มีกล่าวในพระไตรปิฎกว่า
แคว้น “โกศล” ติดกับแคว้น “กาสี” (แคว้นคู่ โกศล-กาสี)
(แฟนเพจที่เพิ่งเข้ามาสามารถย้อนไปอ่านได้ในซีรีส์ “สถานที่ปฐมเทศนา” ตั้งแต่ EP. 1-11 ครับ
https://www.facebook.com/chomphutaweep/posts/378410804451096
)
…
ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่เรื่อง "บังเอิญ" เพราะเมืองโบราณ “อู่ทอง” ก็คือเมือง “สาวัตถี” ในสมัยพุทธกาลนั่นเองครับ
…
และเนื่องจากในบันทึกของหลวงจีนฟาเหียนไม่มี “ท่าสุปปารกะ” กล่าวเอาไว้ ตัวแอดมินเองก็ไม่ได้กำหนดตำแหน่งเอา “ตามใจชอบ” ดังนั้นใน Ep หน้า แอดจะพาไปหาที่มาของ “ท่าสุปปารกะ” กันก่อนจะไปเรื่องอื่นๆ ของเมืองสาวัตถีนะครับ
…
🙏ขอบพระคุณแฟนเพจทุกท่าน ที่ติดตามอ่านกันมาโดยตลอด
🚒🚎🚲🛵✈️มาเที่ยวชมพูทวีปบนแผ่นดินไทยกันดีกว่า ❤️ เที่ยวไม่ต้องแย่งใคร … ได้อานิสงส์เท่ากันครับ 🙏🙏🙏
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตามหาสาวัตถี
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย