3 พ.ค. เวลา 11:08 • ประวัติศาสตร์

จากก้อนศิลาสู่ตำรายาวี

กลางหมู่บ้านหนึ่งในรัฐตรังกานู มีศิลาก้อนหนึ่งตั้งอยู่เงียบ ๆ มานานกว่าร้อยปี ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันเคยเปล่งเสียงได้หรือไม่ แต่สิ่งที่สลักอยู่บนพื้นผิวก้อนศิลานั้น​ พูดแทนทุกอย่างด้วยอักษรยาวีเป็นภาษา​มลายู และเนื้อหาคือกฎหมายอิสลาม
นั่นคือ Batu Bersurat Terengganu จารึกเมื่อปี ค.ศ. 1303 หลักฐานชิ้นแรกที่บ่งชี้ว่า อักษรยาวีไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือถ่ายทอดศรัทธา แต่มันเคยเป็น​ หัวใจของการปกครอง กฎหมาย และอารยธรรมของรัฐมลายูอิสลามยุคต้น
แต่ทุกวันนี้ เราเห็นมันที่ไหน? บนป้ายร้านค้าเก่า ๆ เท่านั้นหรือ?
อักษรยาวีถือกำเนิดจากการดัดแปลงอักษรอาหรับให้เหมาะกับเสียงในภาษา​มลายู โดยเพิ่มพยัญชนะที่ไม่มีในอาหรับ เช่น nga, pa, ca, va, และ nya ใช้แทนเสียงท้องถิ่นและคำยืมจากอัลกุรอานอย่างแม่นยำ
ก่อนการใช้อักษรยาวี ภาษามลายูเคยใช้อักษรกวิ (Huruf​ Kawi) แต่การมาถึงของอิสลามเปลี่ยนทุกอย่าง​ เมื่อศรัทธาเดินทางเข้ามา อักษรใหม่ก็ตามมา และมันต้องแม่นยำพอที่จะถ่ายทอดคำว่า Allah​ (อัลเลาะห์) โดยไม่ผิดเสียง
เมืองมะละกาในศตวรรษที่ 15 ไม่ใช่แค่เมืองท่าสำคัญ แต่มันคือศูนย์กลางของการเผยแผ่อิสลามและการเรียนรู้ทางศาสนา นักวิชาการจากตะวันออกกลาง อินเดีย และเปอร์เซียเดินทางมา เพื่อสอน เขียน และแปล​
ภายในราชสำนักมีการถ่ายทอดวิชาและแปลตำราศาสนา เช่น Bahr al-Lahut, Durr al-Manzum, Umm al-Barahin ที่เขียนเป็นภาษามลายูด้วยอักษรยาวี ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความรุ่งเรืองทางวิชาการของรัฐมลายู
เริ่มต้นยุคแห่ง “กีตาบกูนิง”
ในศตวรรษที่ 19 โลกมุสลิมมลายูมีตำราศาสนาเรียกว่า “กีตาบกูนิง” ซึ่งถูกพิมพ์ในมักกะฮ์ ไคโร บอมเบย์ และต่อมาในศูนย์กลางต่าง ๆ ของภูมิภาค เช่น ปัตตานี สิงคโปร์ และปีนัง
Martin van Bruinessen บันทึกว่ามีมากกว่า 900 ชื่อเรื่อง ถูกเก็บในห้องสมุด KITLV ที่เนเธอร์แลนด์ ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ตัวอักษรยาวีในโลกวิชาการอิสลามแบบมลายู
เส้นทางแห่งการเลือนหาย
ปี 1963 รัฐบาลมาเลเซียรับรองอักษรรูมี (Rumi) เป็นอักษรทางการผ่าน Akta Bahasa Kebangsaan (พ.ร.บ.​ ภาษาประจำชาติ) และทำให้การเรียนยาวีถูกจำกัดอยู่ในวิชาการศาสนาอิสลามเท่านั้น
ผลคือยาวีกลายเป็นอักษรที่ “เคยได้ยิน แต่ไม่เคยอ่านออก” สำหรับคนรุ่นใหม่
หลังจากนั้นในปี 1980 เป็นต้นมา รัฐพยายามฟื้นฟูการเรียนการสอนยาวี เช่นการจัดทำ Pedoman Ejaan Jawi yang Disempurnakan ่่้(คู่มือการสะกดยาวีฉบับสมบูรณ์) (1986) และการฝึกอบรมครูในระบบการศึกษา
แต่เนื่องจากยาวีไม่ได้อยู่ในหลักสูตรวิชาภาษามาเลย์ทั่วไป จึงยังคงถูกมองว่าเป็นเรื่องเฉพาะของศาสนาอิสลาม ทั้งที่ในอดีตมันคืออักษรของราชสำนักและประชาชน
ศิลาจารึกที่ตรังกานูไม่ได้มีเสียงเปล่งออกมา แต่สิ่งที่มันสลักไว้บอกเราว่า ชาวมลายูเคยสร้างอารยธรรมด้วยอักษรของตนเอง “อักษรที่สื่อสารทั้งกฎหมาย ปรัชญา และจิตวิญญาณ”
#คำถามคือ: เรายังมีสายตาและหัวใจในการอ่านมันอยู่หรือไม่?
อ้างอิงข้อมูลจาก
Hashim Hj. Musa. (2005). Peranan Tulisan Jawi dalam Perkembangan Islam di Malaysia. Jurnal Pengajian Melayu, Jilid 16.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา