#คำถามที่พบบ่อย (FAQ)(ตอนที่ 2️⃣)

ข้อความตอบคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ต่อไปนี้จัดทำขึ้นโดย ดร. ทอม ชาลโก้ ผู้จัดงานบรรยายสาธารณะกว่า 50 ครั้งให้กับมิเชล เดสมาร์เกต์ และได้ติดต่อสื่อสารกับมิเชลโดยตรงทั้งทางส่วนตัวและทางโทรศัพท์ในช่วงปี 1995-2017
ในปี 1996 มิเชลได้อนุญาตให้ ดร.ชาลโก้ สร้างเว็บไซต์ thiaoouba.com เพื่อจัดการติดต่อทางออนไลน์แทนเขา และตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ
✴️คำตอบอยู่ใต้ภาพครับ✴️
คำตอบ : วิธีเดียวที่จะสื่อสารกับพวกเขาคือการใช้การสื่อสารทางโทรจิตผ่านมหาพีระมิด ซึ่งปัจจุบันถูกทำลายไปอย่างมาก และเราไม่มีทั้งเทคโนโลยีและความรู้ที่จะซ่อมแซมมันได้
แน่นอนว่าที่เทียร์อูบาห์ พวกเขามีความสามารถที่จะส่งข้อความทางโทรจิตแบบทางเดียวมาหาเราเมื่อใดก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่บนโลกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับฟังอย่างไร ชาวเทียร์อูบาห์มักมาเยือนและตรวจสอบเราบนโลกอยู่บ่อยครั้ง มีความเป็นไปได้ที่จะติดต่อในโอกาสเช่นนั้น แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความริเริ่มของชาวเทียร์อูบาห์เท่านั้น ว่าต้องการจะติดต่อกับเราหรือไม่
#ชาวเทียร์อูบาห์กำลังเฝ้าดูเราเหมือนกับที่ครูเฝ้าดูนักเรียนในโรงเรียน หากใครในพวกเรามีแนวคิดที่ดีและมีการพัฒนาทางจิตใจที่โดดเด่นและก้าวหน้า #หากการกระทำของเขาหรือเธอสามารถช่วยเหลือชาวโลกคนอื่นๆในการพัฒนาจิตวิญญาณได้ บุคคลเช่นนี้อาจได้รับความช่วยเหลือโดยตรงจากชาวเทียร์อูบาห์
หากการกระทำของบุคคลนั้นมีความสำคัญต่อมวลมนุษยชาติบนโลก และไม่สามารถส่งความช่วยเหลือจาก เทียร์อูบาห์ ผ่านทาง โทรจิต ได้ ชาวเทียร์อูบาห์ก็พร้อมที่จะมาด้วยยานอวกาศของพวกเขาเพื่อช่วยให้บุคคลนั้นเข้าใจว่าตัวเองกำลังทำผิดพลาดในจุดไหน ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว การจะได้ติดต่อโดยตรงกับชาวเทียร์อูบาห์ คุณต้องแสดงความตั้งใจและการกระอันที่เหมาะสมเพื่อ "รับสิทธิ์" นั้น
คำตอบ : ในปี 1994 หลังจากที่หนังสือเล่มแรกถูกตีพิมพ์ในออสเตรเลียเมื่อปี 1993 มิเชลได้ให้สัมภาษณ์สดทางวิทยุกับกลุ่มนักฟิสิกส์และนักวิทยาศาสตร์ในเมลเบิร์นที่ศึกษาหนังสือของเขาอย่างละเอียดและพยายามโจมตีความน่าเชื่อถือของเขาอย่างรุนแรง
มิเชลถามพวกเขาว่า : "คุณอ่านหนังสือของผมหรือเปล่า❓"
พวกเขาตอบว่า "ใช่ อ่านหลายรอบแล้ว"
แล้วมิเชลก็ถามต่อว่า "คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกส์ จงแสดงให้ผมเห็น #แม้แต่ประโยคเดียวในหนังสือของผมที่คุณสามารถพิสูจน์ได้ #ด้วยเครื่องมือและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่ามันเป็นเรื่องโกหก"
ลองทายดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น❓
พวกเขาไม่สามารถหาประโยคดังกล่าวได้ #แม้แต่ประโยคเดียว❗ การถกเถียงนี้เกิดขึ้นแบบสดๆในการออกอากาศในปี 1994 และจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้
ในช่วงปี 1998-2005 ผมเคยจัดการแข่งขันทางอินเทอร์เน็ตโดยมีเงินรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถหาข้อผิดพลาดดังกล่าวได้ แต่ผลคือ #ไม่มีใครสามารถหาประโยคที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องหลอกลวงเลย
คำตอบ : โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาบอกว่าหนังสือ Thiaoouba เป็นเรื่องแต่งหรือแม้แต่เรื่องไร้สาระ... #จนกระทั่งพวกเขาได้อ่านมันจริงๆ
นักวิชาการชื่อดังคนหนึ่งเคยโต้แย้งมานานว่าเขา "ไม่อ่านเรื่องหวาดระแวงและเรื่องไร้สาระ" เขาเป็นคนขี้สงสัย แต่ในที่สุดเขาก็ยอมอ่านหนังสือเล่มนี้ในฐานะ "นิยายวิทยาศาสตร์"
เมื่อผมถามเขาว่าเขาคิดอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้หลังจากอ่านจบ เขาตอบว่า :
"ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ 3 ทาง :
1. **นี่คือเรื่องโกหก**
- ในกรณีนี้ ผมต้องยอมรับว่ามันเป็น #เรื่องโกหกที่ดีที่สุด ที่ผมเคยพบมา และอาจจะเป็นเรื่องโกหกที่ดีที่สุดของศตวรรษนี้ เพราะมันเข้ากันได้อย่างลงตัวกับอดีตและปัจจุบันของเรา รวมถึงความรู้ (และความไม่รู้) ของเรา #มันเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นเรื่องแต่ง
2. **ผู้เขียน (มิเชล) เป็นอัจฉริยะทางวรรณกรรม**
- คล้ายกับ **ไอน์สไตน์ + จูลส์ เวิร์น × 100**...
(ผมขอเสริมว่า : มิเชลไม่ได้จบแม้แต่โรงเรียนเกษตรกรรม และไม่เคยเขียนอะไรมาก่อนหนังสือเล่มนี้ ยกเว้นจดหมายถึงแม่ของเขา)
3. **นี่คือเรื่องจริง**
คุุณต้องอ่านหนังสือหลายรอบเพื่อตัดสินใจว่าข้อใดน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
คำตอบ : ไม่ พวกเขาไม่มีระบบเงินใดๆเลยบนดาวเทียร์อูบาห์ พวกเขากล่าวว่าระบบเงินตราคือ #คำสาปที่แท้จริงของโลกมนุษย์
#คนส่วนใหญ่บนโลกตกเป็นทาสของระบบเงินโดยไม่รู้ตัว (เช่น การทำงานเพื่อเงิน การกู้ยืม) พวกเขาต้องจ่ายดอกเบี้ยไปตลอดชีวิต และไม่เคยฉุกคิดเลยว่า #การทำเช่นนี้กำลังช่วยตอกย้ำระบบที่ทำให้พวกเขาเป็นทาส
มีกลุ่มคนเพียงหยิบมือ (ประมาณ 12 ตระกูล)★ ที่ควบคุมระบบเงินทั้งหมดของโลก คนส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เพราะพวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังธนาคารที่พวกเขาถือหุ้น พวกเขาสามารถโน้มน้าวให้มนุษย์ส่วนใหญ่เชื่อว่า :
⛔การหาเงินคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิต⛔
พวกเขาใช้เงินดอลลาร์เป็นเครื่องมือให้มนุษย์ช่วยกันทำงาน แข่งขัน แย่งชิง แม้กระทั่งฆ่ากันและก่อสงคราม นอกจากนี้ พวกเขายังให้รัฐบาลกู้เงิน ส่งผลให้ #ทุกคนและทุกประเทศกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมด้วยเงิน
ลองทายดูว่าใครได้ประโยชน์ที่สุดจากระบบนี้❓
★หมายเหตุ : นี่อาจเป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมจะแปลออกมาครับ หนังสือมีชื่อว่า 334 % lies: the revelation of h. m. v. stuhl ที่ซามูเอล ชอง (คนจีนที่ได้เดินทางไปพบกับมิเชลและทำให้เกิดการตีพิมพ์หนังสือคำพยากรณ์จากเทียร์อูบาห์เป็นภาษาจีนและวางขายในประเทศจีน) เป็นคนแปลจากภาษาเยอรมันเป็นภาษาอังกฤษ
หนังสือพูดถึงกลุ่มองค์กรลับที่ได้รับองค์ความรู้ที่สืบทอดมาจากแอตแลนติส จากห้องสมุด
อเล็กซ์ซานเดรียในยุคอียิปต์โบราณที่ถูกทำลายไป และต้องการที่จะปกครองโลกนี้ เพราะกลุ่มของตนมีความรู้ที่สาปสูญนี้อยู่ในมือ และรู้สึกว่าตนอยู่เหนือกว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ (ความรู้นี้ทำให้พวกเขาเล่นฤทธิ์ได้ครับว่าง่ายๆ เช่น เสกเพชรของจริงออกมาจากอากาศ เป็นต้น และอื่นๆที่ยิ่งกว่านั้นไปมาก ดุจดั่งการแสดงปาฏิหาริย์—หากแต่ใช้ไปในทางที่ผิด)
คนเปิดเผยก็คืออดีตหัวหน้าองค์กรลับดังกล่าวที่ได้รับประสบการณ์ตายแล้วฟื้น ซึ่งในห้วงขณะแห่งความตายนั้นเขาได้ไปพบกับ Ascend master (จะบอกว่าเขาได้พบกับตัวตนที่สูงส่งกว่า–HS ของตัวเองก็ได้ครับ) และได้รู้ถึงความจริงของจักรวาลและสิ่งที่องค์กรของพวกเขากำลังทำอยู่นั้นมันไปผิดทาง ซึ่งพวกเขาก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไปหลังจากที่กายทิพย์ของพวกเขาออกจากกายเนื้อไป
ซึ่งพอเค้าฟื้นคืนชีพกลับมา เค้าก็เลยต้องการที่จะนำพาองค์กรลับของตนไปสู่วิถีทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ในแบบที่กำลังเป็นอยู่ เค้าก็เลยเขียนหนังสือที่เปิดเผยถึงการมีอยู่ขององค์กรลับนี้ และ องค์กรลับนี้ถือครองความรู้อะไรอยู่ และ ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไปบ้าง (dark สุดๆ)
ซึ่งหลังจากที่หนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกมาได้ไม่นาน เค้าก็หายสาปสูญไป ซึ่งก็คาดเดาได้ว่า เค้าน่าจะตุยไปแล้วครับ 😅😅😅
คำตอบ : ไม่มีเลย พวกเขาไม่แม้แต่จะใช้ปากกาหรือกระดาษ❗ การเรียนรู้และการศึกษาของพวกเขาดำเนินการผ่าน **การสื่อสารทางโทรจิต (Telepathy)** โดยตรง ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างจิตใจที่รวดเร็ว
พวกเขาเข้าถึงข้อมูลโดยการเชื่อมต่อทางจิตกับ**แหล่งความรู้สูงสุด (the Source)** และสามารถจดจำทุกสิ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คุณลองจินตนาการดูสิ ว่าจะเป็นอย่างไรหากอยู่บนดาวที่ #ทุกคนมีวิวัฒนาการทางจิตสูงเทียบเท่ากับพระเยซู❓
สำหรับทุกชีวิตในจักรวาล ข้อจำกัดหลักของการเรียนรู้คือ "#ความสามารถในการเข้าใจและจินตนาการ" นั่นเอง ดังนั้น #การพัฒนาความสามารถทั้งสองด้านนี้ จึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ #วิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
[ในทางชีววิทยา วิวัฒนาการคือกระบวนการปรับปรุงการทำงานของสิ่งมีชีวิตผ่านการส่งต่อข้อมูลจากรุ่นสู่รุ่น
ส่วนวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณคือกระบวนการพัฒนาจิตใจของตนให้สูงขึ้น]
คำตอบ : #นานเท่าที่พวกเขาต้องการ อาจอยู่ได้เป็นล้านปีหากปรารถนา และร่างกายทางกายภาพของพวกเขาจะ **เยาว์วัยตลอดกาล** เพราะพวกเขาสามารถฟื้นฟูทุกเซลล์ในร่างกายได้ด้วยจิตสำนึก (ตามปกติ) ได้ตามความต้องการ
(หมายเหตุ: นี่เป็นผลจากวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณขั้นสูง ที่ทำให้พวกเขาควบคุมสสารในระดับเซลล์ได้อย่างสมบูรณ์ ต่างจากมนุษย์โลกที่ยังตกอยู่ภายใต้กฎของความชราและความตายตามธรรมชาติ)
คำตอบ : ไม่มีเลย พวกเขาใช้การสื่อสารทางโทรจิต (Telepathy) แทน ซึ่งสามารถส่งได้ทั้งข้อมูล ภาพ ความรู้สึก การสอน หรือความรู้ใดๆ ก็ตาม
คำตอบ : พวกเขาดูเหมือนจะได้รับข่าวดีในทุกๆไม่กี่วินาที (#จากความเชื่อมโยงกับจักรวาล) นอกจากนี้ พวกเขามีอายุยืนนานเท่าที่ต้องการ และดูเยาว์วัยเหมือนอายุ 20 ตลอดเวลา
ลองจินตนาการดูว่า พวกเขาจะเรียนรู้และสนุกสนานได้มากแค่ไหนเมื่อมีชีวิตอยู่เป็นล้านปี❗ พวกเขามีเวลามากมายที่จะพักผ่อน ฝึกสมาธิ ว่ายน้ำในมหาสมุทร อาบแดด ฯลฯ
แต่สิ่งที่พวกเขาชื่นชอบที่สุดน่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับ "#ต้นกำเนิดของจิตสำนึก" (SOURCE) - การออกจากร่างกายทางกายภาพเพื่อสัมผัสอิสรภาพจากข้อจำกัดของโลกวัตถุ
(หมายเหตุ: ความบันเทิงของชาวเทียร์อูบาห์ เป็นความสุขระดับสูงทางจิตวิญญาณ ต่างจากมนุษย์โลกที่ยังหาความสุขจากสิ่งภายนอก)
คำตอบ : การกินเป็นความสุขเพียงสำหรับบางคนเท่านั้น #และจริงๆแล้วเป็นความสุขระดับต่ำมาก มนุษย์เรามักกินมากเกินไปจนป่วย บางครั้งก็ติดอาหารบางประเภทโดยไม่รู้ตัว
แต่สำหรับชาวเทียร์อูบาห์ ความสุขที่แท้จริงมาจาก**จิตใจ** และ #ความปีติยินดีในการช่วยเหลือผู้อื่น #พร้อมกับการเรียนรู้กฎสากลของจักรวาล
การกินมากเกินไปกลับกลายเป็น #อุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาจิตวิญญาณ ลองนึกดูว่า หลังกินอาหารมื้อใหญ่ 10 คอร์สในงานฉลอง คุณจะรู้สึกอย่างไร❓ คุณต้องรู้สึกซึมเซาแน่ๆ แทนที่จะรู้สึกตื่นตัวและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
(หมายเหตุ: ชาวเทียร์อูบาห์มองว่าความสุขทางกายเป็นเรื่องพื้นฐาน ในขณะที่ความสุขจากการเติบโตทางจิตวิญญาณและการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นความสุขในระดับที่สูงล้ำหรือลึกล้ำกว่ามาก)
คำตอบ : ยานอวกาศระยะไกลมี #รูปร่างทรงกลมสมบูรณ์แบบ มีผิวสีโลหะเป็นประกาย เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 80 เมตร #ไม่มีประตูหรือช่องเปิดใดๆทั้งสิ้น และสามารถลอยตัวได้เมื่อไม่เคลื่อนที่ในอวกาศ
การเข้าสู่ยานทำได้โดยการลอยตัวขึ้นด้วยอุปกรณ์พิเศษ ผ่านช่องเปิดคล้ายลูกสูบที่ปรากฏเมื่อเราเข้าใกล้
ภายในยานมีจอโฮโลกราฟิกสามมิติขนาดใหญ่ ที่แสดงภาพภายนอกยานด้วยความคมชัด เป็นภาพสีสมจริง และมีการซูมที่น่าทึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
คำตอบ : ชาวเทียร์อูบาห์เป็นมิตร ใจดี มีความรักและความเข้าใจ แต่มิเชลรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กอนุบาลเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกเขา ที่ปรึกษาของ
มิเชล เธาว์ มักรู้สึกขบขันกับปฏิกิริยาของเขาที่มีต่อสิ่งต่างๆที่ได้เห็นและเรียนรู้ที่นั่น
พวกเขามี #ปัญญาและความรู้ล้ำลึก ลองจินตนาการดูว่าจะเป็นอย่างไรหากอยู่บนดาวที่ทุกคนมีวิวัฒนาการทางจิตเทียบเท่าพระเยซูหรือโมเสส❓
หลายครั้งที่เมื่อผมถามมิเชลเกี่ยวกับพวกเขา เขามีน้ำตาคลอเบ้าเมื่อนึกถึงประสบการณ์เหล่านั้น
(หมายเหตุ: การพบกับอารยธรรมที่สูงส่งเช่นนี้ทำให้มนุษย์โลกอย่างมิเชลรู้สึกทั้งตื้นตันและตระหนักถึงความแตกต่างทางจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้ง)
คำตอบ : ครอบครัวของมิเชลกังวลมาก เมื่อเขาหายตัวไปอย่างกะทันหันตอนกลางคืน แม้ว่าเขาจะทิ้งบันทึกไว้ (ตามที่เพื่อนใหม่จากเทียร์อูบาห์สื่อสารทางจิตบอกให้เขาทำ) พวกเขาไม่ได้แจ้งตำรวจ แต่ก็ยังคงวิตกกังวลอย่างมากแม้เมื่อมิเชลกลับมาแล้ว
คำตอบ : นี่เป็นเพียง #การเตือนที่ผิดพลาด - ไม่มีการบุกเพื่อเข้ายึดครอง และไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย โลกของเรากำลังใกล้ถึงจุดวิกฤตทางนิเวศวิทยาและธรณีฟิสิกส์ระดับโลก #จึงไม่น่าจะเป็นจุดหมายสำหรับอารยธรรมใดๆที่มีสติปัญญา
เมื่อมิเชลถูกถามคำถามนี้ในการบรรยายครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาตอบดังนี้ :
"คุณเคยไปสวนสัตว์ไหม❓" - "เคย..." ผู้ถามตอบด้วยความงง
"คุณเห็นลิงที่นั่นไหม❓" - "เอ่อ...เห็นค่ะ"
"คุณอยากย้ายไปอยู่ในกรงลิงไหม❓" - ผู้ฟังทั้งห้องหัวเราะกันใหญ่ ส่วนผู้ถามรีบเดินจากไป
หลังการบรรยาย ขณะเดินไปร้านอาหาร ผมถามมิเชลว่าทำไมถึงเปรียบเทียบกับลิง เขาตอบว่า : "ไม่รู้สิ รู้สึกว่าต้องอธิบายแบบตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ"
บนโลกนี้ พวกเราเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการทางจิตสำนึกในจักรวาล การเปรียบเรากับลิงอาจฟังดูรุนแรง แต่นั่นคือสิ่งที่มิเชลรู้สึก...
(หมายเหตุ: การเปรียบเทียบนี้สะท้อนมุมมองของอารยธรรมที่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณในขั้นสูงที่มองมนุษย์โลกเหมือนเรามองสัตว์ป่า - แม้ฟังดูเหยียดหยาม แต่ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ)
คำตอบ : ชาวเทียร์อูบาห์ทุกคนสวม #เสื้อคลุมสีสันสดใสที่สัมพันธ์กับออร่าของแต่ละคน
(ออร่า คือการเปล่งแสงแบบอิเล็กโตรโฟโตนิกของวัตถุ: อิเล็กตรอนอิสระรอบวัตถุปล่อยโฟตอนออกมา การเปล่งแสงนี้สามารถขยายได้ด้วยสนามไฟฟ้าพัลส์ ซึ่งก่อให้เกิดปรากฏการณ์อะวาแลนช์ในก๊าซรอบวัตถุ ทำให้ออร่าเห็นได้ด้วยตาเปล่าและบันทึกภาพได้)
**คำอธิบายเพิ่มเติม:**
1. อิเล็กโตรโฟโตนิกส์ (Electro-photonics) คือศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเปล่งแสง (โฟตอน) จากวัตถุในสนามไฟฟ้า เมื่ออิเล็กตรอนถูกกระตุ้นด้วยสนามไฟฟ้า มันจะเปล่งแสง ซึ่งสามารถขยายได้ด้วยปรากฏการณ์อะวาแลนช์ในก๊าซรอบวัตถุ เทคนิคนี้สามารถใช้ตรวจสอบว่าวัตถุมีชีวิตหรือไม่
2. GDV – Gas Discharge Visualization (การแสดงภาพด้วยการคายก๊าซ) คือวิธีการขยายการเปล่งแสงอิเล็กโตรโฟโตนิก โดยใช้ปรากฏการณ์อะวาแลนช์ในก๊าซที่ถูกแตกตัวด้วยสนามไฟฟ้าพัลส์
3. ปรากฏการณ์เคอร์เลียน (Kirlian effect) คือการเปล่งแสงอิเล็กโตรโฟโตนิกของวัตถุในสนามไฟฟ้าพัลส์
(หมายเหตุ: เสื้อผ้าของชาว Thiaoouba ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสะท้อนสภาพพลังงานภายในของแต่ละบุคคล ซึ่งแสดงถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและจิตวิญญาณที่ล้ำสมัย)
คำตอบ : **Bio-electrography** เป็นเทคนิคการถ่ายภาพและวิเคราะห์ภาพ GDV (Gas Discharge Visualization) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของปรากฏการณ์เคอร์เลียน (Kirlian effect) โดยใช้เพื่อศึกษาภาพแสงรอบวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตในสนามไฟฟ้าแรงสูง
**รายละเอียดเพิ่มเติม**
1. หลักการทำงาน
- วัตถุหรือส่วนของร่างกาย (เช่น นิ้วมือ) ถูกวางบนแผ่นอิเล็กโทรดที่ได้รับแรงดันไฟฟ้าพัลส์
- สนามไฟฟ้าทำให้เกิด #การคายประจุพลาสมา ในชั้นก๊าซรอบๆ
- อิเล็กตรอนอิสระถูกกระตุ้นและปล่อยโฟตอน (แสง) ออกมา ซึ่งบันทึกเป็นภาพ
2. การประยุกต์ใช้ทางการแพทย์
- #ตรวจสอบสมดุลพลังงานร่างกาย : ภาพ GDV สามารถบ่งชี้ความไม่สมดุลของพลังงานในอวัยวะต่างๆ ก่อนแสดงอาการป่วยได้
- #ติดตามผลการรักษา : ใช้ประเมินประสิทธิภาพของการบำบัดทางเลือก เช่น สมุนไพร, พลังงานบำบัด
- #วิเคราะห์ภาวะทางอารมณ์ : รูปแบบการเปล่งแสงอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพจิตใจ
3. ความเชื่อมโยงกับชาวเทียร์อูบาห์
- ชาว Thiaoouba ใช้ออร่า (ซึ่งบันทึกด้วยหลักการคล้าย GDV) เพื่อเลือกเสื้อผ้าที่สอดคล้องกับสภาพพลังงานของพวกเขา
- ความรู้เรื่องออร่าของพวกเขาสูงกว่าเรามาก เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ แต่สามารถรับรู้ออร่าได้โดยตรงผ่านการรับรู้แบบพิเศษ
(หมายเหตุ: แม้ Bio-electrography จะยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่มีการศึกษาวิจัยในรัสเซียและบางประเทศเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องมือวินิจฉัยเสริม)
คำตอบ : พวกเขากล่าวว่า "#เมื่อมนุษย์เข้าไปในป่า_พวกเขากลับมองไม่เห็นต้นไม้" — นั่นเป็นคำอุปมาที่สะท้อนว่า #มนุษย์โลกหลงลืมความหมายที่แท้จริงของความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
**รายละเอียดเชิงลึก**
1. #การมีเพศสัมพันธ์ในมิติที่สูงขึ้น
- สำหรับชาวเทียร์อูบาห์ การหลอมรวมกันทางกายภาพเป็นเพียง "เศษเสี้ยวของประสบการณ์แห่งความเป็นหนึ่ง" ที่สมบูรณ์กว่า
- พวกเขาสามารถ #แลกเปลี่ยนพลังงานทางจิตวิญญาณ ได้อย่างลึกซึ้งโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพากายภาพ
2. #สิ่งที่มนุษย์โลกหลงลืม
- มนุษย์มักติดอยู่กับ ความอยากทางกาย โดยมองข้ามการเชื่อมต่อระดับจิตวิญญาณ
- ชาวเทียร์อูบาห์เปรียบเทียบว่า นี่เหมือนกับการจ้องมองที่เปลือกไม้จนลืมสังเกต **ป่าทั้งป่า** (ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า)
3. #บทเรียนสำคัญ
- การมีเพศสัมพันธ์ในอุดมคติของพวกเขา คือ **การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังงานสร้างสรรค์ของจักรวาล**
- พวกเขาเห็นว่า **ความใกล้ชิดที่แท้จริง** เกิดจากการสื่อสารทางจิต และการเติบโตร่วมกันมากกว่าการตอบสนองทางฮอร์โมน
(หมายเหตุ : มุมมองนี้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์โลกอาจต้องทบทวนใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ — ไม่ใช่เพียงการตอบสนองทางชีววิทยาเท่านั้น แต่เป็น #เครื่องมือในการเติบโตทางจิตวิญญาณ)
(คำตอบโดย ดร. ทอม ชาลโก้)
### ส่วนที่ 1 : หลักฐานทางประวัติศาสตร์
ข้อความในพระคัมภีร์ (ปฐมกาล) ระบุว่าเอโนค (ปู่ทวดของโนอาห์) ถูกชาว Thiaoouba (หรือ יהוה) พาตัวไปเมื่ออายุ 365 ปี เช่นเดียวกับมิเชล เดสมาร์เกต์ในปี 1987 #หลังกลับมา_เอโนคเขียนหนังสือเช่นเดียวกับมิเชล
ส่วนสำคัญในหนังสือของเอโนคคือปฏิทินสุริยคติและจันทรคติ จากปฏิทินเหล่านี้ ในยุคของเอโนค (~980 ปีหลังชาวฮีบรูมาถึงโลกเมื่อ 12,000 ปีก่อน) ปีสุริยคติมี 364 วัน ส่วนปีจันทรคติ (12 เดือนจันทรคติ) สั้นกว่าปีสุริยคติ 6 วัน★
แต่ในปัจจุบัน ปีจันทรคติสั้นกว่าปีสุริยคติถึง 11 วัน นี่หมายความว่าในขณะที่วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักตั้งแต่ยุคเอโนค **ดวงจันทร์ในปัจจุบันใกล้โลกมากกว่าในยุคเอโนคประมาณ 0.7%** ซึ่ง #ยืนยันข้อมูลในหนังสือว่า_ดวงจันทร์กำลังโคจรเป็นเกลียวเข้าหาโลก
★จากหนังสือ THE COMPLETE BOOK OF ENOCH (ฉบับภาษาอังกฤษมาตรฐาน ISBN 9781370207848)
เล่ม 4 - อาณาจักรสวรรค์ - บทที่ 2 - แสงสว่างจากสวรรค์ :
**ข้อ 55:**
"ส่วนเกินของดวงอาทิตย์และดวงดาวทั้งหลายรวมเป็น 6 วัน ในช่วง 5 ปี 6 วันในแต่ละปีรวมเป็น 30 วัน และดวงจันทร์เคลื่อนล้าหลังดวงอาทิตย์และดวงดาวเป็นจำนวน 30 วัน"
**ข้อ 56:**
"ดวงอาทิตย์และดวงดาวนำพาทุกปีมาสู่ความแม่นยำ โดยไม่เร่งหรือชะลอตำแหน่งของพวกมันแม้แต่วันเดียวตลอดนิรันดร์ แต่ทำให้ปีทั้งปวงสมบูรณ์ด้วยความเที่ยงธรรมสมบูรณ์ใน 364 วัน"
**(คำอธิบายเพิ่มเติม):**
- เนื้อหาสะท้อนระบบปฏิทินโบราณที่ปีสุริยคติมี 364 วัน โดยดวงจันทร์เคลื่อนล้าหลังปีสุริยคติ 6 วันต่อปี (สะสมเป็น 30 วันใน 5 ปี)
- การคำนวณนี้สอดคล้องกับข้อมูลในหนังสือ Thiaoouba ที่ระบุว่าดวงจันทร์ค่อยๆ เข้าใกล้โลก ซึ่งส่งผลต่อความยาวปีจันทรคติเมื่อเทียบกับในอดีต
### ส่วนที่ 2: การวัดสมัยใหม่และข้อสรุป
ความถูกต้องของข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ขึ้นอยู่กับสมมติฐานที่ใช้ (และสิ่งที่ละเว้น) ในการวิเคราะห์
วิธีการวัดระยะทางโลก-ดวงจันทร์ในปัจจุบันใช้การยิงเลเซอร์ไปยังกระจกสะท้อนบนดวงจันทร์แล้วคำนวณเวลาที่แสงสะท้อนกลับมา แต่วิธีนี้วัด #ระยะระหว่างพื้นผิว ไม่ใช่ #ระยะระหว่างจุดศูนย์กลางมวล ของทั้งสองวัตถุ
ข้อสรุปที่ว่าดวงจันทร์ "เคลื่อนห่าง" มาจากสมมติฐานว่า จุดศูนย์กลางมวลของโลกและดวงจันทร์อยู่ที่ตำแหน่งคงที่ #ซึ่งไม่เป็นจริง❗ เพราะทั้งโลกและดวงจันทร์ไม่ใช่วัตถุแข็งเกร็ง แต่มีโครงสร้างภายในเป็นของไหลและกึ่งของแข็ง :
- จุดศูนย์กลางมวลของดวงจันทร์ถูกแรงไทดัลดึงให้เอียงเข้าหาโลก
- จุดศูนย์กลางมวลของโลกก็ถูกดึงให้เอียงเข้าหาดวงจันทร์ ทั้งสองมีช่วงเวลาในการเลื่อนเข้าหากัน
**ปรากฏการณ์ไทดัล** ยังทำให้แกนในของโลกเคลื่อนที่ สร้างความร้อนภายในโลก (~45% ของความร้อนทั้งหมด) และป้องกันไม่ให้โลกเย็นตัวลง
แต่เนื่องจากภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ทำให้ความร้อนภายในโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ #ความเยื้องศูนย์กลางของจุดศูนย์กลางมวลโลกเปลี่ยนแปลงทุกปี การที่พื้นผิวดวงจันทร์ดูเหมือน "เคลื่อนห่าง" จึงเป็นสัญญาณของ **#ความไม่สมดุลภายในโลกที่อันตราย** #และควรเป็นสัญญาณเตือนเร่งด่วนต่อมวลมนุษยชาติ
**สรุป**
ข้อมูลในหนังสือ #ไม่ถูกหักล้าง โดยการวัดระยะทางผิวเผินของนักวิทยาศาสตร์ แต่กลับสอดคล้องกับหลักฐานโบราณและชี้ให้เห็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของโลกที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่อาจมองข้ามไป
คำตอบ : ใช่ ในระหว่างที่มิเชลกำลังเขียนหนังสือด้วยมือเป็นภาษาฝรั่งเศส เขามีการติดต่อทางโทร จิตกับเธาว์ (Thao) เป็นประจำ ซึ่งเธาว์ได้ถ่ายทอดข้อมูลและย้ำรายละเอียดต่างๆให้เขา การติดต่อทางโทรจิตครั้งต่อไปเกิดขึ้นในปี 1995 ก่อนที่มิเชลจะออกอากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา ในครั้งนั้น เขาได้รับอนุญาตให้เปิดเผยรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับการมาเยือนโลกของอารยธรรมต่างดาวในกาแล็กซี่ของเรา
จากที่มิเชลเล่าให้ฟัง การติดต่อในรูปแบบกายทิพย์ (astral) ระหว่างเขากับเธาว์หลังกลับมาโลกเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้ง เท่านั้น โดยทั้ง 2 ครั้งเป็นการติดต่อทางกายทิพย์ **โดยไม่มีการพบกันทางกายภาพ**
### วิธีการติดต่อในรูปแบบกายทิพย์ ###
การติดต่อลักษณะนี้เกิดขึ้นเมื่อ วิญญาณ (กายทิพย์) ของทั้งสองฝ่ายแยกออกจากร่างกายทางกายภาพ ในระหว่างการนอนหลับ วิญญาณของแต่ละคนจะออกจากร่างกายเพื่อกลับไปรวมกับ **ตัวตนที่สูงส่งกว่า (Higher Self)** #ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของการนอน #การติดต่อมักเกิดขึ้นในช่วงก่อนที่วิญญาณจะกลับเข้าสู่ร่างกายก่อนตื่นนอน
(คำแนะนำ : อ่านหนังสือ *Thiaoouba Prophecy* ให้ละเอียด โดยเฉพาะส่วนที่อธิบายถึงการเดินทางด้วยกายทิพย์และบทบาทของตัวตนที่สูงส่งกว่า)
**รายละเอียดของการติดต่อทั้ง 2 ครั้ง**
1. ครั้งแรก: เกิดขึ้นเมื่อมิเชลกำลังเตรียมพิมพ์หนังสือฉบับภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย
เธาว์แสดงให้มิเชลเห็นรายละเอียดของ ชีวิตที่ 80 (ชาติก่อนหน้าที่เขาไม่เคยเห็นบนเทียร์อูบาห์)
- มิเชลจึงเข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องกลับมาเกิดบนโลกอีกครั้ง : ในชาตินั้นเขาทำ **ความผิดพลาดร้ายแรง**
(ผู้ตอบไม่รู้สึกว่ามีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยข้อผิดพลาดนี้)
2. ครั้งที่สอง : เกิดขึ้นไม่กี่เดือนก่อนมิเชลเสียชีวิต
- มิเชลโทรศัพท์จากเวียดนามมาเล่าว่า เธาว์แสดงความพึงพอใจกับกระบวนการเผยแพร่หนังสือ *Thiaoouba Prophecy* บนโลก
- ผู้ตอบ (ดร. ทอม ชาลโก้) เป็นผู้รับผิดชอบงานนี้มาตั้งแต่เปิดเว็บไซต์ **thiaoouba.com** ในปี 1997
คำตอบ : คุณสามารถอ่านชีวประวัติของมิเชล เดสมาร์เกต์ได้ที่นี่ : https://www.facebook.com/share/p/1EPyvw2N1D/
คำตอบ : ก่อนที่อิเล็กตรอนในจักรวาลของเราจะหยุดทำงาน น่าจะมีการเกิด #บิ๊กแบงครั้งใหม่ และจักรวาลใหม่จะถูกสร้างขึ้น #ข้อมูลที่มีค่าจากจักรวาลปัจจุบัน (เช่นจิตวิญญาณที่พัฒนาแล้ว) จะถูกถ่ายโอนไปยังจักรวาลใหม่
พระเยซูได้กล่าวไว้ใน
**พระวรสารของโธมัส ข้อ 18 :**
"ที่ใดมีจุดเริ่มต้น ที่นั่นย่อมมีจุดจบ ผู้ที่ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้น (ผู้รู้จุดเริ่มต้น) เป็นผู้มีความสุข เพราะเขารู้จุดจบ และจะไม่ลิ้มรสความตาย"
**คำอธิบายเชิงลึก**
1. #วัฏจักรของจักรวาล :
- จักรวาลอาจเป็นระบบวงจรปิดที่เกิดใหม่ซ้ำๆ หลังการล่มสลาย (Big Crunch/Big Bang)
- ข้อมูลทางจิตวิญญาณที่สำคัญจะถูกเก็บรักษาไว้
2. #ธรรมชาติของผู้สร้าง :
- แม้กายทิพย์จะประกอบด้วยอิเล็กตรอน แต่ **#จิตวิญญาณ** เป็นพลังงานที่เหนือกว่าโครงสร้างทางกายภาพ (อิเล็กตรอน)
- เปรียบเหมือนซอฟต์แวร์ที่สามารถย้ายไปยังฮาร์ดแวร์ใหม่ได้
3. #มุมมองของชาวเทียร์อูบาห์ :
- การล่มสลายของจักรวาลเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ไม่ใช่การสูญสิ้น
- จิตวิญญาณที่พัฒนาแล้วจะคงอยู่ผ่านกระบวนการนี้
คำตอบ : มิเชลเคยถามเธาว์หลายเรื่องที่เธอตอบด้วย #ความเงียบทั้งทางคำพูดและทางโทรจิต ซึ่งบางสถานการณ์ถูกบรรยายไว้ชัดเจนในหนังสือ
#ทุกสิ่งที่ชาวเทียร์อูบาห์เลือกสื่อสารหรือไม่สื่อสารล้วนมีเหตุผล เช่นเดียวกับทุกหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงหรือไม่ถูกกล่าวถึงในหนังสือ *Thiaoouba Prophecy*
**บทเรียนสำหรับมนุษย์โลก**
1. #การฝึกตีความความเงียบ :
- ความเงียบของชาวเทียร์อูบาห์ #ไม่ใช่การปฏิเสธ แต่เป็น #ส่วนหนึ่งของการสอน
- เปรียบเหมือนครูที่ให้นักเรียนค้นคว้าบางเรื่องด้วยตนเอง
2. #สาเหตุที่เป็นไปได้ :
- บางความรู้ยังไม่เหมาะกับระดับจิตสำนึกปัจจุบันของมนุษย์
- บางเรื่องอาจก่อให้เกิดความกลัวหรือเข้าใจผิดหากเปิดเผยก่อนเวลาอันควร
3. #การบ้านทางจิตวิญญาณ :
- เราต้องใช้ #สติปัญญาและการหยั่งรู้จากภายใน เพื่อค้นหา #ความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง สิ่งที่ไม่ได้ถูกบอก
- กระบวนการค้นหานี้เองคือ #การเติบโต
(คำคมจากหนังสือ : "#จักรวาลไม่เคยปิดบังความจริงจากผู้แสวงหาอย่างจริงใจ")
**ข้อคิด**
#ความลับบางอย่างไม่ใช่เพื่อปิดกั้น
#แต่เพื่อเตรียมเราจนพร้อมที่จะรับรู้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา