8 พ.ค. เวลา 10:54 • ข่าวรอบโลก

NO US - NO V DAY - NO RUSSIA !!!

พรุ่งนี้แล้วนะ สำหรับงานใหญ่ประจำปีของรัสเซีย
ที่จะฉลองครบรอบชัยชนะที่มีต่อนาซี ในสงครามโลกครั้งที่สอง
หรือ Victory day วันแห่งชัยชนะของพวกเขา
ปูตินเชิญพันธมิตรมากมาย รวมถึงซี้ปึ๊กอย่างสี่จิ้นผิง
มาร่วมแสดงพลังแห่งมิตรภาพ ให้โลกได้เห็น
แต่ ท่ามกลางแขกรับเชิญของปูตินหลายชาติ
ปูตินกลับไม่ได้เชิญชาติที่สำคัญที่สุด
ที่ทำให้มีวัน V DAY นี้เกิดขึ้นได้
นั่นก็คือ USA หรือสหรัฐอเมริกานั่นเอง …
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ถ้าไม่มีสหรัฐ ก็ไม่มีรัสเซียในวันนี้
…มันไม่เกินเลยหรอก ถ้าจะพูดแบบนั้น….
ปูตินนั้นพยายามลบและบิดเบือนประวัติศาสตร์ส่วนนี้มาตลอด
เพราะในเป็นความจริง หากสหรัฐไม่ช่วยเหลือพวกเขา
โซเวียตจะแตก และปัจจุบันจะไม่มีรัสเซียเหลืออยู่เลย
และจะไม่มีชาติแขกรับเชิญสำคัญ คือ จีนเสียด้วยซ้ำไป
มันดูเหมือนความอัปยศ และอ่อนแอของตน
ปูตินจึงพยายามอย่างมาก ที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ส่วนนี้
…แต่มันได้ งั้นเหรอ ?….
ในการจำลองสถานการณ์ที่น่าจะเป็นใน WWII
จากผู้เชี่ยวชาญ ว่าหากอเมริกาไม่เข้าร่วมสงคราม
จะเป็นอย่างไร
ทุกสำนักฟันธงตรงกัน ว่าอักษะจะชนะสงคราม
อย่างเด็ดขาด และครองโลกส่วนมาก รวมถึงอเมริกา
และถ้าอักษะ ชนะสงคราม โลกก็จะมีหน้าตาตามแผนที่
ด้านล่างนี่แหละ
รัสเซีย จะไม่เหลืออยู่ในโลก แต่จะถูกแบ่งครึ่ง
ตามทฤษฎี eurosia ของนาซี และญี่ปุ่น
และญี่ปุ่นจะครอบครองจีนและเอเชียทั้งหมด
ก่อนที่จะบุกไปตัดแบ่งทวีปอเมริกาในภายหลัง
พร้อมกับการเติบโตของแนวคิดฟาสซิสต์
แทนที่จะเป็นคอมมิวนิสต์ แข่งกับประชาธิปไตย
แบบที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง
…นี่คือโลก ในกรณีที่ไม่มีสหรัฐร่วมสงคราม
และช่วยเหลือชาติพันธมิตร อย่างที่พวกเขาได้ทำจริงๆ…
…ไม่มีรัสเซีย ไม่มีจีน และไม่มีใครเลย นอกจากฟาสซิสต์…
โครงการ Lend-Lease คือเรื่องที่เปลี่ยนทุกอย่างของ WWII
เก้าเดือน ก่อนอเมริกาจะเข้าสงครามอย่างเป็นทางการ…
พวกเขาประเมินสถานการณ์แล้วว่า หากปล่อยให้นาซี
ยึดโซเวียตได้ นาซีจะได้ทรัพยากรเสริมแบบไม่มีที่สิ้นสุด
และสุดท้ายจะเป็นภัยกับอเมริกาเอง
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดโครงการขึ้นมาเพื่อสนับสนุนโซเวียต
ซึ่งก็คือ Lend-Lease นั่นเอง
มันเป็นความช่วยเหลือทางทหารที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่ให้กันระหว่างชาติด้วยซ้ำไป โดยเทียบเป็นเงินในปี 2016
สูงถึง 180 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.8 แสนล้านเหรียญ
เลยทีเดียว
คือมากกว่าที่สหรัฐให้ยูเครนในปัจจุบัน
ที่ 119 พันล้านเหรียญ หรือ 1.19 แสนล้านเหรียญเสียอีก
แล้ว 1.8 พันล้าน คือตัวเลขปี 2016 นะ
ลองคิดอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันสิ มูลค่ามันอาจสูงกว่า
2.2 แสนล้านเหรียญในปัจจุบันเสียด้วยซ้ำ
และเข่นเดียวกับที่ทำกับยูเครน สหรัฐยังส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ เทคโนโลยีการผลิตต่างๆ เข้าสู่โซเวียตตอนนั้น
เป็นจำนวนมาก ซึ่งคนเหล่านี้มีส่วนมาก ในการพัฒนา
วางรากฐานอาวุธโซเวียตมานจนเป็นแบบปัจจุบัน
โดยความช่วยเหลือส่วนนี้ ก็คล้ายยูเครน
คือ สหรัฐส่งให้เป็นจำนวนมาก หลังรัสเซียหักกับนาซี
คร่าวๆ คือ
ส่วนของยุทธภัณฑ์โดยตรง
400,000 jeeps and trucks
14,000 airplanes
8,000 tractors
13,000 tanks
ส่วนของการสนับสนุนอื่น
More than 1.5 million blankets
15 million pairs of army boots
107,000 tons of cotton
2.7 million tons of petroleum products (to fuel airplanes, trucks and tanks)
4.5 million tons of food
จะเห็นว่า มันมากมายมหาศาลจริงๆ และเป็นไปไม่ได้ในสมัยนี้*
มันไม่ใช่เรื่องเกินเลย หากจะบอกว่าถ้าไม่มีของเหล่านี้
โซเวียตจะไม่มีทางชนะสงครามได้เลย
มันไม่เกี่ยวกับนิทานปิศาจหน้าหนาว ที่ทางรัสเซียพยายาม
สรรสร้างขึ้น โดยอิงกับความจริงทางประวัติศาสตร์
ในสมัยนโปเลียนในตอนหลัง อะไรสักเท่าไหร่หรอก…
…หน้าหนาวจะช่วยอะไรได้ ถ้าอาวุธคุณไม่พอ ?….
1
และรัสเซียเองก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงเหล่านี้ได้
เนื่องจากมีหลักฐาน การจ่ายคืนให้แก่สหรัฐมาตลอด
หลังตั้งตัวได้ในยุค 60
ก่อนจะชักดาบสหรัฐเมื่อสงครามเย็นถึงจุดพีค
และไม่จ่ายอีกเลย หลังการล่มสลายของโซเวียต
โดยอ้างว่ารัสเซียนั้นไม่ใช่โซเวียต …
…ในทางเทคนิคแล้ว รัสเซียจึงยังเป็นหนี้สหรัฐอยู่นั่นเอง….
(* ถ้าว่ากันที่ตัวเลข มันอาจดูสูงจนไม่น่าเป็นไปได้ในปัจจุบัน
ซึ่งก็ถูกต้อง เนื่องจากอาวุธปัจจุบันนั้นสลับซับซ้อน และผลิต
ได้ยากและช้ากว่า
แต่กับอาวุธยุคสงครามโลกนั้น มันไม่ได้สลับซับซ้อน
ผลิตได้ง่าย และเร็วกว่ามาก ตัวเลขดังกล่าวจึงไม่ได้เกินเลย
แต่อย่างใดเลย )
สำหรับ สหรัฐและโซเวียต มันคือการหักหลังกันและกัน
มาตลอดประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของพวกเขา
ที่จริงในช่วงที่สหรัฐทำสงครามแยกตัวจากอังกฤษ
จักรวรรดิรัสเซีย ก็มีส่วนช่วยอย่างมาก ในการปลดปล่อยสหรัฐ
พวกรัสเซียตอนนั้น สร้างกลุ่มจำกัดอาวุธขึ้นมา เพื่อคานอังกฤษ
และสหรัฐเองก็ได้ประโยชน์มาก จากสนธิสัญญานี้
การสิ้นสุดของจักรวรรดิรัสเซีย ทำให้สหรัฐมีข้ออ้างในการ
เย็นชากับรัสเซียมากขึ้น แต่ก็ยังต้องคบค้ากันไปเรื่อยๆ
ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 พวกเขายังคงเป็นพันธมิตรกัน
แต่เนื่องจากมีความต่างทางปรัชญาการปกครอง
มันจึงไม่ได้เหนียวแน่นอะไรนัก และพร้อมหักกันตลอดเวลา
ช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ความจริงแล้ว
สหรัฐมองว่าโซเวียต น่าจะเข้ากับฝ่ายอักษะค่อนข้างแน่
เมื่อพวกเขาไปทำสัญญาไม่รุกรานกันกับนาซี
ตอนนั้นสหรัฐไม่พอใจโซเวียตมาก เนื่องจากผิดสัญญา
ในการเข้ายึดโปแลนด์และแบ่งกับนาซีคนละครึ่ง
จนดูเหมือน สตาลินจะเอาด้วยแน่กับฮิตเลอร์
แต่เนื่องจากฮิตเลอร์เองก็ไม่ชอบขี้หน้าสตาลินนัก
การหักหลังกันมันจึงเกิดขึ้น และบีบให้โซเวียตต้องกลับ
มาคบค้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร
เชอร์ซิลแห่งอังกฤษ จึงได้ช่อง เนื่องจากมองแล้วว่า
โซเวียตนั้นใหญ่ และคนเยอะ ทรัพยากรมาก จะเป็นประโยชน์
กับตนเองในการรับมือเยอรมัน จึงไปดึงมา
และพยายามเกลี้ยกล่อมอเมริกา ให้ยอมรับสตาลิน
แม้พวกเขาจะไม่ชอบกันเลยก็ตาม
ประวัติศาสตร์โลกช่วงนั้น เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
แยกมิตร แยกศัตรูแทบไม่ได้ ทุกอย่างเกาะเกี่ยวกันด้วย
ผลประโยชน์ และเปราะบางอย่างยิ่ง
….ซึ่งดูแล้วก็คล้ายปัจจุบันนี้ไม่น้อยเลย….
…เราก็คงได้แต่หวัง ว่าสงครามโลกจะไม่เกิดซ้ำรอยกงล้อประวัติศาสตร์ในอนาคตอันใกล้นี้….
สำหรับ V DAY นั้น ในช่วงความสัมพันธ์ระดับปกติ
สหรัฐเข้าร่วมขบวนพาเหรดเสมอ
มันเพิ่งหายไปเมื่อปี 2014 หลังการรุกรานยูเครนรอบแรก
ใน V DAY สมัยก่อน ยูเครนเองก็เข้าร่วมกับขบวนพาเหรดนี้
ด้วยความภาคภูมิใจเช่นกัน
และในหลายปีก่อน จีนไม่ถือเป็นแขกรับเชิญเสียด้วยซ้ำไป
เมื่องจากมีปมกันอยู่ ตั้งแต่สมัยโซเวียต ที่ไม่ลงรอยกัน
ในแง่ปรัชญาคอมมิวนิสต์ และผลประโยชน์ในเอเชีย
มันบอกเราได้ว่า ในการเมืองโลกนั้น ไม่มีมิตรแท้
และศัตรูถาวร ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เสมอ
เมือผลประโยชน์ลงตัว บุญคุณ ความแค้น มันไม่มีค่าอะไรเลย
…ไม่รู้เหมือนกัน ว่าถ้าคนรัสเซีย และอเมริกันในยุค WWII
ที่เคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กัน จะคิดอย่างไร กับปัจจุบัน…
…ยังมีคนยูเครน ที่ร่วมรบกับคนรัสเซียอีกล่ะ รู้สึกอย่างไร…
…การบิดเบือนประวัติศาสตร์ของปูติน จะทำให้วีรบุรุษสงคราม
เหล่านี้ ไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์อีกต่อไป….
V DAY จะมีค่าอะไร เมื่อประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือน
วีรบุรุษถูกลบเลือน และมิตรภาพร่วมรบมันไม่มีค่า…..
…มันเป็นได้เพียงการเฉลิมฉลองให้นิทานโกหก เท่านั้นเอง…
…ไม่มีอเมริกา ก็ไม่มีรัสเซีย ไม่มีจีน….
…นี่คือความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้หรอก…
…และนี่ คือประวัติศาสตร์ ที่เป็นจริง ของ V DAY…
…ที่ไม่ใช่นิทานที่แต่งขึ้นเพื่อใครของปูติน….
จากพี่น้องสู่ศัตรู มัน่าเศร้าไหมล่ะ ?
อ้างอิง
โฆษณา