10 พ.ค. เวลา 01:30 • ประวัติศาสตร์

จริงหรือไม่ เราเคยมีพระสันตะปาปาเป็น “ผู้หญิง”?

เป็นข่าวอันน่ายินดีที่ในที่สุดการคอนเคลฟเลือกพระสันตะปาปาก็จบลงแล้ว พร้อมกับการมีพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เป็นชาวอเมริกันคนแรกอย่างพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 หรืออดีตพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต เพรโวสต์ ผู้ที่มีนโยบายในด้านการช่วยเหลือผู้อพยพและผู้ยากไร้ สอดคล้องกับแนวคิดของพระสันตะปาปาพระองค์ก่อน
การมีพระสันตะปาปาเป็นคนแรกของประเทศหรือของภูมิภาค แน่นอนว่ามันทำให้ประชาชนในพื้นที่รู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย พระสันตะปาปาในอดีตที่ผ่านก็นับว่ามีความหลากหลายสูง ไม่ว่าจะเป็นพระสันตะปาปาผิวดำ พระสันตะปาปาผิวขาว พระสันตะปาปาจากอาหรับ ก็มี และในความหลากหลายนี้ก็มีเรื่องหนึ่งที่กล่าวอ้างขึ้นมาว่าเราเคยมี “พระสันตะปาปาสตรี” ด้วย แต่เรื่องนี้มันจริงเท็จแค่ไหนกัน?
⭐ “พระสันตะปาปาโยน” สตรีผู้จับพลัดจับผลูมาเป็นผู้นำศาสนา
เป็นความเชื่อที่ถูกเล่ากันต่อ ๆ มาว่าในช่วงยุคกลาง เราเคยมีพระสันตะปาปาสตรีปกครองวาติกันยาวนานถึง 2 ปีด้วยกัน ซึ่งเล่ากันมาหลากหลาย เรื่องที่ค่อนข้างได้รับความนิยมก็คือสันตะปาปาโยนนั้นได้เข้ามาสู่ใต้ร่มพระศาสนาโดยการปลอมตัวเป็นชายเข้ามา เพื่อที่จะได้มีโอกาสอยู่กับคนรักซึ่งเป็นนักบวช
แต่อย่างไรก็ดี ด้วยวัตรปฏิบัติที่แสนจะดีงาม ทำให้โยนเริ่มไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ กลายเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นพระคาร์ดินัล และเป็นพระสันตะปาปาตามลำดับ แต่ทว่าความก็มีแตกตรงที่ว่าพระสันตะปาปาโยนตั้งครรภ์ และคลอดลูกขึ้นมาบนหลังม้าระหว่างเดินทาง ซี่งพระสันตะปาปาโยนก็เสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นานนัก ตลอดจนเล่ากันต่อ ๆ มาว่าทางวาติกันได้ทำการลบเรื่องราวของพระสันตะปาปาผู้นี้ออกไปจากประวัติศาสตร์ด้วย
การกล่าวถึงพระสันตะปาปาสตรีผู้นี้ ปรากฎหลักฐานครั้งแรกราวปี 1250 ในพงศาวดารเมืองแม็ส (Chronica Universalis Mettensis) ซึ่งเขียนขึ้นมาโดยพระในคณะดอมินิกัน นามฌ็อง เดอ มายี ซึ่งได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1099 ซึ่งระบุว่าหลังจากที่พระสันตะปาปาให้กำเนิดบุตรแล้วก็ถูกประชาทัณฑ์โดยการจับมัดกับม้า ให้ม้าลากตัวไปเรื่อย ๆ และโดนปาหินจนเสียชีวิต
เรื่องราวในพงศาวดารฉบับดังกล่าวได้เป็นที่รับรู้และเชื่อถือกันเป็นอย่างมากและแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว นักบวชในคณะดอมินิกันคนอื่น ๆ ก็นำไปเผยแพร่ต่อผ่านการเขียนหนังสือถึง
ซึ่งมันได้กลายเป็นหลักฐานที่สร้างพื้นที่หนาแน่นให้เรื่องราวของพระสันตะปาปาผู้นี้ได้เป็นที่รู้จักกันต่อไป และโด่งดังมากขึ้นผ่านหนังสือของมาร์ตินแห่งโอปาวา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการระบุชื่อให้กับพระสันตะปาปาสตรีคนนี้ โดยให้ชื่อว่ายอห์น หรือโยน แถมยังระบุระยะเวลาที่เป็นพระสันตะปาปาเอาไว้ที่ 2 ปี 7 เดือน 4 วัน ระบุไปจนสถานที่ที่คลอดลูกออกมาคือระหว่างเดินทางบนถนนที่ตั้งอยู่ระหว่างโคลอสเซียมกับโบสถ์เซนต์เคลเมนต์
⭐ พระสันตะปาปาสตรีผู้ถูกวาติกันปฏิเสธ
ข่าวลือเรื่องพระสันตะปาปาโยนโด่งดังและได้รับการเชื่อถือมานานหลายร้อยปี กว่าวาติกันจะมีการออกตัวปฏิเสธแบบชัดเจนก็ล่วงเข้าสู่ยุคปฏิรูปศาสนา พระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 ประกาศกร้าวว่าพระสันตะปาปาโยนนั้นไม่มีจริง ซึ่งรูปประติมากรรมพระสันตะปาปาโยนที่ซีเอนาก็ถูกถอนออกในช่วงเวลานี้นี่เอง
ผู้คนในยุคปฏิรูปศาสนาดำเนินการปฏิเสธการมีอยู่ของพระสันตะปาปาอย่างขันแข็ง โดยมองว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าทางการเมืองที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อเสียดสีพระสันตะปาปา โดยเดวิด บลอนเดลระบุว่าเป็นการเสียดสีพระสันตะปาปายอห์นที่ 11
5
ในขณะเดียวกัน โอโนฟริโอ ปานวินิโอระบุว่าเป็นการเสียดสีพระสันตะปาปายอห์นที่ 12 ซึ่งมีภรรยาลับ ๆ หลายต่อหลายคน หนึ่งในนั้นชื่อว่า โยน ที่มีอำนาจในวาติกันไม่แพ้กัน ทำให้นางโยน ถูกเรียกแบบนินทาลับหลังว่าเป็น “พระสันตะปาปาโยน” จากอำนาจที่เธอมีในวาติกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีทั้งคนที่เชื่อ และไม่เชื่อในการมีอยู่ของพระสันตะปาปาโยน
⭐ หรือจะเป็นเรื่องฉาวที่แต่งขึ้นมาเพื่อต่อต้าน?
ผู้คนในอดีตจำนวนมากจะเชื่อในการมีตัวตนอยู่ของพระสันตะปาปาโยนจริง แต่ทั้งนี้นักประวัติศาสตร์ยุคหลังศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมาต่างพากันปฏิเสธการมีตัวตนของพระสันตะปาปาโยน อีกทั้งยังยังมองว่ามันเป็นเพียงแค่หนึ่งในตำนานเรื่องเล่าจากยุคกลางที่มีมากมายเต็มไปหมด
แน่นอนว่าเรื่องราวของพระสันตะปาปาโยนล้วนแต่ถูกพูดถึงในยุคหลังทั้งนั้น ไม่ปรากฎหลักฐานใด ๆ ที่ร่วมสมัยกันกับช่วงปีที่กล่าวอ้างเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเรื่องฉาวขนาดนี้ไม่น่าที่จะเล็ดลอดไปจากบันทึกของฝั่งออร์โธดอกซ์หรือกลุ่มต่อต้านศาสนจักรคาทอลิกไปได้ ซึ่งนั่นก็นำมาสู่ทฤษฎีใหม่ที่ว่ามันเป็นไปได้มากแค่ไหนกันที่ว่าจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการต่อต้านศาสนจักรคาทอลิก?
เรื่องราวของพระสันตะปาปาโยนแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะว่ามันเป็นเรื่องฉาวที่สามารถทำลายความน่าเชื่อถือของศาสนจักรคาทอลิกได้ มันจึงกลายเป็นที่น่าสนใจ และถูกบอกต่อกันอย่างกว้างขวางขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เป็นเรื่องราวที่ขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ร่วมสมัยกันมายืนยัน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง
2
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีหลัฏฐานชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นคนในปัจจุบันก็ยังคงถกเถียงกันถึงตัวตนของพระสันตะปาปาโยนอยู่ดี ตลอดจนมองว่ามันมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง เช่นใน THE FEMALE POPE: THE MYSTERY OF POPE JOAN มีทฤษฎีว่าถ้าพระสันตะปาปาโยนมีตัวตนจริงก็น่าจะมีอยู่ในระหว่างช่วงปี 1086 - 1108 ซึ่งมันจะไปสอดคล้องกับในพงศาวดารเมืองแม็สทันที ซึ่งระบุว่าเกิดขึ้นในปี 1099 รวมไปยังยังคงคนที่เชื่อว่าเรื่องราวของพระสันตะปาปาโยนนั้นมีจริง แต่อาจจะไม่ได้เหมือนกับในตำนานก็มีเหมือนกัน
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวของพระสันตะปาปาสตรีผู้นี้จะมีตัวตนจริงหรือไม่ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ในขณะที่หลักฐานส่วนใหญ่ชี้ไปในทางที่ว่าไม่จริง ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีผู้ที่เชื่อในการมีอยู่พระพระสันตะปาปาโยนอยู่ดี กระบวนการสร้างซึ่งตัวตนของพระสันตะปาปาโยนเป็นเวลายาวนานหลายศตวรรษได้ทำให้การมีอยู่ของพระสันตะปาปาโยนเข้ามาอยู่ในความทรงจำของผู้คนในอดีต และเผยแพร่ความเชื่อนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เรื่อง : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #วาติกัน #พระสันตะปาปา #อิตาลี #ศาสนา #การเมือง #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
อ้างอิง:
Rosemary and Darroll Pardoe. THE FEMALE POPE: THE MYSTERY OF POPE JOAN
The First Complete Documentation of the Facts behind the Legend.
Jenkins, Philip. The new anti-Catholicism : the last acceptable prejudice.
Rustici, Craig M. The Afterlife of Pope Joan: Deploying the Popess Legend in Early Modern England. University of Michigan Press, 2006. https://doi.org/10.3998/mpub.135037.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา