12 พ.ค. เวลา 13:30 • ปรัชญา

10 เคล็ดลับจากญี่ปุ่น สู่ชีวิตที่สมดุลและการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน มุมมองจากเภสัชกร

ผมเชื่อว่าการมีสุขภาพที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องร่างกายที่ไม่เจ็บป่วยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพใจที่แข็งแรง และการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสมดุล วันนี้ผมอยากจะชวนคุยเรื่องที่ไม่ใช่ยาโดยตรง แต่เป็นแนวคิดดีๆ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านในการนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาตนเองและสร้างสมดุลในชีวิตครับ
ในโลกที่หมุนเร็วและเต็มไปด้วยความท้าทาย การหาหลักยึดเหนี่ยวและแนวทางในการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญ แนวคิดจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ มีความลึกซึ้ง เรียบง่าย แต่ทรงพลัง สามารถช่วยให้เรามองเห็นคุณค่าในสิ่งต่างๆ รอบตัว จัดการกับความเครียด และค้นพบความสุขในชีวิตประจำวันได้ครับ แม้ผมจะเป็นเภสัชกร แต่ผมเชื่อว่าหลักการเหล่านี้สามารถส่งเสริม "สุขภาพองค์รวม" ได้ไม่แพ้การดูแลร่างกายเลยทีเดียวครับ
เรามาดูกันทีละแนวคิดเลยนะครับ
1. โอโมอิยาริ (Omoiyari) หัวใจแห่งการใส่ใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
แนวคิดแรกคือ โอโมอิยาริ (Omoiyari) ซึ่งหมายถึง การมีความห่วงใยและแสดงความใส่ใจต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ ลองนึกภาพนะครับ ผู้เขียนบทความเล่าประสบการณ์ที่เภสัชกรท่านหนึ่งพยายามช่วยหา สเปรย์แก้แพ้ให้ แม้ว่าที่ร้านตัวเองจะหมดไปแล้ว โดยโทรไปสั่งจากร้านอื่นและวิ่งไปเอามาให้
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของโอโมอิยาริครับ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงความใส่ใจ สามารถสร้างความรู้สึกดีๆ และลดความเครียดให้ผู้อื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในฐานะเภสัชกร ผมมองว่าโอโมอิยาริเป็นสิ่งสำคัญมากในการดูแลคนไข้ การรับฟังด้วยความใส่ใจ การให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของโอโมอิยาริเช่นกันครับ การฝึกฝนสิ่งนี้จะช่วยสร้างความเห็นอกเห็นใจในสังคมของเราได้
2. อิคิไก (Ikigai) ค้นหาความหมายและคุณค่าของการมีชีวิต
อิคิไก (Ikigai) คือ เหตุผลที่เราตื่นนอนในทุกๆ เช้า หรือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมายและเติมเต็ม นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น Michiko Kumano อธิบายว่ามันคือสภาวะของความเป็นอยู่ที่ดีที่เกิดจากการอุทิศตนให้กับกิจกรรมที่สนุกสนาน ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกเติมเต็ม ว่ากันว่าในญี่ปุ่น คนที่มีเป้าหมายในชีวิตจะมีอายุยืนยาวกว่าครับ
การค้นหาอิคิไกของตัวเองอาจต้องใช้เวลา แต่เมื่อพบแล้ว มันจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เรามีชีวิตชีวา ลองถามตัวเองดูนะครับว่า อะไรคือสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราทำได้ดี สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่เราสามารถสร้างรายได้จากมันได้ จุดตัดของสี่สิ่งนี้อาจเป็นอิคิไกของคุณก็ได้
3. วาบิ-ซาบิ (Wabi-sabi) ชื่นชมความงามในความไม่สมบูรณ์แบบ
วาบิ-ซาบิ (Wabi-sabi) สอนให้เรายอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ และวงจรตามธรรมชาติของชีวิต ทุกสิ่งในชีวิต รวมถึงตัวเราเอง ล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่มีอะไรคงทนถาวร และไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบที่สุด แทนที่จะมุ่งมั่นหาความสมบูรณ์แบบจนเกิดความเครียด วาบิ-ซาบิสอนให้เราพอใจในสิ่งที่มี เห็นคุณค่าในความเรียบง่าย และมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุดในแบบของเรา
เหมือนกับยาบางชนิดที่อาจมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ก็ยังคงมีประโยชน์ในการรักษาโรค การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบช่วยให้เราปล่อยวางและมีความสุขได้ง่ายขึ้นครับ
4. มอตไตไน (Mottainai) เคารพคุณค่าของทรัพยากรและไม่สิ้นเปลือง
มอตไตไน (Mottainai) คือ การตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งของต่างๆ รอบตัว ไม่ใช้ทิ้งขว้าง และใช้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
แนวคิดนี้กระตุ้นให้เราใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและตั้งใจในการกระทำของเรา เพื่อช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่และยั่งยืนขึ้น ตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้า Uniqlo ก็มีโครงการ "Mottainai: Old Clothes, New Life" เพื่อลดขยะเสื้อผ้า ในทางการแพทย์ การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช้ยาเกินความจำเป็น หรือทิ้งยาที่ยังไม่หมดอายุโดยเปล่าประโยชน์ ก็ถือเป็นมอตไตไนเช่นกันครับ
5
5. ชิน-กิ-ไต (Shin-Gi-Tai) สามองค์ประกอบสู่ประสิทธิภาพสูงสุด
ชิน-กิ-ไต (Shin-Gi-Tai) หมายถึง "จิตใจ (Mind), เทคนิค (Technique), และร่างกาย (Body)" เป็นสามองค์ประกอบที่ใช้ในศิลปะการต่อสู้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่อง
ยกตัวอย่างเช่น การเล่นหมากรุก ไม่ได้อาศัยแค่ทักษะบนกระดาน (เทคนิค) แต่ยังต้องการสภาวะจิตใจที่รับมือกับความเครียดและความพ่ายแพ้ได้ (จิตใจ) รวมถึงสมาธิที่ต่อเนื่องยาวนาน (ร่างกาย) การมีร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่มั่นคงเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะต่างๆ ครับ
6. ชู-ฮา-ริ (Shu-Ha-Ri) เรียนรู้ ปรับปรุง และก้าวข้าม
ชู-ฮา-ริ (Shu-Ha-Ri) คือแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะจนเชี่ยวชาญ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่
ชู (Shu): เรียนรู้พื้นฐาน ปฏิบัติตามคำสอนของครูหรือผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเลียนแบบผลงานของผู้ที่เก่งกว่า
ฮา (Ha): เริ่มทดลอง เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน และนำความรู้มาปรับประยุกต์ใช้กับแนวทางของตนเอง
ริ (Ri): สร้างสรรค์สิ่งใหม่ พัฒนานวัตกรรม และสามารถปรับใช้ความรู้ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ แนวคิดนี้สอนให้เราเริ่มต้นจากการเลียนแบบ จากนั้นจึงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาครับ
7. ไคเซ็น (Kaizen) การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง
ไคเซ็น (Kaizen) คือ ปรัชญาการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในเชิงบวกที่ทำอย่างสม่ำเสมอ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ ไคเซ็นสอนให้เราละทิ้งสมมติฐานเดิมๆ และความสมบูรณ์แบบนิยม แต่ให้ใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปและทำซ้ำๆ แนวคิดนี้สำคัญมากในการสร้างนิสัยที่ดีและมุ่งสู่ความเป็นเลิศ เหมือนกับการทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ แม้วันละเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว
8. โมโนะ โนะ อะวาเระ (Mono no aware) เข้าใจในความไม่จีรังของสรรพสิ่ง
โมโนะ โนะ อะวาเระ (Mono no aware) คือ การมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อสิ่งต่างๆ และการยอมรับว่าทุกสิ่งล้วนต้องเปลี่ยนแปลงและดับสูญไปในที่สุด แนวคิดนี้เตือนให้เราระลึกว่าไม่มีอะไรในชีวิตที่ยั่งยืนถาวร เราควรปล่อยวางความยึดติดในสิ่งที่ไม่จีรังอย่างสง่างามและเต็มใจ การเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ช่วยให้เราเผชิญกับการสูญเสียและความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้นครับ
9. โอโมเตะนาชิ (Omotenashi) การบริการด้วยใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน
โอโมเตะนาชิ (Omotenashi) คือ การให้บริการที่ดีที่สุดแก่ผู้อื่น โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและหยั่งรากลึกในสังคม การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง และบ่อยครั้งโลกก็จะตอบแทนผู้ให้อย่างไม่คาดคิดเช่นกัน ในงานบริการด้านสุขภาพ การให้คำปรึกษาด้วยใจบริการอย่างแท้จริง ก็ถือเป็นโอโมเตะนาชิที่สร้างความประทับใจให้คนไข้ได้ครับ
1
10. โฮ-เร็น-โซ (Ho-Ren-So) รายงาน แจ้งข้อมูล และปรึกษาหารือ
โฮ-เร็น-โซ (Ho-Ren-So) ย่อมาจาก "รายงาน (Report), แจ้งข้อมูล (Inform), และปรึกษาหารือ (Consult)" เป็นพื้นฐานของการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการแบ่งปันข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพในองค์กรญี่ปุ่น เน้นการสื่อสารที่ต้นตอ ปรับปรุงการไหลของข้อมูล และป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำ
การสนับสนุนให้ทุกคนรายงานปัญหาทันที แม้จะยังไม่มีทางแก้ ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะต้นทุนของปัญหาที่ไม่ถูกรายงานอาจสูงมาก การสื่อสารที่ดีระหว่างเภสัชกร แพทย์ และคนไข้ ก็เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาที่มีประสิทธิภาพเช่นกันครับ
แนวคิดทั้ง 10 ประการจากญี่ปุ่นที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยให้เรานำทางชีวิตในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันนี้ได้อย่างมีความสุขและเติบโตขึ้น การนำหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ทีละเล็กทีละน้อย อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเราได้ครับ
ผมอยากทิ้งท้ายด้วยคำถามชวนคิดว่า "มีแนวคิดข้อไหนใน 10 ข้อนี้ ที่คุณคิดว่าสามารถเริ่มลงมือทำได้ทันทีเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชีวิตของคุณ และคุณจะเริ่มต้นอย่างไร? ลองเล่าสู่กันฟังได้นะครับ
แหล่งอ้างอิง:
Younes, H. (2022, April 23). 10 Japanese Concepts For Self-Improvement and a Balanced Life. Better Humans.
โฆษณา