24 พ.ค. เวลา 03:50 • การศึกษา
สถานีหลักสี่
..พัฒนา สู่ทางอบาย ..สู่ความวิปริต แม้แต่ดินฟ้าอากาศ ก็ยังอาเพศวิปริตไปด้วย ..
คำว่า พัฒนา นั่น ฟังดูดี เห็นมีหนังสือขาย เต็มไปหมดเยอะเยอะมากมาย แต่มันก็ไม่ได้ ไปเปลี่ยนแปลง นิสัย ที่เคยชิน กับการใช้อารมณ์ กรรมต่างๆ ไม่สามารถ ที่จะไปแก้นิสัยสันดานภายในได้เลย บางทีก็ได้แต่ จดจำรู้มากๆ ทับถม จนเป็นผู้ที่ เหมือนว่า รู้ดี ..บางที่ก็กลับกลายเป็นหยิ่งยโส หลงว่าตัวเองรู้ดี ไปเสียหมด. ร่างกายนั้น เค้ามีเป้าหมาย แน่นอน
..กายนี้ มันเจ็บมันตายได้ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่กายนี้ จะแก้ไขอย่างไร อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ต่างๆ เราก็อยากถามว่า ..ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้อง เช่นพยาบาลจิตเวช เค้าต้องกินยาควบคุม สารเคมีที่สมองมั้ย เราเจอน้องพยาบาล คนหนึ่ง ..พอเห็นหน้าปุ๊บ ..เราถามว่า กินยาใช่มั้ย เค้าว่า รู้ได้ิย่างไร . เราก็บอกว่า ข้างในมันร้องไห้ มันฟ้อง .
ยุคสมัยนี้ สติของคนมันฟั่นเฟือนไปมาก เพียงแต่ยังไมแสดงออกมา ต่อไป เค้าก็จะแสดงออกมา เพิ่มขึ้น ..ก็ไปสังเกตดูได้ ..ในสิ่งที่พัฒนารอบล้อมตัวเรา ..ทั้งบ่อนที่จะส่งเสริม ทั้งยาบ้า .แล้วยังมีเรื่องการเกิดที่น้อยลงไป ๆ พ่อแม่ก็มั่งมั่นหาเงินทอง มีลูกก็ไปฟาก คนแก่เลี้ยงบ้าง ให้คนนั้นคนนี้เลี้ยง ..พ่อแม่ มีเวลาให้ลูกมั้ย .ยิ่งทำงานโรงาน .มีเวลาให้มั้ย นั้นก็เป็นเรื่อง..การทำมาหากิน ที่แต่คนก็ไม่เหมือนกัน
พอเข้าไปคลี่นิค หมอ ..บางคลี่นิค ก็มีตุ๊กตา มีหิ่งบูชาน้อย มีนางกวัก มาเป็นตัวช่วย . เรียกคนเจ็บป่วยให้มากๆหรือไง .เข้าไปห้าง ..หนักงานขาย ..แม้แต่คนขายประกัน ..ก็โอ้ว ..ไปหาตัวช่วยที่มองไม่เห็น .เอามาช่วย ..เวลาเจอะเจอพวกนี้ สมองมันมึนงงไปหมด..มันเป็นสีดำสีม่วง เหมือนฝุ่นละอองเต็มไปหมด ..ที่เค้าว่า โคลนตม เราก็ไปคลุกให้มันเปรอะเปื้อน ..เข้ามาในวิญญาณทั้งหก .
เรื่องการพัฒนาตัวเอง พัฒนามุ่งมั่นไปหาอะไรกัน . เราเห็นเด็กเล็ก ที่ตามแม่ ไปอยู่วัด เค้าก็ไปซุกซน ของเค้าบ้างตามวัย เด็ดบางคน พอโตหน่อย ก็ไปอยู่วัด มาคนเดียว ..ช่วยเหล่อตัวเอง มีอะไรก็กินๆ ..ถึงเวลา .ที่เค้าตั้งใจ ทำสมาธิปฏิบัติธรรม กี่ชั่วโมง เค้าก็รับผิดชอบตัวเอง มาปฏิบัติ ..นั่นเค้ามีความรับชอบในตัวเค้าเอง .. เราก็เห็นเค้า .เติบโตห่างๆ เรียนรู้อะไรดี .รับผิดชอบตัวเอง .ดูแลตัวเองได้ .แล้วเค้าก็อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ . ไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์
คนอารมณ์มากๆ ก็กรรมมาก ยากจะพัฒนาจิตใจจากภายในได้ เพราะจะคอยเอาแต่เรื่องนั่นเรื่องนี้ ภายนอก สารพัดเรื่องที่อารมณ์ภายในนำพาไปยึด มาทับถมตัวเอง ..ทับถมแล้วเป็นยังงัย กายมันก็หนัก ..ห้อมล้อมไปด้วยอารมณ์กรรม กายมันแก่ ..ก็ไม่มีสติเท่าทันอารมณ์ที่ปรุงแต่ง ไม่หยุดหย่อนได้เลย .
บางเรื่อง ครูก็สอนให้ซื่อสัตย์สุจริต บางเรื่อง ผอ..ก็เป็นเสียเอง แล้วจะยังไงดี พอเรียนจบทำงาน ..โอ้ว ..แม้เจ้า ..เค้าก็มุ่งรับเงินทอง . บางครั้ง ก็ไม่สุจริต ..ดูๆเหมือนอยู่ในโลกมายา มันวิปริต พูดนั้นดี ..แต่เวลาทำ ..ทำเรื่องไม่ดี บ้างก็แอบทำ ..ว่าคนเค้าไม่รู้ไม่เห็น ..แต่ใครละที่เป็นสักขีพยานให้ ..ก็ธาตุที่สี่ที่ตนอาศัยนั่นแหละ รับรู้ในสิ่ง ที่ตาบันทึกภาพหูบันทึกเสียง .การกระทำขอบตนเอง ..กรรมของตนเอง ..ถึงเวลา เค้าย้อนส่งผลกรรมมาให้
เรื่องราวกรรมที่เค้าบันทึก ย้อนส่งคืน ที่ศรีธัญญา .มีขายคนหนึ่ง พร่ำเพ้อ ..พูดว่า ฟันมันขาดไปเรื่อย ก็นั่งร้องห่มร้องไห้ นั่นก็เป็นเรื่งกรรม ที่หลอกหลอนจืต มีภาพที่ไปทำเค้าเกิดขึ้นเหมือนกรรมนั่นทวงตลอด มีภาพนั้นตลอด เราก็ไปไปถาม .เค้าไปนักโทษฆ่าคนตาย แล้วเกิดความวิปริต ผิดปกติขึ้นมา ก็เลยมาอยู่ที่ศรีธัญญา..กินยายังไง ก็ได้แต่กดเส้นประสาท แต่ภาพนั้น ..ก็รบออกไปไม่ได้ ..มันเป็นเรื่องของจิต กับกรรมที่ทำมา.ลบล้างกรรมไม่ได้ ..
มีน้องคนหนึ่ง ก็เที่ยวไปอบรม หลักสูตรนั่นนี่ พัฒนา ..เราก็แอบถามว่า ..แกเอา ไอ้กุมารไปทิ้งแล้วยัง ..พอไป โรงพยาบาล ไปเจอ หมอ ..เป็น รศ ..โอ้ว .นั่งในห้อง ส่องวัตถุมงคล ข้อมือ ก็มีสายสิญจน์ ..เอ้า ..เราก็นึกไนใใจ ..ไอ้หมอนี่..จะว่าเค้าทำไม.. นี่แหละ ความรู้ดี ..แต่ไม่รู้ว่า อะไรมันดี
พอรู้มาก ไปทำมาหากิน ..มีนก็ต้องเจออุปสรรค ..พอเจอะเจออุปสรรค การลงทุน มีความเสี่ยง .(เสี่ยงเรื่องโลกธรรมแปด) ก็ไปพึ่งหมอดู แก้นั่นแก้นี่ .(ไปดูร้านหนังสือ เขียนป้ายว่า หมวดศาสนา .แต่มีแต่หนังสือ พวกหมอดู ..สัมผัสนั่นนี้) บ้างก็ต้องไปพึ่งอาศัยประเภทปุโรหิต มาชี้นำ ..ดวงไม่ดี ก็ไปยกมือไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย ..ก็คิดว่า เป็นบุญเหลือประมาณ .จะได้ร่ำรวยเฮง .. มันก็เลยมี คนหัวดี .ทำมาหากิน ที่เค้าว่า คนโง่ เป็นเหนื่อคนฉลาด คนฉลาดเป็นเหยื่ิอของกรรม แล้วก็แก่ฒ่าชราตายจากกันไป จบไปชาติหนึ่ง ..
เรื่องจบไปชาติหนึ่งที่มีกายเป็นมนุษย์ มีพระที่เรานับถือ เล่าให้ฟังว่า ไปเจอพระนารายณ์มหาราชที่ขึ้นไปสถิตย์ที่ชั้นพรหม มีครั้งหนึ่งเราทำบุญถวายท่าน ก็อยากถามท่านว่า ท่านทำไมขึ้นไปชั้นพรหมได้ ทั่งที่มีเรื่องราวต้องดูแลมากมายเหมือนอยู่กับโลกเต็มตัว ท่านบอกว่า สมัยฉัน มันไม่ได้มีศึกสงครามอะไรมาก บ้านเมืองสงบ ผู้คนว่างจากการทำไร่ทำนา เค้าก็เข้าวัดทำบุญ ฟังเทศน์ ถือศีล
..ฉันยังให้เค้าแต่งเรื่องพระคุณพ่อแม่ เรื่องราวความกตัญญูรู้คุณ ของกุลบุตรกุลธิดา ส่งไปตามวัดวาอาราม ช่วยส่งเสริมให้คนเค้ารู้จักพระคุณพ่อแม่ ..พอเราได้ยินเรื่องราวที่ท่านพูดให้ฟัง เราก็อิ่มใจ ในสิ่งที่ท่านพูดให้ฟัง สมแล้วที่ท่านขึ้นไปอยู่ชั้นพรหม..พอฟังเรื่องราว อย่างนี้ เราก็ย้อนมาดู สมัยนี้ .เรื่องพระคุณพ่อแม่ เรื่องราวความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ..เค้าทำกันอย่างไร ให้เกิดเป็นคุณที่จิตมาอาศัยกายพ่อแม่เป็นมนุษย์
โฆษณา