26 พ.ค. เวลา 02:04 • ความคิดเห็น
ความเป็นตัวตน มันอยู่ที่ นิสัยที่เรายึดกาย . ยึดอารมณ์ ที่สัมผัส ชอบใจไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้น นิสัยที่ใช้วิญญาณทั้งหก ไปเสพสิ่งนั้นสิ่งนี้ ยึดเข้าสู่กาย เหมือนตาไปเห็นภาพ ก็เป็นกระแสคลื่น ยิงไปที่สมอง ..สมองส่งลงไปที่จิต จิตส่งลงไปที่ธาตุทั้งสี่ สะกิดเอาสิ่งที่เคยสะสมมา ส่งขึ้นมา กลับที่สมอง ..เป็นอารมณ์นึกคิดที่เคยจำมา เช่นเห็นคน ก็รู้ว่า คน เห็นหมาก็รู้ว่ามา ยังรู้ ขึ้นไปอีกว่า ตัวนี้ดุ ตัวนี้น่ารัก ตัวนี้อย่าไปเดินใกล้มัน มันอาจแว้งกัดได้ มันเป็นนิสัย ที่สะสมอยู่ในกายทั้งคนทั้งสัตว์
พอพูด คำว่า สัตว์ นึกถึงคำ น้าค่อม แหม .พูดคำว่า ..ไอ้สัตว์ .ฟังดูเป็นเรื่องตลก ..แต่ฟังคนอื่นพูด ..ชักไม่ชอบใจ . นั่นก็เรื่องคำพูด น้ำเสียงที่ออกมาจากอารมณ์ ผู้พูด .ที่ทำให้เกิดการคล้อง้วรกรรม ทั้งดีและไม่ดี เกิดขึ้น ..เพราะคำพูด ..หากไม่ระมัดระวัง ก็ตีกัน ทะเลาะ เข่นฆ่ากันตาย รวมก็มาอยู่ที่ กิริยาท่าทาง กายวาจาใจ ที่เราใช้ ..ใช้ดีหรือไม่ดี ในการอยู่ร่วมกัน มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน รู้จักนิสัยเราเอง รู้จักนิสัยคนที่เราอยู่ร่วมกัน ที่เค้าว่า คนเราแตกต่างกันด้วยนิสัยสันดาน ที่สะสมมา
เรื่องนิสัย ..มันเป็นของใครของมัน ..แก้ไขให้กันไม่ได้ ผู้ที่อาศัยกายนั้นต้องแก้ไขเอง เราไปดู หมูหมา มันก็หากินตามสัญชาตญาณของรูป รูปคนก็ทำนองนั้นเหมือนกัน แต่รูปคน มันมีภาษา สื่อสารกันได้ .บอกันได้ ว่าเจ็บป่วย ช่วยเหลือบรรเทารักษากันได้ ส่วนรูปสัตว์ เจ็บป่วยช่วยเหลือกันไม่ได้ รอธรรมชานรักษา หรือ รอความตาย เปลื่ยนแปลงไปอาศัยรูปอื่นต่อไป
ที่ว่า สังคมนั้น ..คนเราก็มัก จำแนก ..กลุ่ม ..ไปรวมกลุ่มในสิ่งตนเองชอบ ..มีมุ้งเล็กมุ้งใหญ่ เป็นกลุ่ม ตั้งแต่วัยเรียน ไปจนวัยทำงาน แม้การทำงาน มันจำแนกไปตามนิสัย ที่คบหากัน การอยู่ร่วมกัน เราก็ไม่ได้ไปวุ่นวาย ในเรื่องที่ว่า เป็นเรื่องทิฐิความคิดเห็น ความยึดถือ ในตัวตน ที่ต่างคนก็ต่างมีกรรมสะสมมา เค้าจึงบอกให้มอง ว่า ต่างคนก็ต่างมีกรรม มาเจอะเจอกัน เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย เจอแล้วก็ ก็ต้องจากกัน
เหมือนเราเดินเข้าไปกินข้าวในศูนย์อาหาร ก็ไปนั่งกิน .กินแล้วก็จ่ายตังค์ กินแล้วไม่จ่าย นั่นแหละมีปัญหา .กินเสร็จจ่ายตังค์ อิ่มมีความสุข ต่างคนที่นั่งกินในร้าน ต่างก็ไม่รู้จักกัน ไม่มีใครสนใจ จะมาทักทาย เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาคุย .ไม่ได้เหมือนไปอยู่กับคนที่ที่คุ้นเคย รู้จักกัน
โฆษณา