4 มิ.ย. เวลา 00:00 • หนังสือ

EP.6 แคปหมู สตรอเบอร์รี่ และศึกไส้อั่วไฟลต์เหนือ

วันนั้นบินไฟลต์เช้า เชียงใหม่–ดอนเมือง
ฟ้าสวย อากาศดี ผู้โดยสารเต็มลำ และ...ของฝากเต็มทุกช่อง
เต็มทั้งแคปหมู หมูยอ สตรอเบอร์รี่ และ...ไส้อั่วของแท้เจ้า
ใช่ค่ะ! ไฟลต์นี้ขึ้นชื่อเรื่อง “ของฝากแน่นกว่าผู้โดยสาร”
แต่มันคือ ภารกิจแอร์จัดของฝากประจำชาติ
แอร์รุ่นพี่ถึงกับตั้งชื่อให้ว่า
“วโรรสแอร์ไลน์” — เครื่องยังไม่ take off กลิ่นตลาดลอยมาก่อนแล้ว
คนละถุงสองถุงไม่ว่า...แต่ถ้าเกินห้า มัมต้องใช้ทักษะเทเลพอร์ตค่ะ!
ทุก overhead compartment (ชื่อเรียกตู้เก็บสัมภาระเหนือศีรษะในเครื่องบิน) เต็มแน่นไม่ใช่แค่กระเป๋า
แต่มาด้วย แคปหมู, ไส้อั่ว, หมูยอ, แหนม, และล่าสุด...สตรอเบอร์รี่สด
บางอย่างมาพร้อมกล่องโฟม บางอย่างเป็นถุงซิปล็อกแบบ DIY
ขณะที่มัมกำลังช่วยผู้โดยสารจัดสัมภาระอยู่
เสียงป้าคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาว่า
“หนูๆใครเอาถุงอะไรมาวางทับแคปหมูป้า! ช่วยเอาไปไว้ที่อื่นหน่อย แคปหมูมันแตก!”
และทันใดนั้น... มัมกำลังดู Compartment ให้คุณป้าอยู่
เสียงหนุ่มใหญ่อีกฝั่งสวนกลับ “ถุงสตรอเบอร์รี่ครับ ไม่ได้ทับซะหน่อย!”
ศึกของฝากก็ปะทุทันที
ด้วยฉากหลังเป็น overhead bin ที่แน่นยิ่งกว่าเสื้อเชิ้ตช่วงลดราคา
และของในถุงนั้นก็ไม่ได้แค่ “ของกิน” แต่มันคือ “ความรู้สึก” จากเชียงใหม่ที่ทุกคนอยากหิ้วกลับกรุงเทพฯ
มัมรีบยืนเป็นกลางกลางวง
ยิ้มอย่างมืออาชีพแบบ
เอาดีๆ ค่ะทุกคน เครื่องต้องขึ้นค่ะ อย่าทะเลาะกันคนทั้งลำรอ และไม่อยาก Off Load ใครให้ไม่ได้กลับบ้านค่ะ - ปล. ทั้งหมดนี้คิดในใจ (ไม่งั้นมัมโดนขยี้แน่นอน)
(“Off Load” ใช้เมื่อนำสิ่งของหรือสัมภาระออกจากเคบิน เครื่องเพื่อโหลดใต้เครื่อง ในกรณีกับผู้โดยสารคือ ออกจากเครื่องไปเลยเจ้า..)
“ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวหนูช่วยจัดใหม่ ของสำคัญ...ต้องปลอดภัยทั้งแคปหมูและสตรอเบอร์รี่ค่ะ!”
ผู้โดยสารท่านอื่นก็พาขำ เหตุการณ์ก็เริ่มจะคลี่คลาย ดูทั้งสองก็สงบลง
นี่คิดในใจว่า..ครั้งหน้าทำ แผนที่วางแคปหมูและของฝากอื่นๆแบบ zoning ว่า 'ฝั่งนี้แคปหมู' 'ฝั่งนี้ผลไม้' แล้วติดสติกเกอร์บน Compartment ไปเลย จบค่ะ
และในขณะที่ทุกอย่างกำลังสงบลง...
กลิ่นหอมปะทะจมูกขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
ไส้อั่วค่ะ!!!
กลิ่นชัดเจน ระดับทะลุฟิล์มกันกลิ่นแน่นอน
มัมเดินหาที่มาของกลิ่นจนเจอคุณลุงคนหนึ่ง...นั่งอยู่ตรงแถว 17C
กำลังใช้ส้อม (ที่พกมาเอง!) แอบแซะไส้อั่วจากกล่องโฟม
มัมย่อตัวลงเบา ๆ แล้วกระซิบ
“คุณลุงคะ ขอโทษนะคะ บนเครื่องยังไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงค่ะ”
ลุงยิ้ม...แล้วตอบว่า
“ลุงหิว รอนานแล้ว กินแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็หมด กินด้วยกันไหม”
เสียงในใจมัม: ลุง...หนูเข้าใจนะคะ แต่ถ้าอยู่ห้องโดยสารปิด กลิ่นนี้มันจะอยู่ไปถึง landing ค่ะ และก็อยากร่วมวงด้วยค่ะ แต่ติดที่หน้าที่การงาน"
ไฟลต์เชียงใหม่–ดอนเมือง คือไฟลต์ที่ “แอร์ต้องมีสกิลพิเศษ”
ทั้งแยกกลุ่มแคปหมู
เรียงกล่องสตรอเบอร์รี่
กันไส้อั่วไม่ให้ระเบิดกลิ่น
และยังต้องเป็นนักเจรจาสันติภาพระดับสหประชาชาติ
แต่พอถึงจุดหนึ่ง ก็เริ่มเข้าใจ...
ของพวกนี้...มันไม่ใช่แค่ของกิน
แต่มันคือ “ของฝาก”
คือสิ่งที่เราอยากเอาไปฝากคนที่อยู่ที่บ้าน
คือรสชาติของความทรงจำที่ได้มาเยือน
และถ้าเราช่วยเขาได้ แม้จะแค่วางของไม่ให้ทับกัน หรือกันกลิ่นไม่ให้ฟุ้ง
มันก็เหมือนเราได้ "ส่งความรักเล็ก ๆ" กลับไปถึงคนที่รออยู่ปลายทาง
ตอนพิเศษ
คู่มือรับมือของฝากไฟลต์เหนือ (ฉบับลูกเรือมือโปร)
1. หูต้องไว – ดมต้องเร็ว
แยกให้ออกว่าอันไหน “แคปหมูทอด”
อันไหน “ไส้อั่วย่าง”
และอันไหน...คือ “คุณลุงแอบเปิดกินจริง!”
2. ช่องเก็บของคือสนามเจรจา
จำไว้: แยกแคปหมูจากเบอร์รี่
ห่างกันอย่างน้อย 3 ช่องป้องกันความเสียหาย (และสงครามเย็น)
3. พูดให้ไว – ยิ้มให้เก่ง – เดินให้เร็ว
เมื่อผู้โดยสารเถียงกันเรื่อง “ใครทับของใคร”
ให้ใช้สูตร 3 ขั้นตอน:
→ หยิบของ → สลับฝั่ง → ชมว่า “กลิ่นหอมมากเลยค่ะ”
4. อย่าเผลอชมว่ากลิ่นดี
เพราะเขาจะ...ชวนกิน!
และนั่นคือการเปิดกล่องครั้งที่สอง (ซึ่งอาจจะไม่ปิดอีกเลย)
5. เตรียม “สเปรย์ปรับอากาศจินตนาการ” ในใจ
สูดลึก ๆ แล้วคิดว่า...
“นี่ไม่ใช่กลิ่นไส้อั่ว...นี่คือลาเวนเดอร์จากโพรวองซ์”
(อันนี้ช่วยใจได้แค่ 30 วิ. แต่ก็ดีกว่าไม่มี)
6. ถ้ามีไฟลต์ขากลับจากเชียงใหม่...
เตรียมพบกับระดับบอส: น้ำพริกหนุ่มรั่ว และ ข้าวเหนียวในกระเป๋า
ถ้าอ่านแล้วแอบขำ หรือเคยเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
อย่าลืมกด แชร์ไว้ แล้วแท็กมนุษย์เพื่อนหรือพี่น้อง ที่น่าจะเข้าใจอารมณ์นี้ไปด้วยกันได้เลยนะคะ!
พบกันและติดตาม ตอนหน้า
#แอร์โดฮาเล่าเอาเรื่อง
#ชีวิตจริงของตัวมัมบนฟ้า
ขอบคุณนะคะ❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา