30 พ.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ

EP.5 ไฟลต์แรก พร้อมปีกที่​ไม่ได้ติดไว้แค่หน้าอก..แต่ติดไว้ในใจ​

คืนก่อนบิน...มัมนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะตื่นเต้น
ตื่นเต้นจนต้องลุกมาใส่ยูนิฟอร์มเต็มชุด
แล้วยืนมองตัวเองในกระจกตอนตี 2 พร้อมลากกระเป๋าด้วย เอาสิ!!
“น้องนอนไม่หลับ...หัวใจมันกระสับกระส่าย~”
เพลงของคุณพี่อาภาพร นครสวรรค์ ท่อนเดียววนอยู่ในหัว
เหมือนไปเดินเจ้เล้ง ย่านดอนเมือง ที่กรอกหูให้ช้อปของใส่ตะกร้าแบบไม่รู้ตัว
ชุดสีเหลืองอ่อนที่เคยเห็นแต่ในรูป ตอนนี้อยู่บนตัวมัมจริง ๆแล้ว
รองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มที่กัดจนเท้าแดง เพราะใส่มันเดินวนในห้องอย่างภูมิใจ เพราะพรุ่งนี้...จะได้ขึ้นบินในสถานะ “ลูกเรือ OJT” อย่างเป็นทางการ!
OJT (On-the-Job Training) คือการขึ้นบินจริงหลังผ่านการอบรมภาคทฤษฎี แม้จะยังไม่ใช่ลูกเรือเต็มตัว แต่ทุกอย่างที่ทำคือของจริง และจะมีพี่ลูกเรือมา “Observe” การทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่การบริการ การสื่อสารกับผู้โดยสาร ไปจนถึง “ความรู้เกี่ยวกับ safety และอุปกรณ์ฉุกเฉิน”
เรื่องเวลาของลูกเรือคือเรื่องสำคัญมากในอันดับต้นๆ ทั้งเรื่องการตรงต่อเวลาในการ Show up แม้จะต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อให้ทันทำไฟลต์ 6 โมงเช้า
และอื่นๆอีกมากมาย
“การบรีพ” หรือการเตรียมพร้อมก่อนเริ่มบิน ก็เป็นหัวใจสำคัญเช่นเดียวกัน
ณ ห้องบรีพก่อนบิน มีสตูลเตี้ยวางหันเข้าหากัน 4 ตัว กับพี่ๆลูกเรืออีก 3 คนที่ไม่รู้จัก หลังจากแนะนำตัว สักพักพี่แอร์หัวหน้าไฟลต์ หันมาถามว่า
“น้อง Station วันนี้อยู่ตรงไหนนะ?” “R2 ค่ะ”
มัมตอบ “งั้นตรงนั้นมีอุปกรณ์อะไรบ้าง...ใช้ยังไง?”
กลั้นหายใจ นึกให้ไวที่สุด “Life vest อยู่ใน stowage ล่างขวา Oxygen bottle อยู่ตรง sidewall fire extinguisher กับ megaphone ค่ะ
ใช้งานตามคู่มือที่ฝึกมา…อย่างเร็วและระมัดระวังค่ะ”
พี่เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันมาถามต่อ “แล้ว ELT ใช้งานยังไงนะคะ?” (ถามเก่งงงง พี่ขี้ลืมจังค่ะ..ในใจคิด)
ELT…จุดนี้คือวัดใจ เพราะถ้าตอบผิด = ตก ถ้าตอบถูก = ยังไม่พอ ต้อง “ไม่ตะกุกตะกัก” ด้วย
1
คิดแล้ว..ว่าต้องมาคำถามนี้ (ซื้อหวยไม่เคยถูก..อย่างอื่นนี่แม่น) อิชั้นตอบแบบที่ท่องมาอย่างดีตอนเทรน
“ถอดออกจากฐาน → ดึงเสาอากาศขึ้น → ลอยน้ำจะทำงานอัตโนมัติค่ะ แต่ถ้าอยู่บนบกต้องเปิด Manual โดยกดปุ่ม ON คลื่นความถี่คือ 121.5 และ 406 MHz ค่ะ”
...พูดจบ พี่เขานิ่ง แล้วจดอะไรบางอย่างลงกระดาษ
เสียงในใจมัม: ตอบได้เพราะท่องมากับต้มมาม่าหลายคืน ไม่ได้มาด้วยนั่งทางในค่ะ!
เกร็ดความรู้ : ELT หรือ Emergency Locator Transmitter คืออุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในกรณีเครื่องบินตกหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยจะส่งสัญญาณวิทยุเพื่อให้ทีมค้นหาและกู้ภัยสามารถระบุตำแหน่งของเครื่องได้อย่างแม่นยำ — มีทั้งแบบเปิดอัตโนมัติเมื่อจมในน้ำ และแบบที่ต้องเปิดเองในสถานการณ์ภาคพื้น
ขึ้นเครื่อง...พอเริ่ม Boarding
เข้าใจเลยว่า "การยืนเฉย ๆ" ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน
ต้องยืนก้ม ยืนหลบ ยืนยิ้ม ยืนหดคอ (นึกว่านินจาเต่า)หลบกระเป๋าลากบ้าง
บางคนยื่นบอร์ดดิ้งพาสมาชนหน้า เฉียดขนตาไปนิดเดียว
บางคนเดินชนแล้วยังหันมาบอก
“ขอโทษค่ะ นึกว่าเป็นพนักพิง”
เสียงในใจคือ: อ่อค่ะ...พนักพิงพี่มีอายแชโดว์กลิตเตอร์แบบนี้เลยเนอะ
แต่! ที่ตึงกว่าคือจังหวะที่โดนเรียกไป Demonstrate อุปกรณ์กลางลำ
เดินออกไปอย่างระวังไม่ให้ส้นสูงหลุด
ยืนกลางลำด้วยมือที่เย็นเฉียบ
ครั้งแรกกับสายตาเป็นล้าน(เขินนะเอาดีๆ)
ตีหน้านิ่งไว้ก่อน เดี๋ยวแอบขำ ผู้โดยสารจับได้!
หยิบ life vest ขึ้นมา สวมหัว โชว์ท่าพองลมแบบไม่หลุดจังหวะ จนถึงช่วงสุดท้าย…หน้ากากออกซิเจน ที่ดึงลงมาอย่างตั้งใจ…และกำลังทำท่าสวมนั้น
อิชั้นลืมคุมแรงค่ะ!
ยางหน้ากากฟาดหน้า เปรี้ยง! เสียงเงียบทั้งลำ
ที่ทำได้คือยิ้มเก็บสติ แล้วทำท่าประกอบตามเสียงประกาศของพี่ลูกเรือ “โปรดสวมหน้ากากก่อนช่วยผู้อื่น…”
(เสียงในใจ: ช่วยอิชั้นก่อนค่ะ เจ็บจริง คือยางดีดเข้าตา น้ำตาเล็ด )
แต่ไฟลต์ก็จบลง ด้วยความไวมาก ทั้ง 4 แลนด์ (2จังหวัด)
หัวไม่ได้หลุด ชื่อก็ยังไม่โดนขีด
รอดนะ แต่ตาคือระบม และแดงอยู่อีก 2 วัน
สิ่งที่ไม่เคยลืมเลย… คือพี่แอร์คนนั้น — หัวหน้าไฟลต์แรก
ตอนแรก…มัมคิดว่าเขาดุ ถามอะไรก็เสียงนิ่ง หน้านิ่ง ไม่ขำ ไม่ยิ้ม แถมยังจดทุกคำที่พูดลงกระดาษแบบไม่ละสายตา จนพี่ๆลูกเรือในไฟลต์กระซิบว่า
”พี่คนนี้คือสายโหด กิตติศัพท์ระบือมาก อย่าคิดมากแกนะถ้าพี่เขาถามอะไรยากๆ"
แต่ระหว่างที่เครื่องบินกำลังลดระดับ มัมกำลังนั่งกินอาหารลูกเรือแบบรวดเร็ว (แถวบ้านคือยัด) ด้วยความกลัวว่าจะไม่ทันแลนด์หรือเครื่องลง
พี่หัวหน้าไฟลต์เขาเดินมาหยุดข้าง ๆ แล้วพูดว่า
“ลูกเรือที่ดีคือ ต้องรู้ว่าเรา มีหน้าที่อะไร และทำอะไร”
แล้วก็เดินจากไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนแรกก็งงๆเพราะเข้าโหมดยัดทะนานอยู่ (หิวมาก) สักพักก็เข้าใจ
พี่เค้าไม่ใช่สายโหดนะ.. แต่พี่เค้าคือคนที่ “รักอาชีพนี้” และจะใจดี..“เฉพาะกับคนที่รู้ว่าเรากำลังทำงานอะไรอยู่”
...แต่ถ้าใครไม่เข้าใจ ว่าการเป็นลูกเรือไม่ได้มีแค่เดินสวยกับถือถาด แต่งหน้าฟาด พี่เค้าก็จะดุจ้ะ ไม่พูดซ้ำ ไม่ให้คะแนนปลอบ ออกคือออก และตำนานความโหดของพี่ก็ยังถูกเล่าต่อรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับประโยคคลาสสิกว่า
“น้องอยากบิน...หรืออยากเดินเล่นบนเครื่อง?”
พบกันและติดตาม ตอนหน้า EP.6 แคปหมู สตรอเบอร์รี่ และศึกไส้อั่วไฟลต์เหนือ
#แอร์โดฮาเล่าเอาเรื่อง
#ชีวิตจริงของตัวมัมบนฟ้า
ขอบคุณที่แวะเข้ามา
ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะคะ แล้วเราจะได้ออกเดินทางไปด้วยกัน ❤️
โฆษณา