เมื่อคนโง่ขึ้นมามีอำนาจ อะไรจะเกิดขึ้น?
หากมุกของพลังแห่งความเข้มแข็งของจิตใจที่อ่อนแอเป็นเรื่องไร้สาระ
แต่เมื่ออ่านประวัติศาสตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ผมเองก็ได้สังเกตและวิเคราะห์ปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ
นั่นคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับบุคคลที่มี IQ ต่ำเมื่อเขามีอำนาจ เป็นผลให้ผมพบว่าพวกเขาทั้งหมดแสดงอาการต่อไปนี้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆเลย
ข้อแรกเลยต้องรีบสร้างชื่อเสียง
หลังจากที่คนโง่มีอำนาจ สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือสร้างชื่อเสียง พวกเขาไม่สามารถเอาชนะผู้อื่นด้วยสติปัญญา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้กำลัง
เขาสนใจมากว่าคนอื่นมองว่าเขาเป็นเจ้านายหรือไม่
พวกเขาสามารถก้มหัว ฟังเขา และเชื่อฟังเขาได้หรือไม่
เพราะทั้งหมดแล้ว..เขาต้องการปรากฏตัวในด้านบุคลิกภาพที่เหนือกว่าเพื่อชดเชยการขาด IQ ของเขา
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ พวกเขาจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอับอายต่อหน้าธารกำนัลและลงโทษอย่างรุนแรงในผู้ที่ไม่แสดงให้เขาเห็นถึงการยอมอ่อนข้อ
2. อิจฉาความสามารถและพรสวรรค์
คนโง่กลัวคนฉลาดมากที่สุดเพราะคนฉลาดมองเห็นความโง่ของพวกเขาและอาจคุกคามอำนาจของพวกเขา
ดังนั้นสำหรับคนโง่ที่มีอำนาจ ความภักดีของผู้ใต้บังคับบัญชาจึงสำคัญกว่าความสามารถของพวกเขาเมื่อเลือกผู้ใต้บังคับบัญชา
เงื่อนไขแรกคือ "การเชื่อฟัง" คนที่เชื่อฟังคำสั่งมักจะไม่มีสมอง และส่วนใหญ่เป็นคนโง่
ผลก็คือ ผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาด้อยกว่าหัวหน้า และผู้สืบทอดตำแหน่งก็ด้อยกว่าหัวหน้า
3. การจัดการความสัมพันธ์ด้วยสัญชาตญาณ
คนโง่ไม่รู้จักวิธีจัดการผ่านกฎเกณฑ์และตัวบ่งชี้ แต่สามารถจัดการได้ด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น
และสัญชาตญาณนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังและการประจบสอพลอของผู้อื่น
ดังนั้น หลังจากที่คนโง่เข้ามามีอำนาจ ก็จะเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขึ้นมากมายภายในองค์กร
ผู้คนต่างยุ่งอยู่กับการเลือกฝ่าย ยืนเป็นทีม และก่อตั้งพันธมิตร
ผู้นำเหล่านี้ชอบปลูกฝังและวางคนสนิทไว้ในหมู่ผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่คนสนิทเหล่านี้มักจะเป็นปลวกประจำชั้นของทั้งองค์กร เพราะพวกเขาหลอกลวงหัวหน้าและรังแกผู้ใต้บังคับบัญชา
ทำให้ประสิทธิภาพและผลประโยชน์ขององค์กรเสียหายอย่างร้ายแรง
4. สร้างความขัดแย้งภายใน
ผู้นำที่โง่เขลาจะจงใจปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต่อสู้กันเองเพื่อความปลอดภัยของตำแหน่ง
ตราบใดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาจงรักภักดีต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง พวกเขาจะไม่สร้าง "แนวร่วม" ระหว่างพวกเขา
เพราะจะนำไปสู่ผลที่ตามมาของ "การสมคบคิดก่อการกบฏ"
5. ตรรกะ(ความมีเหตุผล)ไม่ชัดเจน
เนื่องจากมี IQ ต่ำ พวกเขาจึงมีตรรกะที่สับสนในการแสดงออกทางภาษาและการจัดการงาน และไม่สามารถแสดงความคิดเห็น
และไม่สามารถออกคำสั่งได้อย่างชัดเจน
พวกเขามักจะตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาว่าไม่เข้าใจและไม่ทำตามที่ผู้นำต้องการ
พวกเขาไม่รู้ว่าเป้าหมายของบริษัทอยู่ที่ไหน แต่พวกเขาก็ยุ่งทุกวันเหมือนแมลงวันไม่มีหัว และจบลงด้วยการทำงานที่ไร้ประโยชน์มากมาย
6. ห้ามวิพากษ์วิจารณ์โดยเด็ดขาด
ผู้นำที่โง่เขลาจะกลัวการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาเต็มไปด้วยปมด้อย
ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับและป้องกันการวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาคิดว่าความคิดเห็นที่แตกต่างกันทั้งหมดเป็นเรื่องไร้เหตุผลและเป็นการสมคบคิดต่อต้านเขา
7. ปรารถนาคำชมเชย
แต่ความปรารถนาของผู้นำที่โง่เขลาที่จะได้รับคำชมจนฉิบหายนั้นแบ่งออกเป็นสองขั้นตอนกล่าวคือ
ขั้นแรกพวกเขาต้องการคำชมจากคนอื่นเพื่อปกปิดความไร้ความสามารถของพวกเขา และพวกเขาต้องการคำชมจากคนอื่น
เพื่อแสดงถึงการยอมจำนนของอีกฝ่าย
ส่วนในขั้นที่สอง เนื่องจากมีผู้คนและมีวิธีการสรรเสริญมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้นำจะเชื่อในที่สุดและคิดว่าเขาฉลาดจริงๆ จนเขามัวเมากับคำชมของคนอื่นและคิดว่าคนอื่นเคารพบูชาเขาจริงๆ
8. ความกระตือรือร้นสำหรับรูปแบบต่างๆ
เนื่องจาก IQ ต่ำ ผู้นำเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใจสาระสำคัญของสิ่งต่างๆ ได้ แต่มัวเมากับกระบวนการหรือรูปแบบ
ดังนั้นพวกเขาจึงยุ่งอยู่กับกฏระเบียบที่โอ้อวดต่างๆ และทำให้ยิ่งใหญ่และซับซ้อนเกินจำเป็น
ในสายตาของคนฉลาด การปฏิบัตินี้เปรียบเสมือนกลุ่มผู้ใหญ่ที่เล่นเกม "บ้าน" ของเด็ก ซึ่งไม่เพียงแต่โง่เขลาเท่านั้น แต่ยังไร้สาระอีกด้วย
9. เข้าใจสิ่งเล็กน้อยแล้วนำมันไปขยายต่อ
ความผู้นำโง่ๆ ที่จู้จี้จุกจิกกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การตรวจสอบการเข้าร่วมงานทุกวัน แต่กลับละเลยงานด้านกลยุทธ์ของบริษัท โมเดลธุรกิจ และการปรับปรุงกระบวนการ
สนใจแม้กระทั่งการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ที่ดูแปลกตา แต่ไม่สนว่าใช้งานได้จริงๆหรือไม่ สะดวกสบายขึ้นหรือไม่
10. เปลี่ยนคำสั่งทุกวัน
ผู้นำโง่ๆ จะขาดความมั่นคงในเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้สำหรับองค์กรและงานที่จัดเตรียมให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
อาจมีทิศทางใหม่ เป้าหมายใหม่ และมาตรการใหม่ทุกวัน ซึ่งทำให้พนักงานสูญเสียทั้งความไว้วางใจ และรำคาญ
นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีวิจารณญาณ ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินความคิดเห็นที่แตกต่างหรือพบกับอุปสรรค พวกเขาจะสูญเสียมัน และแก้ไขการตัดสินใจครั้งก่อนตามที่ต้องการ
11. ควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา
ผู้นำโง่ๆ ไม่ไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงคนที่ไว้ใจได้ของเขาเอง
ดังนั้นเขาจึงกังวลเป็นพิเศษว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะ "เล่นลิงหลอกเจ้า" อยู่เบื้องหลัง
เขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกรายละเอียด แน่นอนว่าการควบคุมของเขาไม่ใช่สิ่งสำคัญ
ตัวอย่างเช่น เขาต้องอนุมัติค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ทุกครั้ง ควบคุมกระบวนการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา และบางคนถึงกับควบคุมชีวิตส่วนตัวของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยซ้ำ
เป็นผลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลบเลี่ยงการควบคุมนี้
รวมทั้งแสร้งทำเป็นเชื่อฟังและไม่เชื่อฟัง ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นปฏิปักษ์กัน
12. โดนหลอกได้ง่าย
แม้ว่าผู้นำที่โง่เขลาจะควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวดเนื่องจากสมองที่ไม่ดี แต่พวกเขาก็ยังถูกคนอื่นหลอกได้ง่าย (รวมถึงพวกพ้องด้วย)
ดังนั้นพวกเขาจึงมักกลายเป็นตัวตลกของคนอื่น นี่จึงกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์กรเสื่อมถอย
สรุปได้ว่า องค์กรใดๆ ก็ไม่สามารถปล่อยให้คนโง่เป็นผู้นำได้ มิฉะนั้น องค์กรจะล่มสลายในไม่ช้า
แน่นอนว่า ผู้คนสามารถกลายเป็นคนฉลาดหรือโง่เขลาได้ บางคนฉลาดมากก่อนที่จะกลายเป็นผู้นำ แต่หลังจากกลายเป็นผู้นำแล้ว พวกเขากลับกลายเป็นคนโง่เพราะ "อำนาจเข้าไปทำลายสมอง"
เมื่อคุณเห็นกลุ่มคนรายล้อมผู้นำและทุกคนกำลังยกย่องผู้นำคนนี้ คุณต้องเข้าใจ(ในใจ)ว่าบริษัทนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีกต่อไป
หากคุณเป็นพนักงาน คุณมีทางเลือกสองทาง หนึ่ง คือลาออกทันที หรือ สองเข้าร่วมกลุ่มกับผู้ชื่นชมและทำกำไรก่อนที่จะลาออกไปอย่างสง่างาม...
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
