Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เนื้อติดมัน
•
ติดตาม
13 มิ.ย. เวลา 00:30 • ข่าว
เครื่องบินรบ Gripen E/F เขี้ยวเล็บแห่งกองทัพไทย
มาทำความรู้จัก Gripen E/F ซึ่งกองทัพอากาศเคาะซื้อแทนฝูงบิน F-16 ที่ปลดประจำการ โดยการเจรจาทุกขั้นตอนกับบริษัทผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนได้ข้อยุติแล้ว
.
27 สิงหาคม 2567 กองทัพอากาศ (ทอ.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า กองทัพอากาศได้ทำการคัดเลือกเครื่องบินขับไล่ (บข.) แบบใหม่ เพื่อทดแทน บข. แบบ 19/ก (F-16 A/B) ที่ประจำการใน ทอ. มาตั้งแต่ปี 2531
.
ส่วนหนึ่งของฝูงบินขับไล่ที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบด้วย F-16A ที่นั่งเดียว 36 ลำและ F-16B สองที่นั่ง 14 ลำ ซึ่งซื้อจากสหรัฐอเมริกา และรวมถึง F-16A/B อีกเจ็ดลำที่บริจาคโดยสิงคโปร์
.
เครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนต้องเป็นเครื่องบินที่มีขีดความสามารถดีกว่าเครื่องบินขับไล่โจมตี ที่กองทัพอากาศมีใช้งานในปัจจุบัน มีความเหมาะสมในด้านคุณสมบัติร่วมและความต่อเนื่อง (Commonality & Continuity) สามารถพัฒนาต่อยอดตามยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศและกองทัพไทยได้ในอนาคต รวมถึงต้องมีการดำเนินการตามนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Offset Policy) เพื่อพัฒนาไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน เสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
.
คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบและกำหนดวิธีการจัดหา กองทัพอากาศ ได้ลงมติเอกฉันท์เลือกเครื่องบินขับไล่แบบ JAS-39 Gripen E/F จากบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ มูลค่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2568-2577 เพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 จากกองบิน 1 ที่ใช้มากกว่า 37 ปี โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ รวม 10 ปี ซึ่งระหว่างนี้ยังคงต้องใช้ F-16 ที่มีอยู่ต่อไปอีกประมาณ 10 ปี
SAAB ผู้ผลิตอาวุธจากประเทศสวีเดน ได้นำเสนอ offset ให้ไทย จำนวน 130 เปอร์เซ็นต์ จากมูลค่าโครงการ 60,000 ล้านบาท ที่ได้กำหนดไว้ในสมุดปกขาวกองทัพอากาศ พ.ศ.2567 (RTAF Whitepaper 2024) โดยข้อเสนอของสวีเดนประกอบด้วยการถ่ายโอนเทคโนโลยีที่สำคัญ รวมถึงการชดเชยต่างๆ ที่เกินกว่าต้นทุนการจัดซื้อ และจะนำมาซึ่งประโยชน์ในระยะยาวให้กับประเทศไทย
.
ทำไมไทยเลือกใช้ Gripen E/F แทน F-16 Block 70 ?
เครื่องบินขับไล่ F-16 บล็อก 70/72 (F-16 Block 70/72) ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา จากบริษัท Lockheed Martinและ ยาส 39 กริพเพ่น อี/เอฟ (JAS 39 Gripen E/F) จากบริษัท SAAB ของสวีเดน ต่างก็เป็นเครื่องบินขับไล่แบบพหุภารกิจ (Multi-role fighter) ยุคที่ 4.5 ซึ่งสามารถบินได้ทั้งแบบอากาศสู่อากาศ อากาศสู่พื้น และลาดตระเวน แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน ทั้งในแง่อาวุธที่รองรับ ระบบการเชื่อมต่อสื่อสาร และระบบควบคุมการบินภายในห้องนักบิน แต่เป้าหมายของการใช้งานเครื่องบินนั้นต่างกัน
เครื่องบิน Gripen E รุ่นมาตรฐานรุ่นแรกที่ผลิตเป็นชุด ซึ่งทำการบินครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2562
Gripen เกิดขึ้นมาในบริบทที่สวีเดนต้องการเครื่องบินขับไล่เพื่อการป้องกันทางอากาศ ซึ่งหมายถึงว่า Gripen จะต้องพร้อมขึ้นบินจากทุกพื้นที่ต่อให้ไม่มีทางขึ้นและทางลง (Runway) สามารถปฏิบัติภารกิจกลางอากาศได้นาน ทำงานได้ไว และใช้งบประมาณดูแลรักษาไม่มากเกินไป
.
ในขณะที่ F-16 ไม่มีจุดเด่นเหล่านี้เหมือน Gripen แต่ก็มีความโดดเด่นในสนามรบหรือพื้นที่ปฏิบัติการที่คล่องตัว รวดเร็ว ซึ่งเป็นบทบาทในฐานะอากาศยานครองอากาศ (Air superiority)
.
เป้าหมายการพัฒนาที่ต่างกันทำให้เครื่องบินขับไล่ทั้ง 2 รุ่น เลือกใช้เครื่องยนต์ที่ต่างกัน แม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เจ็ทแบบเทอร์โบแฟน (Turbofan) เหมือนกันก็ตาม
เครื่องบิน F-16 Block 70 สำหรับบาห์เรนที่โรงงาน Lockheed Martin ในเมืองกรีนวิลล์ รัฐเซาท์แคโรไลนา/เอกสารแจกของLockheed Martin
โดยเครื่องบิน F-16 เลือกใช้เครื่องยนต์แบรนด์ Pratt & Whitney รุ่น F100-PW-229EEP ที่มีอัตราเร่งที่ดี สร้างความเร็วสูงสุด 2.05 มัค หรือประมาณ 2,511 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำหนักขึ้นบินสูงสุด (Maximun Take Off Weight: MTOW) 19,187 กิโลกรัม ในขณะที่เครื่องบิน Gripen เลือกใช้เครื่องยนต์ General Electric รุ่น F414G ความเร็วสูงสุด 2 มัค หรือประมาณ 2,450 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำหนักขึ้นบินสูงสุด (Maximun Take Off Weight: MTOW) 16,500 กิโลกรัม
.
เครื่องบินขับไล่ทั้ง 2 รุ่น มีจุดที่เหมือนกันตรงที่ต่างใช้เครื่องยนต์ของบริษัทสัญชาติอเมริกัน เช่น Pratt & Whitney และ General Electric
เครื่องบิน Gripen E. Saabที่นั่งเดี่ยวwww.twz.com
Gripen E/F สามารถปฏิบัติภารกิจทางอากาศสู่อากาศ อากาศสู่ผิวน้ำ และลาดตระเวน สามารถบรรทุกขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ Meteor Beyond Visual Range สูงสุด 7 ลูก และขีปนาวุธ IRIS-T Within Visual Range 2 ลูก โดยมี เรดาร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) รุ่นLeonardo ES-05 Raven และเซ็นเซอร์ติดตามและค้นหาอินฟราเรดรุ่น Leonardo Skyward G (IRST)
.
ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EWS) ที่ล้ำสมัยของ Gripen E ผสมผสานมาตรการรุกและป้องกันต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อขัดขวางความพยายามของศัตรูในขณะที่ปกป้องตัวเองเพื่อให้มีอัตราการรอดชีวิตสูง Gripen วิเคราะห์สัญญาณแบบเรียลไทม์และจัดการมาตรการตอบโต้ รวมถึงรวบรวมสัญญาณข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์ (ELINT) อย่างครอบคลุมเพื่อปราบศัตรู
ความสามารถด้าน AI ในตัวของ Gripen และการออกแบบห้องนักบินที่มุ่งสู่อนาคตซึ่งมีจอแสดงผลแบบ Wide Area Display (WAD) ช่วยให้กระบวนการตัดสินใจของนักบินง่ายขึ้นและให้ความช่วยเหลือที่สำคัญในภารกิจที่ซับซ้อน WAD นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ใช้งานง่าย ซึ่งสนับสนุนความสามารถของนักบินในการเลือกยิง และควบคุมอาวุธอย่างประสานงานกับสมาชิกคนอื่นๆ ในหน่วยทางอากาศยุทธวิธีได้อย่างสมบูรณ์แบบ
.
สถาปัตยกรรมระบบอากาศยานของ Gripen E/F ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่และซอฟต์แวร์ที่อัปเดตได้อย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับภารกิจใหม่ นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเองเพื่อนำเทคโนโลยีและระบบใหม่ ๆ มาใช้เพื่อให้ทันต่อภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้
เครื่องบิน Saab JAS-39 Gripen C/D ของกองทัพอากาศไทย
เมื่อเทียบกับ Gripen C/D รุ่นเก่า ซึ่งประจำการอยู่ในไทยตั้งแต่ปี 2554 Gripen E/F มีลำตัวที่ใหญ่กว่า สามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้มากกว่าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และมีเครื่องยนต์ General Electric F414 ที่ทรงพลังกว่า รวมถึงจุดยึดอาวุธและเสบียงอื่นๆ อีก 10 จุด ห้องนักบินได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และนักบินได้รับจอแสดงผลแบบ Wide Area Display (WAD) เพียงจอเดียว แทนที่จอแสดงผลแบบแยกกันสามจอใน Gripen C/D
.
การจัดหาเครื่องบิน Gripen E/F นับเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นเพื่อปรับปรุงกองทัพอากาศไทยให้ทันสมัย ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย
.
นอกจากนี้ การพิจารณาทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ส่งผลต่อการตัดสินใจดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะบริเวณชายแดนติดกับเมียนมาร์และกัมพูชา ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังชายแดนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น บริบทดังกล่าวเร่งให้เกิดการหารือและเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีเครื่องบินรบขั้นสูงที่สามารถรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป
เครื่องบิน Gripen E ของบราซิล ซึ่งคนในท้องถิ่นเรียกกันว่า F-39
แม้ว่า Saab จะได้รับคำชื่นชมมากมายจากการที่เครื่องบินมีขีดความสามารถขั้นสูงที่น่าประทับใจ ในตัวเครื่องที่มีขนาดค่อนข้างเล็กและดูแลรักษาง่าย แต่ Gripen E/F กลับไม่ได้มีผลงานโดดเด่นนักในตลาดส่งออก โดยบราซิลเป็นลูกค้าส่งออกรายแรก และรายเดียวของ Gripen E/F จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยจะเป็นผู้ปฏิบัติการรายที่ 2 ของ Gripen E ต่อจากบราซิล และเป็นรายแรกในเอเชีย
เครื่องบิน F-35 Lightning II ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 ที่ฐานทัพอากาศลุค เครื่องบินลำนี้บินตรงมาจากบริษัทล็อกฮีด มาร์ตินที่ฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส (ภาพถ่ายโดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ)
อีกทั้งในด้านศักยภาพของ Gripen นั้น น้อยกว่าเมื่อเทียบกับขีดความสามารถการรบรุ่นที่ 5 เช่น ขีดความสามารถที่ใช้ใน F-35 ซึ่งเครื่องบินรบของสวีเดนรุ่นนี้พ่ายแพ้ในการแข่งขันระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง
เครื่องบิน F-16A Block 15 OCU ถ่ายภาพเมื่อเดือนมกราคม 2562
การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีรุ่นใหม่ เพื่อทดแทน F-16 ที่ประจำการมากว่า 37 ปี ซึ่งจะทยอยปลดประจำการในช่วงปี 2571-2578 นั้น ประเทศไทยซึ่งมีความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐอเมริกามายาวนาน ในเบื้องต้นได้พยายามแสวงหาเครื่องบินรบสเตลท์ F-35 ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน มากถึง 8 ลำ ซึ่งถือเป็นเครื่องบินรบที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก แต่ในปี 2566 สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะขายให้ เนื่องจากทางประเทศไทยระบุว่า มีปัญหาเรื่องการฝึกอบรมและข้อกำหนดทางเทคนิค รวมถึงความเข้ากันได้ของการบำรุงรักษา
.
ทั้งนี้ F-35 ถือเป็นสินค้าส่งออกอ่อนไหวที่ขายเฉพาะให้กับพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์
เครื่องบิน F-5E ของกองทัพอากาศไทยกำลังเตรียมตัวสำหรับปฏิบัติการบิน Cope Tiger 13 ณ ฐานทัพอากาศโคราช ประเทศไทย วันที่ 12 มีนาคม 2556 ภาพถ่ายโดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ/ร.ต. เจค เบลีย์
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน และไม่มีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับปักกิ่ง ในขณะที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับจีนไว้ ไทยก็ได้พยายามสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสหรัฐฯ เช่นกัน ไทยจึงยังคงเข้าร่วมการฝึกซ้อมทางทหารกับสหรัฐฯ และจีน ภายใต้เงื่อนไขเครื่องบิน F-16 และ F-5 ที่สหรัฐฯ จัดหาให้ถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการฝึกซ้อมกับกองทัพจีน ซึ่งข้อจำกัดนี้ไม่บังคับใช้กับเครื่องบิน Gripen
.
การเลือกใช้ Gripen E/F แทนเครื่องบินคู่แข่งอื่นๆ เช่น F-16 ของสหรัฐฯ หรือ JF-17 Thunder ของจีน-ปากีสถาน สะท้อนถึงการคำนวณเชิงยุทธศาสตร์ที่หยั่งรากลึกในตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงมีนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมาโดยตลอด โดยรักษาสมดุลของความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ จีน และมหาอำนาจอื่นๆ
.
การเลือกใช้เครื่องบินรบของสวีเดนจะช่วยหลีกเลี่ยงภาระทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้หากมีความใกล้ชิดกับสหรัฐฯ หรือจีนมากเกินไป แม้ว่าเครื่องบินรบ F-16 จะเป็นเครื่องบินรบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีระบบอากาศยานขั้นสูงและห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง แต่ก็จะช่วยเชื่อมโยงไทยกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับจีนมีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน
.
การเลือกใช้ Gripen นั้น ถือเป็นการที่ประเทศไทยสามารถรักษาความเป็นกลางได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถจัดหาเครื่องบินรบที่สามารถยืนหยัดได้ในเหตุการณ์ฉุกเฉินระดับภูมิภาค เช่น การป้องกันน่านฟ้าหรือการตรวจสอบพื้นที่พิพาทในอ่าวไทย
หนึ่งในภาพถ่ายช่วงแรกของ J-20 ที่เผยให้เห็นรายละเอียดมากที่สุดอินเทอร์เน็ตจีน
การที่จีนเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ขั้นสูง เช่น J-20 ซึ่งเป็นเครื่องบินสเตลท์ที่มีพิสัยการบินและบรรทุกสัมภาระได้เหนือกว่า ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านต้องเสริมกำลังทางอากาศ ตัวอย่างเช่น อินโดนีเซียได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 13,900 ล้านดอลลาร์ในการซื้อเครื่องบินรบ Rafale จำนวน 42 ลำจากฝรั่งเศสในปี 2565 ในขณะที่มาเลเซียได้เลือกใช้เครื่องบินรบเบา FA-50 ของเกาหลีใต้
.
การที่สิงคโปร์ซื้อเครื่องบินรบ F-35B ซึ่งเป็นเครื่องบินรบสเตลท์ที่สามารถบินขึ้นระยะสั้นและลงจอดในแนวตั้งได้ เป็นการตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคนี้ที่หันไปใช้เครื่องบินรุ่นที่ 5
.
เมื่อไทยเลือกใช้เครื่องบินรบ Gripen E/F ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นที่ 4.5 ถือเป็นเครื่องบินรบที่มีความสามารถเพียงพอที่จะยับยั้งการรุกรานได้ แต่ไม่มากเกินไปจนทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่จำเป็น
.
นอกจากนี้ เครื่องบินรุ่นนี้ยังสามารถบูรณาการกับระบบมาตรฐานของนาโต้ได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ ได้ในการซ้อมรบร่วม เช่น คอบร้าโกลด์ ซึ่งเป็นการซ้อมรบพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค
.
การจัดซื้ออาวุธในครั้งนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ของกองทัพไทย เนื่องจากมุ่งเน้นกำหนดให้ผู้ผลิตต้องส่งมอบผลตอบแทนทางเศรษฐกิจหรือ Defense Offset ให้กับประเทศไทย โดยอาจจะเป็นทั้งการจัดหาหรือผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในประเทศไทย หรือให้ผู้ผลิตนำบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศไทย เช่น อิเล็กทรอนิกส์, ไซเบอร์, การเกษตร, ยานยนต์ หรือการขนส่ง
.
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าของงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน ถือเป็นมิติใหม่ของการจัดหาอาวุธของไทยที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นอีกหนึ่งตัวตัดสินว่าผู้ผลิตค่ายไหนจะได้รับคัดเลือก ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานในการจัดซื้ออาวุธของกองทัพไทยในอนาคต
.
การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาท คาดว่าจะเข้า ครม. ภายใน 15 กรกฎาคมนี้ และลงนามจัดซื้อได้ในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ และยังไม่มีการลงนามข้อตกลงกับสวีเดนแต่อย่างใด.
ที่มา :
[1]
https://www.tnnthailand.com/tech/195541/
[2]
https://welcome-page.rtaf.mi.th/blog/khaawedn-19/k-ngthaph-aakaasaidkhadeluue-k-jas-39-gripen-e-f-aihekhaabrrcchuainfuungbinkhabailocchmtiifuungaihm-1411
[3]
https://www.saab.com/products/gripen-e-series
[4]
https://www.saab.com/newsroom/stories/2023/march/controlling-the-electromagnetic-spectrum---creating-air-dominance
[5]
https://www.instagram.com/p/DKemmz-JpLy/?utm_source=ig_embed&ig_rid=930da8d2-3f93-4364-a867-53492dc1e531&img_index=1
ข่าวรอบโลก
ความรู้รอบตัว
ประวัติศาสตร์
บันทึก
6
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตลาดอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
6
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย