Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องมันเป็นอย่างงี้ครับ
•
ติดตาม
15 มิ.ย. เวลา 13:44 • หนังสือ
ซอนเน็ต ความสวยงามที่ถือกำเนิดจากกรอบอันเคร่งครัด
หากบทกวี (Poem) คือการแสดงออกถึงอารมณ์และจินตนาการของมนุษย์ผ่านถ้อยคำที่งดงาม แสดงถึงเสรีภาพทางภาษาและความคิด ซอนเน็ต (Sonnet) ก็คือการแสดงออกที่เกิดขึ้นภายใต้กฎเกณฑ์อันเข้มงวด ยิ่งกว่างานศิลปะแขนงใด เป็นประเภทของบทกวีที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ข้อจำกัดไม่ได้เป็นอุปสรรคของการสร้างสรรค์ หากกลับเป็นกรอบที่ผลักดันให้ความคิดแหลมคมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คือเรื่องมันเป็นอย่างงี้ครับ ซอนเน็ต เป็นบทกวีที่มี 14 บรรทัดเสมอ โดยมีโครงสร้างทางจังหวะ (meter) และการสัมผัสคำ (rhyme scheme) ที่เฉพาะเจาะจง ไม่สามารถยืดหยุ่นหรือดัดแปลงได้ตามใจชอบ
คำว่า Sonnet มาจากภาษาอิตาลี “Sonetto” แปลว่า “เสียงเล็กๆ” หรือ “บทเพลงสั้น” ถือกำเนิดในอิตาลีช่วงศตวรรษที่ 13 และโด่งดังจากการใช้โดย เพทราร์ก (Petrarch) ก่อนจะถูกนำไปสู่โลกภาษาอังกฤษโดย โทมัส ไวแอ็ตต์ (Thomas Wyatt) และพัฒนาอย่างแพร่หลายในยุคของ วิลเลียม เชกสเปียร์ ( William Shakespeare)
แม้ซอนเน็ตจะมีข้อจำกัดชัดเจน แต่นั่นเองคือสิ่งที่ทำให้มันทรงพลัง เรียกได้ว่ามันคือ "ศิลปะที่เกิดจากกรอบ" ก็ว่าได้ เพราะมีโครงสร้างของกวีที่ตายตัว
●
มี 14 บรรทัด ไม่มากไม่น้อย
●
iambic pentameter รูปแบบฉันทลักษณ์ในบทกวีภาษาอังกฤษ โดยแต่ละบรรทัดประกอบด้วย 5 ฟุต (เท้า) และแต่ละฟุตประกอบด้วยพยางค์ที่ไม่มีการเน้นเสียงตามด้วยพยางค์ที่มีการเน้นเสียง. เรียกง่ายๆ ว่า "จังหวะห้าจังหวะแบบไอแอมบิก" ซึ่งต้องมี 10 พยางค์ต่อบรรทัดในจังหวะที่เน้นพยางค์สลับ
●
ต้องมีรูปแบบสัมผัสคำแบบชัดเจน
กฎเหล่านี้เหมือนกรอบผ้าใบของจิตรกร หรือท่วงทำนองของนักดนตรี ผู้แต่งต้องคิดทุกคำอย่างระมัดระวัง ไม่เพียงให้เหมาะกับจังหวะและสัมผัส แต่ยังต้องสื่อสารอารมณ์หรือแนวคิดอย่างลึกซึ้งในพื้นที่จำกัด
ในโลกของซอนเน็ต ทุกบรรทัดคือพื้นที่จำกัด ทุกคำคือการเลือกอย่างตั้งใจ นักกวีต้องจัดวางความรู้สึก ความคิด และจังหวะอย่างแม่นยำ บางครั้งกฎเกณฑ์เหล่านี้กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจ
ตัวอย่างซอนเน็ต 130 โดยวิลเลียม เชกสเปียร์
My mistress' eyes are nothing like the sun;
Coral is far more red than her lips' red;
If snow be white, why then her breasts are dun;
If hairs be wires, black wires grow on her head.
I have seen roses damasked, red and white,
But no such roses see I in her cheeks;
And in some perfumes is there more delight
Than in the breath that from my mistress reeks.
I love to hear her speak, yet well I know
That music hath a far more pleasing sound;
I grant I never saw a goddess go;
My mistress, when she walks, treads on the ground.
And yet, by heaven, I think my love as rare
As any she belied with false compare.
ในซอนเน็ตนี้ เชกสเปียร์ได้ล้อเลียนบทกวีที่เปรียบเปรยหญิงสาวด้วยภาพเลิศลอย เขาใช้ 12 บรรทัดแรกเพื่อแสดงความเป็นมนุษย์ธรรมดาของคนรัก และหักมุมด้วย Couplet (สองบรรทัดสุดท้าย) อย่างเฉียบคม นี่คือพลังของการ “เล่นในกรอบ”
ซอนเน็ต คือการเต้นระบำของภาษาในห้องที่แคบ คือการวาดภาพด้วยจำนวนพู่กันที่จำกัด คือความสง่างามภายใต้พันธนาการแห่งจังหวะและคำ และนั่นแหละ คือเหตุผลที่เรายังหลงรักมัน
ซอนเน็ต ไม่ใช่เพียงบทกวีชนิดหนึ่ง แต่เป็นบทเรียนของชีวิต เมื่อเราไม่สามารถหลุดพ้นจากกรอบของเวลา เงื่อนไข หรือความสูญเสีย การเรียนรู้ที่จะ “สวยงามในข้อจำกัด” ก็คือศิลปะที่แท้จริง
ภาพ : Luba Holland
อ้างอิง
Poetry Foundation – "Sonnet"
แหล่งข้อมูลมาตรฐานเกี่ยวกับกวีและรูปแบบกวีนิพนธ์
https://www.poetryfoundation.org/learn/glossary-terms/sonnet
Academy of American Poets – "Sonnet: Poetic Form"
อธิบายชนิดของซอนเน็ต
https://poets.org/glossary/sonnet
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
หนังสือ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Reader's Musing บันทึกของนักอ่าน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย