22 มิ.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ

บทความพิเศษ สัปดาห์เภสัชกรรม EP 02 เภสัชกรโรงพยาบาล ผู้อยู่เบื้องหลังความปลอดภัยในการใช้ยาของผู้ป่วย

เวลาพูดถึงอาชีพ "เภสัชกร" ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นคนในชุดกาวน์สีขาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในร้านยาหรือห้องจ่ายยาของโรงพยาบาล คอยจัดยาและให้คำแนะนำสั้นๆ ก่อนที่เราจะกลับบ้าน แต่คุณเคยสงสัยไหมครับว่า เบื้องหลังประตูหอผู้ป่วยใน (ward) ที่เราเข้าไปนอนรักษาตัว ก็ยังมีเภสัชกรอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทีมแพทย์และพยาบาลอยู่ข้างเตียงของคุณ
พวกเขาคือ "เภสัชกรประจำหอผู้ป่วย" (Ward-based Pharmacist) หรือที่บางครั้งเรียกว่า "เภสัชกรคลินิก" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเภสัชกรโรงพยาบาลครับ บทบาทของพวกเขาไม่ใช่แค่การจ่ายยา แต่คือการ "ดูแลการใช้ยา" ของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่ผู้ป่วยได้รับทุกขนานนั้น ถูกต้อง ปลอดภัย และให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ มีงานวิจัยที่น่าสนใจมากชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร The Thai Journal of Pharmaceutical Sciences เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา นำโดยคุณสิทธิพงศ์ จงไกรจักรและคณะ งานวิจัยชิ้นนี้ได้สำรวจมุมมองและความคาดหวังของเภสัชกรโรงพยาบาลทั่วประเทศไทยที่มีต่อบทบาทของเภสัชกรประจำหอผู้ป่วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดของ "ผู้พิทักษ์การใช้ยา" กลุ่มนี้ วันนี้ผมจะขออาสาพาทุกท่านไปเรียนรู้เรื่องราวเบื้องหลังชุดกาวน์ของพวกเขา ผ่านข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นนี้กันครับ
เวลาที่เราป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล เราอาจได้รับยารักษาหลายชนิดในเวลาเดียวกัน บางตัวเป็นยาฉีด บางตัวก็เป็นยากิน บางตัวต้องใช้เทคนิคพิเศษในการบริหารยา คำถามคือ...
ยาที่ได้รับทั้งหมดนั้นมีปฏิกิริยาต่อกัน (ยาตีกัน) หรือไม่ (นั่นสิ) ปริมาณยาที่ได้รับเหมาะสมกับสภาพร่างกาย ค่าการทำงานของตับไต และโรคร่วมอื่นๆ ของเราหรือไม่ (ไม่รู้เหมือนกัน) หรือเรามีอาการข้างเคียงจากยาตัวไหนหรือเปล่า? และจะจัดการกับมันอย่างไร? และเมื่อต้องกลับบ้าน เราจะใช้ยาต่อที่บ้านอย่างถูกต้องได้อย่างไร?
นี่แหละครับ คือสนามการทำงานของเภสัชกรประจำหอผู้ป่วย พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านยาโดยเฉพาะ ที่จะเข้ามาช่วยทีมแพทย์และพยาบาลตอบคำถามเหล่านี้ พวกเขาจะตรวจสอบประวัติการใช้ยาของผู้ป่วยทุกคน ค้นหาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา และเสนอแนวทางการแก้ไขหรือป้องกัน เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด เปรียบเสมือนเป็นนักสืบด้านยาประจำตัวผู้ป่วยเลยก็ว่าได้ครับ
เภสัชกรโรงพยาบาลคิดเห็นและคาดหวังอะไร?
จากงานวิจัยเภสัชกรในโรงพยาบาลเกือบทั้งหมดมองว่าบทบาทของเภสัชกรประจำหอผู้ป่วยนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใน 3 เรื่องหลักๆ นี้ คือ
1. การให้คำแนะนำเกี่ยวกับยาที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษ และการเฝ้าระวังผลข้างเคียง (100%) เภสัชกรทุกคนเห็นตรงกันว่านี่คือหัวใจสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสอนผู้ป่วยพ่นยาขยายหลอดลมให้ถูกวิธี การสอนฉีดอินซูลิน หรือการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์จากยาเคมีบำบัด
2. การตรวจสอบความถูกต้องของรายการยา (Medication Reconciliation) (97.2%) คือการตรวจสอบยาที่ผู้ป่วยได้รับทั้งหมด ทั้งยาเดิมที่กินจากบ้านและยาใหม่ที่ได้รับในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการให้ยาซ้ำซ้อน หรือการหยุดยาที่จำเป็นไปโดยไม่ตั้งใจ
3. การประเมินการใช้ยา (Drug Use Evaluation - DUE) และการร่วมทีมกับแพทย์พยาบาล (95.8%) คือการทำงานร่วมกับทีมรักษาเพื่อประเมินว่ายาที่ผู้ป่วยได้รับนั้นเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่ รวมถึงการเข้าร่วมเดินดูผู้ป่วย (ward round) กับทีมแพทย์ เพื่อให้ข้อมูลด้านยาแบบทันท่วงที
และเมื่อถามถึงความคาดหวัง บทบาทที่เภสัชกรโรงพยาบาล "คาดหวังอย่างยิ่ง" ให้เภสัชกรข้างเตียงทำ คือ
1. การเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาจากผลข้างเคียงของยา (Adverse Drug Reaction Monitoring) พวกเขาคาดหวังให้เภสัชกรข้างเตียงเป็นด่านหน้าในการตรวจจับและจัดการผลข้างเคียงให้ผู้ป่วย
2. การให้คำแนะนำเรื่องยาเทคนิคพิเศษ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ยาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. การทำงานร่วมกับทีมแพทย์ในการวางแผนการรักษา เช่น การช่วยเปรียบเทียบรายการยาเพื่อให้แพทย์ตัดสินใจสั่งยาได้ดีที่สุด
แต่สิ่งที่น่าสนใจและเป็นความคาดหวังที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งผู้ป่วยและระบบสาธารณสุข คือ ผลลัพธ์ด้านการรักษา (Patient Outcomes) เภสัชกรส่วนใหญ่คาดหวังว่าการมีเภสัชกรประจำหอผู้ป่วยจะช่วยให้
ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล และลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย
นี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าบทบาทของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องยา แต่ยังเชื่อมโยงโดยตรงกับคุณภาพชีวิตและเศรษฐศาสตร์ของระบบสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
แม้ว่าความสำคัญและความคาดหวังจะสูงลิ่ว แต่งานวิจัยก็ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายบางประการครับ หนึ่งในนั้นคือเรื่อง การตรวจวัดระดับยาในเลือด (Therapeutic Drug Monitoring - TDM) ซึ่งเป็นงานที่ซับซ้อนและต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น การวัดระดับยากันชักหรือยากดภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
ผลสำรวจพบว่า บทบาทนี้เป็นบทบาทที่เภสัชกรรับรู้และคาดหวังน้อยที่สุด (แม้จะยังอยู่ในระดับสูงที่ 79.2%) เหตุผลหลักก็คือ โรงพยาบาลขนาดเล็กจำนวนมากยังขาดแคลนอุปกรณ์และงบประมาณในการให้บริการนี้ ทำให้บทบาทด้าน TDM มักจะกระจุกตัวอยู่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเป็นหลัก
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าตกใจคือ แม้ว่าเภสัชกรกว่า 83% จะมองว่าโรงพยาบาลของตน "จำเป็นต้องมี" เภสัชกรประจำหอผู้ป่วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีโรงพยาบาลอีกเกือบ 31% ที่ยังไม่มีตำแหน่งนี้เลยด้วยซ้ำ นี่คือช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่าง "ความต้องการ" กับ "ความเป็นจริง" ในระบบสาธารณสุขของไทย
งานวิจัยชิ้นนี้เปรียบเสมือนเสียงสะท้อนจากคนในวงการเองว่า "เภสัชกรประจำหอผู้ป่วย" ไม่ใช่ "ส่วนเสริม" แต่เป็น "ส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้" ของทีมการรักษาในโรงพยาบาลยุคใหม่ การมีพวกเขาอยู่ข้างเตียง ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและทำให้ระบบสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
ครั้งต่อไปที่คุณหรือคนที่คุณรักต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ลองสังเกตดูนะครับว่ามีเภสัชกรในชุดกาวน์แวะเวียนมาพูดคุยเรื่องยากับคุณที่ข้างเตียงหรือไม่ หากมี ขอให้คุณมั่นใจได้เลยว่าคุณกำลังได้รับการดูแลด้านยาอย่างเต็มที่จากหนึ่งใน "ผู้พิทักษ์ด่านสุดท้าย" ของการใช้ยานั่นเองครับ
แหล่งอ้างอิง:
Jongkraijakra, S., Pannoi, T., Wongsiripolkul, K., Aengchuan, K., & Saisap, P. (2024). A survey of perceptions and expectations of hospital pharmacists to the roles of ward-based pharmacists in Thailand. The Thai Journal of Pharmaceutical Sciences, 48(2), Article 2. Available at: https://digital.car.chula.ac.th/tjps/vol48/iss2/2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา