23 มิ.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ

บทความพิเศษ สัปดาห์เภสัชกรรม EP 03 เภสัชกรอุตสาหกรรม จากห้องทดลองสู่ยาหนึ่งเม็ดในมือคุณ

เมื่อเราเดินเข้าไปในร้านยาและรับยาจากมือของเภสัชกร เรามอบความไว้วางใจให้พวกเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยาที่อยู่ตรงหน้า แต่ผมอยากจะชวนทุกท่านมองให้ลึกลงไปอีกขั้น เบื้องหลังยาที่ถูกจ่ายให้เรานั้น ยังมีเภสัชกรอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำงานอย่างเงียบเชียบในโรงงานผลิตยา คนกลุ่มนี้คือ "เภสัชกรอุตสาหกรรม" และเป็นบทบาทสำคัญที่สุดบทบาทหนึ่งของพวกเขา คือการ ควบคุมคุณภาพ (Quality Control หรือ QC) ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ค้ำประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาทุกเม็ดที่ออกสู่ท้องตลาด
บทความวิชาการเรื่อง "Ensuring Pharmaceutical Excellence: The Vital Role of Quality Control in Pharmacy" ได้ฉายภาพการทำงานของเภสัชกรอุตสาหกรรมไว้อย่างชัดเจนว่า QC ไม่ใช่แค่การตรวจสอบสินค้าตอนท้าย แต่เป็นกระบวนการที่สอดแทรกอยู่ในทุกขั้นตอนของชีวิตยา ตั้งแต่ต้นจนจบ
ด่านแรก ผู้เฝ้าประตูแห่งคุณภาพ (การตรวจสอบวัตถุดิบ)
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อวัตถุดิบถูกส่งมาถึงโรงงานครับ ไม่ว่าจะเป็นสารออกฤทธิ์หลักหรือส่วนประกอบอื่นๆ มันจะยังไม่ถูกนำไปใช้ในทันที แต่วัตถุดิบทุกชนิดจะต้องผ่าน "ด่านตรวจสอบ" ของเภสัชกรและทีมงาน QC ก่อน ในฐานะเภสัชกร เราคือผู้เฝ้าประตูคนแรกของกระบวนการผลิตทั้งหมด
งานของเราคือการสุ่มตัวอย่างวัตถุดิบเหล่านั้นมาเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อตอบคำถามสำคัญ เช่น
นี่คือสารที่ถูกต้องจริงหรือ? เราใช้เทคนิคขั้นสูงอย่างโครมาโทกราฟี (Chromatography) เพื่อยืนยันว่าผงสีขาวที่เห็นคือตัวยาพาราเซตามอลจริงๆ ไม่ใช่สารอื่นที่หน้าตาคล้ายกัน
มันบริสุทธิ์แค่ไหน? เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัตถุดิบมีความบริสุทธิ์ตามมาตรฐานที่กำหนด และไม่มีสิ่งปนเปื้อนอันตรายเจือปนอยู่
มีความเข้มข้นที่เหมาะสมหรือไม่? ความแรงของยาเริ่มต้นที่ความเข้มข้นของวัตถุดิบ เราต้องยืนยันว่ามันมีปริมาณสารสำคัญตรงตามที่ระบุไว้
หากวัตถุดิบใดไม่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานที่เข้มงวดของเรา มันจะถูกตีกลับไปยังผู้ผลิตทันที นี่คือกำแพงด่านแรกที่ป้องกันไม่ให้วัตถุดิบที่ด้อยคุณภาพเล็ดลอดเข้าไปสู่สายการผลิตได้
ด่านที่สอง สายตรวจบนสายพานการผลิต (การควบคุมระหว่างกระบวนการผลิต)
เมื่อวัตถุดิบผ่านด่านแรกเข้ามาแล้ว กระบวนการผลิตยาจะเริ่มต้นขึ้น แต่หน้าที่ของเภสัชกร QC ยังไม่จบครับ เราจะทำหน้าที่เป็นเหมือน "สายตรวจ" ที่คอยเดินตรวจตราอยู่ตลอดสายการผลิต เราจะเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในแต่ละขั้นตอนสำคัญมาตรวจสอบ เช่น เมื่อผสมส่วนประกอบต่างๆ เสร็จ หรือหลังจากตอกเม็ดยาแล้ว
เราจะตรวจสอบคุณสมบัติสำคัญต่างๆ เช่น ความสม่ำเสมอของน้ำหนักยาแต่ละเม็ด ความแข็งของเม็ดยา หรืออัตราการละลายตัวของยา เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการผลิตกำลังดำเนินไปอย่างถูกต้องและคงที่ หากเราตรวจพบความผิดปกติใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย เราจะสามารถหยุดและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ก่อนที่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานจะถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก
ด่านสุดท้าย ผู้พิพากษาชี้ขาด (การตรวจสอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป)
นี่คือขั้นตอนที่สำคัญและเข้มข้นที่สุดครับ เมื่อยาถูกผลิตและบรรจุในภาชนะเรียบร้อยแล้ว มันจะถูกส่งมาให้เราเป็นครั้งสุดท้าย ในขั้นตอนนี้ เภสัชกร QC จะสวมบทบาทเป็น "ผู้พิพากษา" ที่จะให้คำตัดสินสุดท้ายว่ายาชุดนี้ "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน"
เราจะทำการทดสอบอย่างละเอียดและครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การวิเคราะห์ทางเคมีเพื่อยืนยันปริมาณตัวยาสำคัญครั้งสุดท้าย การทดสอบทางกายภาพเพื่อดูความสมบูรณ์ของยา ไปจนถึงการทดสอบทางจุลชีววิทยาเพื่อให้แน่ใจว่ายาปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อโรค นอกจากนี้ เรายังต้องตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และฉลากยาว่าถูกต้องตามกฎระเบียบและข้อบังคับทุกประการ
ยาชุดนั้นๆ จะไม่สามารถออกจากโรงงานได้เลยจนกว่าจะผ่านการทดสอบทั้งหมดและได้รับการ "ลงนามอนุมัติ" จากเภสัชกรผู้รับผิดชอบ ลายเซ็นนั้นไม่ใช่แค่หมึกบนกระดาษ แต่มันคือคำรับประกันคุณภาพและความปลอดภัย ที่เรามอบให้แก่ผู้ป่วยทุกคน
ความรับผิดชอบที่ไกลกว่าประตูโรงงาน
แม้ว่ายาจะถูกส่งออกจากโรงงานไปแล้ว บทบาทของ QC ยังคงดำเนินต่อไป เรายังต้องดูแลเรื่องสภาวะการจัดเก็บและการขนส่งที่เหมาะสม เช่น การควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อให้ยาทุกเม็ดคงคุณภาพและความเสถียรไว้ได้ดีที่สุด จนกระทั่งมันเดินทางไปถึงร้านยาหรือโรงพยาบาลและส่งถึงมือคุณ
ท้ายที่สุดแล้ว งานควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมยา คือเครือข่ายความรับผิดชอบที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนของเภสัชกร มันคือการทำงานที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความแม่นยำ และจรรยาบรรณที่แน่วแน่ เพื่อให้คำว่า "ยา" เป็นคำที่มีความหมายเดียวกับ "ความปลอดภัย" และ "ความไว้วางใจ" อยู่เสมอครับ
แหล่งอ้างอิง:
Hendry, W. (2023). Ensuring Pharmaceutical Excellence: The Vital Role of Quality Control in Pharmacy. Commentary, 13(6).

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา