26 มิ.ย. เวลา 11:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🏺 ไขปริศนาตุตันคามุน | ทำไมสุสานฟาโรห์ปลายแถว ถึงเป็นสุสานที่ "รวยที่สุด" ในประวัติศาสตร์อียิปต์?

ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 ในหุบผากษัตริย์อันร้อนระอุ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ (Howard Carter) นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้ค้นพบขั้นบันไดหินขั้นแรกที่นำไปสู่สิ่งที่จะกลายเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 หลังจากได้รับทุนสนับสนุนจากลอร์ดคาร์นาร์วอน (Lord Carnarvon) มานานหลายปีและเผชิญกับความล้มเหลวจนเกือบจะถอดใจ นี่คือโอกาสสุดท้ายของเขา
เมื่อทีมงานเปิดทางจนไปถึงประตูที่ถูกปิดตาย คาร์เตอร์ได้เจาะรูเล็กๆ แล้วใช้แสงเทียนส่องเข้าไป ลอร์ดคาร์นาร์วอนซึ่งรออยู่ข้างหลังอย่างใจจดใจจ่อได้เอ่ยถามขึ้นว่า "คุณเห็นอะไรบ้างไหม?"
คาร์เตอร์ตอบกลับมาด้วยประโยคอมตะว่า "Yes, wonderful things." (เห็นสิ... เป็นของที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง)
สิ่งที่เขาเห็นคือห้องที่อัดแน่นไปด้วยทองคำและสมบัติล้ำค่าเกินจินตนาการ แต่ท่ามกลางความตื่นตะลึงนั้น ปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ได้ถือกำเนิดขึ้น... ในทางประวัติศาสตร์ ตุตันคามุนเป็นเพียงฟาโรห์ที่ไม่สลักสำคัญนัก สิ้นพระชนม์ตั้งแต่วัยรุ่น สุสานของพระองค์ก็มีขนาดเล็กที่สุดแห่งหนึ่งในหุบผากษัตริย์ แล้วทำไมสุสานของฟาโรห์ปลายแถวพระองค์นี้ ถึงได้เป็นสุสานที่ร่ำรวยและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบในประวัติศาสตร์อียิปต์?
นี่คือการสืบสวนที่ใช้เวลากว่า 100 ปี เพื่อไขปริศนาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจที่เรามีต่อยุคทองของอียิปต์ไปตลอดกาล
👑 ปริศนาของฟาโรห์ยุวกษัตริย์ (The Paradox of the Boy King)
ตุตันคามุนขึ้นครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุราว 9 พรรษา และสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา ในรัชสมัยสั้นๆ เพียง 10 ปีของพระองค์ ไม่ได้มีการสร้างอนุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่หรือการทำสงครามที่เกรียงไกร พระองค์เป็นเหมือนตัวละครที่ถูกลืมเลือนในหน้าประวัติศาสตร์ จนกระทั่งการค้นพบของคาร์เตอร์
จากการวิเคราะห์มัมมี่ของพระองค์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ พบว่าพระองค์มีพระพลานามัยที่ไม่แข็งแรงนัก ทรงมีพระบาทที่ผิดรูป (clubfoot) ซึ่งทำให้ต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน และอาจสิ้นพระชนม์จากภาวะแทรกซ้อนของโรคมาลาเรียร่วมกับอาการประชวรอื่นๆ นี่คือภาพของฟาโรห์หนุ่มที่อ่อนแอ ไม่ใช่กษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่
ที่น่าฉงนยิ่งกว่าคือลักษณะของสุสาน (KV62) มันมีขนาดเล็กอย่างน่าประหลาดใจเมื่อเทียบกับสุสานของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่องค์อื่นๆ ในราชวงศ์เดียวกัน เช่น สุสานของฟาโรห์เซติที่ 1 ซึ่งใหญ่โตและตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร แผนผังของสุสานตุตันคามุนนั้นเรียบง่ายและดูเหมือนจะถูกเตรียมขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่สมพระเกียรติของฟาโรห์ผู้ปกครองอียิปต์เลยแม้แต่น้อย
ความย้อนแย้งระหว่าง "ความไม่สำคัญ" ของตัวฟาโรห์ กับ "ความมั่งคั่งมหาศาล" ของสมบัติในสุสาน คือหัวใจของปริศนาที่นักอียิปต์วิทยาสงสัยมาตลอด 100 ปี
⚡ ปฏิวัติศาสนาแห่งอามาร์นา - ต้นตอแห่งปริศนา (The Amarna Heresy - Root of the Mystery)
เพื่อที่จะเข้าใจปริศนานี้ เราต้องย้อนกลับไปในรัชสมัยของ ฟาโรห์อเคนาเทน (Akhenaten) พระบิดาของตุตันคามุน พระองค์คือฟาโรห์ผู้ปฏิวัติที่พยายามจะล้มล้างความเชื่อดั้งเดิมของอียิปต์ที่สืบทอดมานับพันปี
ในยุคนั้น อำนาจของคณะนักบวชแห่ง เทพเจ้าอามุน-รา (Amun-Ra) แห่งนครธีบส์นั้นยิ่งใหญ่และมั่งคั่งอย่างมาก อเคนาเทนอาจมองว่าอำนาจนี้เป็นภัยต่อราชบัลลังก์ พระองค์จึงได้ทำการปฏิวัติศาสนาครั้งใหญ่ โดยประกาศให้เทพเจ้าองค์อื่นๆ เป็นสิ่งนอกรีต และให้ทุกคนหันมาบูชาเทพเจ้าเพียงองค์เดียวคือ "อาเตน" (Aten) ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ในรูปแบบของวงจักรที่มีรัศมีเป็นมือยื่นออกมา
พระองค์ได้เปลี่ยนพระนามของพระองค์เองจาก "อาเมนโฮเทปที่ 4" (ซึ่งมีความหมายว่า "อามุนทรงพอพระทัย") เป็น "อเคนาเทน" (ซึ่งหมายถึง "ผู้รับใช้แห่งอาเตน") และยังได้ย้ายเมืองหลวงจากธีบส์ไปยังเมืองใหม่ที่สร้างขึ้นกลางทะเลทรายที่ชื่อว่า "อเคทาเทน" (ปัจจุบันคืออามาร์นา) การเปลี่ยนแปลงนี้ยังส่งผลต่อศิลปะอย่างมหาศาล ทำให้เกิด "ศิลปะแบบอามาร์นา" ที่มีลักษณะสมจริงและแปลกตา ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์อียิปต์
การปฏิวัติศาสนาของอเคนาเทนสร้างความวุ่นวายและความไม่พอใจไปทั่วอาณาจักร เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ ประวัติศาสตร์ในช่วงต่อมาก็เต็มไปด้วยความสับสน มีการปรากฏตัวของฟาโรห์ที่ลึกลับอย่าง "สเมงห์คาเร" และ "เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน" (ซึ่งนักวิชาการบางส่วนเชื่อว่าอาจเป็นพระนางเนเฟอร์ติติ พระมเหสีของอเคนาเทน) ซึ่งครองราชย์อยู่เพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่ประวัติศาสตร์จะถูกลบเลือนไป
นี่คือยุคสมัยแห่งความโกลาหลที่ทิ้งมรดกต้องคำสาปและสมบัติมหาศาลไว้เบื้องหลัง
💰 มรดกของเหล่านอกรีต - หลักฐานในสุสาน (The Heirlooms of Heretics - The Evidence Within)
ทฤษฎีที่น่าทึ่งที่สุดเสนอว่า สุสานของตุตันคามุนเป็นเหมือน "กรุสมบัติรวม" ของราชวงศ์อามาร์นาที่ถูกโค่นล้ม โดยมีหลักฐานที่จับต้องได้ซ่อนอยู่มากมาย:
• วัตถุที่ถูกใช้ซ้ำ (Reused Objects): วัตถุจำนวนมากในสุสานมีร่องรอยของการ "ลบชื่อเจ้าของเดิมแล้วสลักพระนามตุตันคามุนทับลงไป" ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่งสำหรับพิธีศพของฟาโรห์ที่ควรจะสร้างของขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
• หน้ากากทองคำอันโด่งดัง: มีการถกเถียงกันว่าหน้ากากทองคำอาจไม่ได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับตุตันคามุนตั้งแต่แรก แต่เป็นของ เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน (ซึ่งอาจเป็นเนเฟอร์ติติ) โดยสังเกตจากลักษณะพระพักตร์ที่ดูเป็นสตรี และร่องรอยการแก้ไขคาร์ทูช (กรอบสลักพระนาม)
• โลงศพชั้นกลาง: การวิเคราะห์ลักษณะทางศิลปะบนโลงศพชั้นที่สอง ชี้ให้เห็นถึงใบหน้าที่ไม่สอดคล้องกับตุตันคามุน แต่กลับคล้ายกับรูปสลักของอเคนาเทน
• ฝาโถคาโนปิก (Canopic Jar Lids): ฝาโถสำหรับเก็บเครื่องในทั้งสี่ใบ มีลักษณะพระพักตร์ที่ดูเป็นสตรีอย่างชัดเจน ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่าอาจเป็นของ คิยา (Kiya) พระสนมอีกองค์ของอเคนาเทน
• สมบัติของสตรี: มีการพบเครื่องประดับและวัตถุอื่นๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับฟาโรห์หญิงอย่างชัดเจน ซึ่งไม่น่าจะเป็นของตุตันคามุน
หลักฐานเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าวัตถุจำนวนมากถูกรวบรวมมาจากบุคคลอื่นในยุคอามาร์นา ก่อนจะถูกนำมาปรับแก้และฝังไปพร้อมกับตุตันคามุน
🔍 ทฤษฎีบทสรุป - การปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ (The Grand Theory - Assembling the Puzzle)
จากหลักฐานทั้งหมด ปีเตอร์ ลาโควารา (Peter Lacovara) ได้นำเสนอทฤษฎีบทสรุปที่สมเหตุสมผลที่สุด:
เมื่อยุวกษัตริย์ ตุตันคาเตน ขึ้นครองราชย์ พระองค์และที่ปรึกษา (ซึ่งน่าจะเป็น "ไอย์" (Ay) และ "โฮเรมเฮบ" (Horemheb) ผู้ทรงอำนาจ) ได้ทำการฟื้นฟูศาสนาดั้งเดิมกลับคืนมา พระองค์ได้เปลี่ยนพระนามเป็น ตุตันคามุน เพื่อเป็นเกียรติแด่เทพเจ้าอามุน และย้ายเมืองหลวงกลับมายังธีบส์
แต่เมื่อตุตันคามุนสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันในวัยเพียง 19 ปี และยังไม่มีสุสานหลวงที่แท้จริงเตรียมไว้ ผู้ปกครองในขณะนั้นจึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการใช้สุสานเล็กๆ ของขุนนาง (ซึ่งอาจเตรียมไว้สำหรับ "ไอย์") มาปรับใช้เป็นที่ฝังพระศพ
และนี่คือจุดสำคัญที่สุด... เหล่าผู้มีอำนาจได้ตัดสินใจนำสมบัติของเหล่าฟาโรห์นอกรีตแห่งยุคอามาร์นาที่ถูกทอดทิ้งและถูกมองว่าเป็น "ของมีมลทิน" มารวบรวมและผนึกไว้ในสุสานของตุตันคามุนไปพร้อมกัน การกระทำนี้อาจมีเหตุผล 2 ประการ:
• เพื่อชำระล้าง (Purge): เป็นการกำจัดมรดกของยุคนอกรีตให้หมดสิ้นไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และฝังมันไว้ใต้ดินตลอดกาล
• เพื่อเป็นเกียรติยศ (Honor): เป็นการมอบสมบัติพิเศษให้ตุตันคามุนเพื่อเป็น "เครื่องหมายแห่งความกตัญญู" ในฐานะฟาโรห์ผู้ฟื้นฟูศาสนาและนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่อียิปต์
ด้วยเหตุนี้ สุสานเล็กๆ ของฟาโรห์ปลายแถว จึงกลายเป็นกรุสมบัติที่ร่ำรวยและสมบูรณ์ที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ
🏜️ อนาคต - บทพิสูจน์ที่รอคอยใต้ผืนทราย
ทฤษฎีนี้จะถูกพิสูจน์ได้อย่างไร? คำตอบอาจกำลังรออยู่ใต้ผืนทราย...
นักอียิปต์วิทยายังคงพยายามค้นหาสุสานที่แท้จริงของฟาโรห์องค์อื่นๆ ในราชวงศ์ที่ 18 เช่น สุสานของฟาโรห์ทุตโมสที่ 2 หรือแม้แต่สุสานที่หายไปของพระนางเนเฟอร์ติติ หากมีการค้นพบสุสานเหล่านี้ในสภาพที่สมบูรณ์ ก็จะสามารถใช้เป็น "ตัวเปรียบเทียบ" เพื่อยืนยันหรือหักล้างทฤษฎีของลาโควาราได้ว่า สุสานของตุตันคามุนนั้นร่ำรวยผิดปกติจริงหรือไม่
เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การสแกนด้วยเรดาร์ทะลุพื้นดิน (Ground-penetrating radar) หรือการวิเคราะห์ DNA จากมัมมี่ที่เกี่ยวข้อง อาจมอบเบาะแสใหม่ๆ ให้กับปริศนานี้ได้ในอนาคต
ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร เรื่องราวนี้ก็บอกเราว่า โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ โชคดีกว่าที่เขาคิดไว้มากที่ได้สะดุดเข้ากับสุสานหลวงที่อาจจะร่ำรวยและสมบูรณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของอียิปต์ "มันเป็นสุสานที่มั่งคั่งอย่างไม่น่าเชื่อ" ลาโควารากล่าว "และมันคือปาฏิหาริย์ที่มันรอดพ้นจากการถูกปล้นมาได้"
🏡 มรดกและความหมายในบริบทไทย
"ปาฏิหาริย์" ที่สุสานตุตันคามุนรอดมาได้นั้น ทำให้เราอดนึกถึงประวัติศาสตร์ของไทยไม่ได้ครับ ลองนึกถึง กรุสมบัติในพระปรางค์วัดราชบูรณะ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายและปล้นสดมภ์มาได้ ทำให้เราได้เห็นความรุ่งเรืองทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาณาจักรอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้
การค้นพบของตุตันคามุนตอกย้ำให้เห็นว่าสมบัติทางประวัติศาสตร์ของเราที่สูญหายไปกับสงครามและการลักลอบขุดนั้นมีค่ามหาศาลเพียงใด และทำให้สมบัติทุกชิ้นที่ยังคงเหลือรอดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป, เครื่องทอง, หรือโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีกในฐานะหน้าต่างบานสุดท้ายที่เปิดให้เรามองเห็นอดีตอันรุ่งเรืองของชาติ
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ปริศนา 100 ปี: ตุตันคามุนเป็นเพียงฟาโรห์ที่ไม่สำคัญและสิ้นพระชนม์ในวัยเยาว์ แต่กลับมีสุสาน (KV62) ที่เล็กผิดปกติแต่อัดแน่นไปด้วยสมบัติมหาศาลอย่างน่าฉงน
✅ ต้นตอจากยุคนอกรีต: ทฤษฎีล่าสุดชี้ว่าความร่ำรวยนี้มาจาก การรวบรวมสมบัติของเหล่าฟาโรห์แห่งยุคอามาร์นา (เช่น อเคนาเทน, เนเฟอร์ติติ) ที่ถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต
✅ หลักฐานที่จับต้องได้: มีร่องรอยการ "ใช้ซ้ำ" วัตถุจำนวนมาก เช่น การลบและสลักพระนามใหม่ทับลงไป, ลักษณะของหน้ากากและโลงศพที่ไม่ตรงกับตุตันคามุน, และขนาดของสุสานที่ไม่สมพระเกียรติ
✅ การตัดสินใจทางการเมือง: การฝังสมบัติรวมกันอาจเป็นการ "ชำระล้าง" มรดกนอกรีตให้หมดสิ้น หรือเป็นการ "ให้เกียรติ" ตุตันคามุนในฐานะผู้ฟื้นฟูศาสนาดั้งเดิม
✅ ประวัติศาสตร์ที่รอการพิสูจน์: การค้นพบสุสานของฟาโรห์องค์อื่นในราชวงศ์ที่ 18 ในอนาคต จะเป็นกุญแจสำคัญในการยืนยันหรือหักล้างทฤษฎีที่น่าทึ่งนี้
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
การ "อ่าน" ประวัติศาสตร์ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่คือการสืบสวน, การตั้งคำถาม, และการมองหลักฐานเดิมในมุมใหม่ ดังเช่นการไขปริศนาสุสานตุตันคามุน...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการพาคุณไป "สืบสวน" เรื่องราวเบื้องหลังการค้นพบทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือ "แว่นขยาย" ที่ช่วยให้เราสามารถส่องลึกเข้าไปในรายละเอียดที่น่าทึ่งเหล่านี้ต่อไปได้ครับ
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
ทฤษฎีนี้ทำให้เราเห็นว่าประวัติศาสตร์สามารถ "ถูกเขียนใหม่" ได้เสมอเมื่อมีหลักฐานหรือมุมมองใหม่ๆ... คุณคิดว่ามี "เรื่องเล่า" ใดในประวัติศาสตร์ (ไทยหรือเทศ) ที่คุณรู้สึกว่าอาจมี "ความจริง" อีกด้านซ่อนอยู่ และอยากให้มีการรื้อฟื้นมาสืบสวนใหม่มากที่สุด?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Barras, C. (2025). The Blink King. New Scientist, (3547), 34-37.
2. Hawass, Z., et al. (2010). Ancestry and pathology in King Tutankhamun's family. Journal of the American Medical Association. https://doi.org/10.1001/jama.2010.121

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา