26 มิ.ย. เวลา 23:44 • ปรัชญา

ทฤษฎีการบริหารเพื่อเอาตัวรอดของ 1. คน 2. มนุษย์

โลกของเผด็จการ
ใช้วิธี กดคนให้อยู่ที่บันไดขั้นที่หนึ่งตามทฤษฎีของมาสโลว์ ทำให้คนยุ่งอยู่กับการเอาชีวิตรอดไปวันๆ เพื่อไม่มีเวลาคิดเรื่องชีวิตที่ดีกว่า
ต่อเมื่อโลกเผชิญความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง
เช่น สุดภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ทำให้ ประชาชนรับไม่ไหว
เพราะ สิ่งที่หนักมากเกินกว่าจิตสำนึกของคนทั่วไปจะแบกรับไหว มันจะให้ผล ลบ คือคนเขาจะทิ้ง
ในโลกประชาธิปไตย
Trump เสนอ ประชาธิปไตย ต้องกินได้
ไม่ใช่แบบรวยกระจุก จนกระจาย อย่างที่เป็นในปัจจุบัน ทำให้ คนอเมริกันเลือก Trump เพราะ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนสูงขึ้นทุกวัน จนเกินจะรับไหว
หลวงพ่อชา สอนเรื่องคนเราเกิดมาพร้อมสัญชาตญาณดิบ เหมือนสัตว์
ต่อเมื่อได้รับการอบรมสั่งสอน ให้มีศีล จึงสามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ไม่เป็นเหมือนสัตว์
คนที่ปฏิบัติศีล 5 จะมีจิตใจเป็นมนุษย์ ไม่ทำพฤติกรรมแบบสัตว์ แต่จะปฏิบัติเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
คนที่ปฏิบัติศีล 5 จะมีจิตใจเป็นมนุษย์
ไม่ทำพฤติกรรมแบบสัตว์
แต่จะปฏิบัติเป็นธรรม
เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
คน
ปฏิบัติตามสัญชาตญาณ(ดิบ)
มุ่งประโยชน์ส่วนตน
วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
กดดันสัญชาตญาณดิบของคน
ให้มีพฤติกรรมไม่ต่างจากสัตว์
คนจึงทำอะไรก็ได้เพื่อเอาตัวเองให้รอดก่อน
ในบางครั้ง ถ้าทำสิ่งที่มากเกินไปตะเกิดผลลบ
ประมาณว่า "โลภมาก ลาภหาย"
ตัวอย่าง เช่น
1. ฮุนเซนปล่อยคลิปลับ
2. คดีฮั้ว เลือก สว. 67
* Tarriff ของ Trump ก็มีความเสี่ยง
คือ ถ้าแรงมากเกิน จะเป็นการผลักมิตรไปเป็นศัตรู
มนุษย์
ปฏิบัติเป็น"ธรรม"
เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
ทฤษฎีการบริหารเพื่อเอาตัวรอดของมนุษย์
Cr.DeepSeek
(Survival Management Theory)
มักผสมผสานแนวคิดจากทฤษฎีการบริหาร กลยุทธ์ทางธุรกิจ และจิตวิทยาการเอาตัวรอด
### **หลักการสำคัญของการบริหารแบบเอาตัวรอด**
- **ปรับตัวเร็ว (Agility)**
- **ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น (Cost Efficiency)**
- **กระจายความเสี่ยง (Risk Diversification)**
- **เน้นนวัตกรรม (Innovation)**
- **ตัดสินใจแบบ Real-time (Data-Driven Decision Making)**
ทฤษฎีการบริหารเพื่อเอาตัวรอดของคน
Cr.DeepSeek
### **ทฤษฎีแมคคิวเวอรี่ (Machiavellianism)**
พัฒนาจากแนวคิดของ **นิกโกโล มาเคียเวลลี (Niccolò Machiavelli)** ในหนังสือ **"The Prince" (ค.ศ. 1513)** ซึ่งวิเคราะห์การรักษาอำนาจของผู้นำในยุคเรอเนซองส์
#### **1. หลักการพื้นฐานในทางการเมือง**
- **อำนาจคือเป้าหมายสูงสุด**: การได้มาและรักษาอำนาจสำคัญกว่าศีลธรรม
- **ความเป็นจริงเหนืออุดมคติ**: ต้องเข้าใจความจริงของมนุษย์และสถานการณ์ ไม่ใช่แค่หลักการที่ดี
- **ธรรมชาติมนุษย์เห็นแก่ตัว**: มนุษย์มักหาประโยชน์ส่วนตน → ผู้นำต้องควบคุมผ่านทั้ง **"ความรักและความกลัว"** (แต่ถ้าเลือกได้ "ความกลัว" มีประสิทธิภาพกว่า)
- **เป้าหมายชอบธรรมด้วยวิธีการ**: หากเป้าหมายสูงสุดเป็นประโยชน์ส่วนรวม การใช้กลวิธีโหดร้ายหรือหลอกลวงอาจเป็นเรื่องจำเป็น
#### **2. กลยุทธ์การปกครองของมาเคียเวลลี**
- **ใช้ทั้ง "สุนัขจิ้งจอกและสิงโต"**:
- **สุนัขจิ้งจอก** = ฉลาด หลอกลวง เลี่ยงกับดัก
- **สิงโต** = แข็งแกร่ง กดขู่ด้วยกำลัง
- **สร้างภาพลักษณ์**: แสดงตัวว่ามีคุณธรรม แต่พร้อมละทิ้งเมื่อจำเป็น
- **ควบคุมความเปลี่ยนแปลง**: ป้องกันความไม่พอใจของประชาชนขณะเดียวกันก็กำจัดศัตรูอย่างเด็ดขาด
#### **3. การประยุกต์ในจิตวิทยาสมัยใหม่**
- **Machiavellianism เป็นลักษณะบุคลิกภาพ** (หนึ่งใน "Dark Triad" ร่วมกับ Narcissism และ Psychopathy)
- **ลักษณะเด่น**:
- มุ่งประโยชน์ส่วนตน
- ใช้การหลอกลวง จูงใจผู้อื่น
- ขาดความเห็นอกเห็นใจ
- คำนวณความเสี่ยงและผลประโยชน์อย่างเย็นชา
- **การวัด**: ด้วยแบบทดสอบเช่น **MACH-IV** (คะแนนสูง = มีแนวโน้มใช้กลยุทธ์มาเคียเวลเลียน)
#### **4. ข้อวิพากษ์**
- **ด้านจริยธรรม**: ถูกมองว่าเป็นการส่งเสริมการใช้อำนาจแบบไร้ศีลธรรม
- **ด้านประสิทธิภาพ**: ในระยะยาวอาจสร้างความไม่ไว้วางใจและล่มสลาย
- **ข้อโต้แย้ง**: บางคนมองว่ามาเคียเวลลีเพียง "บรรยาย" วิธีรักษาอำนาจในโลกจริง ไม่ได้ "สนับสนุน" โดยตรง
#### **5. การประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน**
- **การเมือง**: กลยุทธ์การต่อสู้เชิงอำนาจ
- **ธุรกิจ**: การแข่งขันแบบไร้ศีลธรรม การเจรจาต่อรอง
- **จิตวิทยาองค์กร**: ระวังบุคคลที่มีบุคลิกภาพแมคคิวเวเลียนในทีมงาน
---
### **คำคมสำคัญจาก "The Prince"**
> "มันดีกว่าที่จะถูกเกรงกลัวมากกว่าถูกรัก... เพราะมนุษย์มักหักหลังเมื่อมีโอกาส"
> "ผู้ปกครองที่ประสบความสำเร็จต้องเรียนรู้ว่าจะไม่เป็นคนดีเมื่อจำเป็น"
ทฤษฎีนี้ยังคงเป็นกรอบคิดสำคัญในการวิเคราะห์อำนาจ ทั้งในทางการเมือง ธุรกิจ และสังคม!
โฆษณา