26 มิ.ย. เวลา 06:15 • สุขภาพ
สถานีหลักสี่
"ไลฟ์สไตล์เสี่ยงมะเร็งลำไส้ของคนยุคใหม่" ซึ่งข้อนี้ดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่เมื่อสะสมต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน กลับกลายเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดตามพฤติกรรมสุดท้ายอักเสบมากเข้า
--
🍟 1. กินอาหารแปรรูปและเนื้อแดงเป็นประจำ
เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม หมูย่าง ไก่ย่างไหม้ๆ
มีสารไนไตรต์/ไนเตรต ซึ่งร่างกายเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งรอยไหม้เกรียมมีสาร PAHs และ HCAs
🥬 2. ขาดผักผลไม้ / ไฟเบอร์ต่ำ กินแป้ง เนื้อ ของทอด มากกว่าผักสด
ทำให้ขับถ่ายช้า ของเสียค้างในลำไส้นาน เพิ่มสารพิษสะสม-
🛋️ 3. นั่งนาน ไม่ค่อยเคลื่อนไหว (Sedentary lifestyle)ระบบลำไส้เคลื่อนไหวน้อยการย่อยและขับถ่ายช้าลง อุจจาระค้าง
⏰ 4. นอนดึก พักผ่อนไม่พอ ทำให้วงจรการซ่อมแซมเซลล์ผิดปกติส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
🧂 5. กินเค็มจัด น้ำตาลสูง อาหารรสจัดจ้าน น้ำจิ้ม เครื่องปรุงมาก น้ำตาลสูงทำให้ลำไส้อักเสบเรื้อรัง / จุลินทรีย์เสียสมดุล
🧃 6. ดื่มแอลกอฮอล์-ชาเย็น-กาแฟ-น้ำหวานบ่อย
เครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้ลำไส้อ่อนแอ เสี่ยง SIBO / อักเสบแอลกอฮอล์กระตุ้นการกลายพันธุ์ของเซลล์
🚬 7. สูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในหลายอวัยวะ รวมถึงลำไส้
8. ใช้ยาปฏิชีวนะ / ยาระบาย / ยาลดกรดบ่อย
ทำลายจุลินทรีย์ดีในลำไส้ → เกิด Dysbiosis → ลำไส้รั่ว
9. เครียดเรื้อรัง / กังวลเกินไป
เครียดทำให้สมองลำไส้ (Gut-Brain Axis) แปรปรวน
ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและภูมิคุ้มกันในลำไส้
10. อั้นอุจจาระ ไม่ถ่ายเป็นเวลาลำไส้เสียจังหวะตามธรรมชาติอุจจาระตกค้าง เกิดการหมักหมม → สารพิษ
---
✅ สรุป: วิธีป้องกันมะเร็งลำไสนแนว Functional
กินอาหารต้นทาง ( ทำอาหารเอง)ธรรมชาติ (Whole foods) เน้นผักสีเขียว ไฟเบอร์ และพรีไบโอติก
:ขยับตัวสม่ำเสมอ นอนเร็ว ลดเครียด
: Detox ลำไส้เป็นระยะ เช่น น้ำซุปกระดูก น้ำมันมะพร้าว
ส่วนการขับถ่ายอุจจาระเรียกท้องผูก
---
💥 1. ทำไมคนหนุ่มสาวเป็นมะเร็งลำไส้มากกว่าคนในอดีต?
📈 แนวโน้มที่เพิ่มขึ้น:
ปัจจุบันพบว่า วัยหนุ่มสาว (อายุน้อยกว่า 50 ปี) เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีวิถีชีวิตแบบตะวันตก เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย รวมถึงในเมืองใหญ่ของไทย
1
🎯 สาเหตุหลักที่คาดว่าเกี่ยวข้อง:
1. อาหารแปรรูปและเนื้อแดงสูง
ไส้กรอก เบคอน แฮม อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ มีสารก่อมะเร็งเช่น ไนไตรต์/ไนเตรต
2. ไฟเบอร์ต่ำ
คนรุ่นใหม่กินผักน้อยลง กากใยน้อย ทำให้อุจจาระตกค้างนาน มีสารพิษสะสม
3. พฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary lifestyle)
นั่งทำงานทั้งวัน ขาดการเคลื่อนไหว ทำให้ระบบย่อยและขับถ่ายช้าลง
4. ความเครียดเรื้อรังและการนอนหลับผิดเวลา
รบกวนจังหวะการซ่อมแซมเซลล์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ง่ายขึ้น
5. ใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยเกินไป + ดื่มแอลกอฮอล์ + สูบบุหรี่
6. ลำไส้รั่ว & จุลินทรีย์เสียสมดุล (Dysbiosis)
ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในระบบย่อย
🧬 สรุปคือ “ต้นเหตุร่วมกัน” ที่เร่งให้เกิดการอักเสบและกลายพันธุ์ในเซลล์เยื่อบุลำไส้เร็วกว่าปกติ แม้อายุยังน้อย
---
💩 2. ภาวะท้องผูก คืออะไร ต่างจากท้องเสียอย่างไร?
🔹 ท้องผูก (Constipation):
ขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์
อุจจาระแข็ง แห้ง ออกยาก ต้องเบ่งมาก
อาจรู้สึกถ่ายไม่สุด ค้างอยู่ในทวาร
ท้องอืด แน่นท้อง
🔻 สาเหตุ: กินไฟเบอร์น้อย ดื่มน้ำน้อย ไม่เคลื่อนไหว เครียด ลำไส้ทำงานช้า หรือมีโรคเรื้อรัง/ยารักษาโรคบางชนิด
🔸 ท้องเสีย (Diarrhea):
ขับถ่ายเหลว หรือเป็นน้ำ
บ่อยเกิน 3 ครั้ง/วัน
อาจปวดท้อง บิด ถ่ายพุ่ง
อาจมีไข้ คลื่นไส้ อ่อนเพลียร่วมด้วย
🔻 สาเหตุ: ติดเชื้อไวรัส/แบคทีเรีย, แพ้อาหาร, ใช้ยาปฏิชีวนะ, ระบบลำไส้เสียสมดุล (เช่น SIBO)
📊 เปรียบเทียบแบบชัดเจน:
ลักษณะ ท้องผูก ท้องเสีย
ความถี่ น้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ มากกว่า 3 ครั้ง/วัน
ลักษณะอุจจาระ แข็ง แห้ง ออกยาก เหลว เป็นน้ำ
อาการร่วม ท้องอืด แน่น เบ่งลำบาก ปวดบิด อ่อนเพลีย อาจมีไข้
สาเหตุทั่วไป ไฟเบอร์น้อย เคลื่อนไหวน้อย ติดเชื้อ แพ้อาหาร ยา ฯลฯ
อันตรายเรื้อรัง เสี่ยงลำไส้อักเสบ ริดสีดวง มะเร็ง ขาดน้ำ เกลือแร่เสียสมดุล
🎯 ข้อแนะนำ:
ไม่ควรละเลยอาการ ขับถ่ายผิดปกติ โดยเฉพาะหากมีเลือดปน ปวดท้อง น้ำหนักลด หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้
หาก ท้องผูกบ่อย ควรปรับอาหาร + นอนให้พอ + ออกกำลังกาย
1
โฆษณา