📩 "จดหมายภาษี" เขย่าโลก: ทรัมป์เซ็นกำหนดภาษีใหม่ส่ง 12 ประเทศ เริ่มจันทร์นี้
Trump says tariff letters to 12 countries signed, going out Monday
🛫 "เขียนจดหมาย ดีกว่าเจรจา" — วาทะจากโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะโดยสาร Air Force One กลายเป็นสัญญาณชัดเจนว่า สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์กำลังเดินหน้ากลยุทธ์ “จู่โจมทางการค้า” ด้วยการส่งจดหมายแจ้งระดับภาษีสินค้าเข้าเป้า 12 ประเทศ โดยจะเริ่มส่งวันจันทร์ที่ 7 กรกฏาคม 2025 นี้
• ทรัมป์ระบุว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าพื้นฐานที่ 10% และอาจขยับขึ้นได้ถึง 70% สำหรับบางประเทศในเดือนสิงหาคม 2025
• ช่วงผ่อนผัน 90 วันที่สหรัฐฯ เปิดให้เจรจา กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค. 2025 นี้
🌏 สงครามการค้า: จาก "เจรจา" สู่ "คำสั่ง"
การเปลี่ยนผ่านจากการเจรจาเป็น “คำสั่งแบบ Take it or leave it” สะท้อนว่าความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งกับสหภาพยุโรป อินเดีย ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ ทำให้ทรัมป์หันมาใช้แนวทางบีบคั้นโดยตรง
🧩 ประเทศที่เคยได้ข้อตกลงเชิงบวก เช่น 🇬🇧 อังกฤษ (คงภาษีไว้ที่ 10%) และ 🇻🇳 เวียดนาม (ลดภาษีจาก 46% เหลือ 20%) อาจเป็นต้นแบบของ “ข้อตกลงสำเร็จรูป” ที่รัฐบาลทรัมป์ต้องการ
🔄 ผลกระทบในไทย: ค้าระหว่างประเทศจะผันผวนแรง
แม้ไทยจะยังไม่เปิดเผยว่าอยู่ใน 12 ประเทศเป้าหมายหรือไม่ แต่ผลกระทบต่อ ห่วงโซ่การค้าโลก ย่อมสะเทือนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
• 🇹🇭 หากประเทศคู่ค้าไทยถูกเก็บภาษีสูงขึ้น ไทยอาจได้อานิสงส์ในฐานะ “ผู้ส่งออกทดแทน”
• แต่หากไทยถูกจัดอยู่ใน 12 ประเทศด้วย การส่งออกไปสหรัฐฯ จะชะลอลงทันที — กระทบ GDP เงินบาท และภาคผลิตโดยตรง
📉 หุ้นในตลาดไทยที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม
💼 RCL (อาร์ ซี แอล)
ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศ หากสงครามการค้าทวีความรุนแรง ปริมาณการขนส่งระหว่างภูมิภาคจะลดลง ขณะที่ต้นทุนอาจผันผวนจากการเปลี่ยนเส้นทางหรือโลจิสติกส์ใหม่
🧳 SONIC (โซนิค อินเตอร์เฟรท)
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเอเชีย–สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีจริง จะกระทบกับความต้องการนำเข้าสินค้า และปริมาณงานของ SONIC โดยตรง
🧠 ASIAN (เอเชียนซี คอร์ปอเรชั่น)
ผลิตอาหารทะเลแปรรูปส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป หากภาษีเพิ่มขึ้น หรือเจรจาไม่สำเร็จ รายได้จากตลาดหลักจะถูกบีบ ทำให้ต้องหาตลาดใหม่ หรือปรับแผนการผลิตอย่างเร่งด่วน
💡 TOA (ทีโอเอ เพ้นท์) และ DCC (ไดนาสตี้เซรามิค) อาจได้อานิสงส์ทางอ้อมหากประเทศไทยกลายเป็นฐานผลิตทดแทนในระยะยาว
📦 CPF (เจริญโภคภัณฑ์อาหาร)
การส่งออกเนื้อไก่และอาหารแปรรูปไปสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบโดยตรง หากภาษีถูกปรับเพิ่ม นอกจากนี้ยังต้องจับตานโยบายกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) เช่น มาตรฐานอาหาร ความปลอดภัย ฯลฯ
🚚 III (ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์)
แม้ไม่เกี่ยวกับสินค้าโดยตรง แต่การเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มโลจิสติกส์ทั่วโลกอาจส่งผลให้ III ต้องเร่งปรับตัว เพิ่มบริการในภูมิภาคอื่น หรือรับงานบริหารห่วงโซ่สินค้าแบบใหม่
📌 ในมุมมองนักลงทุนไทย:
จังหวะนี้อาจไม่ใช่แค่ “ความเสี่ยง” แต่อาจเป็น “โอกาส” หากไทยสามารถเจาะตลาดแทนประเทศที่โดนขึ้นภาษี เช่น อินเดีย หรือแม้แต่จีนเอง ขณะเดียวกัน นักลงทุนควรจับตา…
✨ ค่าเงินบาทและต้นทุนโลจิสติกส์
✨ ตำแหน่งของไทยในห่วงโซ่ผลิตโลก (Global Value Chain)
✨ นโยบายกระตุ้นส่งออกของรัฐบาลไทย
✨ ความสามารถของธุรกิจไทยในการปรับ Supply Chain
💬 แล้วคุณล่ะ คิดว่าไทยควรปรับตัวอย่างไรท่ามกลาง “คลื่นสงครามการค้า” ระลอกใหม่?
📣 ร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอไอเดียเพื่ออนาคตเศรษฐกิจไทยได้ที่ช่องคอมเมนต์ด้านล่างนะคะ!
🔖 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #TradeWar2025 #TrumpPolicy #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #ผลกระทบตลาดหุ้น #RippleEffectSET #SETupdate
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
