Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Tatastudio
•
ติดตาม
15 ก.ค. เวลา 12:21 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
“สอง Paradox” ผู้สร้างตำนานคอนเสิร์ตใหญ่ 30 ปีแห่งความฝัน“
คอนเสิร์ตใหญ่ครบรอบ 30 ปีครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยส่วนตัวผมขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับผู้ที่ก่อกำเนิดปั้นโปรเจกต์ในฝันนี้ขึ้นมา
“พี่สอง”
เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า พี่สองนี่แหละ คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ผู้ที่คอยประคบประหงมก่อร่างสร้างฝันมาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี คอยผลักดัน ออกแบบ และมุ่งมั่นเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ประดิดประดอยความฝันอันแสนไกลโพ้น ค่อย ๆ ถักทอดึงมันเข้ามาที่ละนิด ทีละหน่อย ทีละคืบ ทีละน้อย จนในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงจนได้
(ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอขอบคุณทีมงานทุก ๆ ฝ่ายที่ร่วมกันอดหลับอดนอนกับโปรเจกต์นี้ด้วยนะครับ ซึ่งจะขออนุญาตหยิบยกไปเขียนถึงในบทความต่อไปอย่างละเอียดนะครับ)
แต่วันนี้อยากจะเล่าเบื้องหลังความฝันนี้ ผ่านมุมที่ผมได้เห็นจากพี่สอง ให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้รับรู้ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหนครับ
ย้อนความไปเมื่อสมัยเรียนตอนปี 4 ตอนนั้นเราได้ออกอัลบั้มกันมาแล้ว 1 อัลบั้ม กับค่ายอินดี้ “Eastern Sky Records” อัลบั้มที่มีชื่อว่า “Lunatic Planet” หน้าปกม่วง ๆ เป็นรูปมนุษย์ต่างดาว
หลังจากนั้นค่ายก็ปิดตัวไป ผมได้เงินมาก้อนหนึ่ง เอาเงินทั้งหมดไปซื้อคอมพิวเตอร์ ได้รับความอนุเคราะห์เอ็นดูถ่ายทอดวิชาการอัดเสียงจากพี่ “พิซซ่า” แห่งวง “พราว” (ไว้จะนำมาเล่าอย่างละเอียดในอนาคตนะครับ)
ช่วงนั้นสมาชิกแต่ละคนก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย “พี่โน้ต” มือกลองบินไปใช้ชีวิตอยู่อเมริกา บิ๊กก็เรียนนิติฯ ส่วนผมกับสองก็ทำงานจบกันตามระบบการเรียน คณะครุศาสตร์ ภาควิชาศิลปศึกษา นิสิตปี 4 หลังจากฝึกสอนแล้วจะต้องทำงานจบ ซึ่งแต่ละคนก็จะเลือกทำวิทยานิพนธ์ตามความสนใจของตัวเอง
ผมเลือกสายออกแบบ โดยงานจบ คือ งานออกแบบกีตาร์ผีเสื้อ (ที่อยู่ในปกอัลบั้ม Summer) ส่วนพี่สองนั้นเลือกที่จะทำ
“โปรเจกต์ออกแบบคอนเสิร์ตวง Paradox” !!
งานจบของพี่สอง คือ การออกแบบทุกอย่างที่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตของวง ไม่ว่าจะเป็น โปสเตอร์ รูปแบบเวที รวมไปถึง “อัลบั้มและของที่ระลึก ที่จะมีวางขายในงาน”
และนั่นก็คือที่มาของอัลบั้มใต้ดินที่มีชื่อว่า “แมลงวันสเปน !” ปกสีชมพูแสบตา มีวงกลมตรงกลางเป็นรูปแมลงวันนั่นเอง
สมัยนั้นไม่อยากจะโม้ว่า น้อยคนนักที่จะมีคอมพิวเตอร์อัดเสียงที่บ้าน (กราบพี่พิซซ่าอีกที) ที่ห้องนอนบ้านผม จึงเรียกได้ว่าเป็น “Bedroom Studio” ได้อย่างเต็มปาก เพราะมีครบทุกรูปแบบ มีแม้กระทั่งเครื่องพรินเตอร์ สามารถสแกนรูป ต่ออินเทอร์เน็ตเสียงครืดคราด รวมไปถึงพรินต์ปกอัลบั้มแบบทำมือ ดังนั้นจึงสามารถอัดเสียงกันเองได้เต็มที่
สมัยนั้น พี่สองจะมากินนอนขลุกกันอยู่ที่บ้านผมนี่แหละ อัดเสียงทดลองเล่นกันไป ผมมีหน้าที่อัด พี่สองก็จะมานั่งเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย ให้กำลังใจ และสิ่งหนึ่งที่พี่สองมักซื้อติดตัวก็คือ “หนังสือพิมพ์กีฬา” จำไม่ได้ว่าของสำนักพิมพ์ใด แต่เกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล ประเด็นอยู่ที่เปิดหนังสือไปมั่ว ๆ จนเจอโฆษณา
“ยาแมลงวันสเปน” ยาปลุกอารมณ์ในตำนาน !
โฆษณาในช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ทำให้เกิดไอเดียทำเพลงขำ ๆ กันเล่น ๆ ใส่ทำนองแบบทดลองกดคีย์บอร์ดใส่เสียงลงไป แล้วตบท้ายให้พี่สองร้องสำเนียงขายยา
“มาแล้ว มาแล้ว มาแล้วววว
แมลงวันสเปน … ”
ก็กลายเป็นเพลง “แมลงวันสเปน” ขึ้นมาหนึ่งบทเพลง เรามีเพลงทดลองทำไว้ในคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง (จำไม่ได้แล้วว่ากี่เพลง)
จนเมื่อจะต้องมีงานจบวิทยานิพนธ์ พี่สองจึงมีความคิดที่จะทำ “อัลบั้ม” ขึ้นมาแบบจริงจัง เพื่อส่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ (แต่ผมว่าเป็นข้ออ้างไปอย่างนั้น ใจจริงคงอยากจะทำอัลบั้มนั่นแหละ)
จากนั้นเราก็ไปดั้นด้นเสาะหาโรงงานปั๊มตลับเทปนามว่า “Peacock” ชื่อนี้ ถ้าพูดให้คนแก่ฟัง ต้องสะดุดหู สะดุดใจแน่นอน เพราะสมัยนั้น ใครจะอัดเพลงใส่ตลับเทปจีบกันก็ต้องยี่ห้อนี้ เป็น “ยี่ห้อเทปเปล่าในตำนาน”
จำได้ว่าเขาตั้งออฟฟิศอยู่ในเยาวราช เราก็เดินดุ่มเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับการจะผลิตเทป ผมจำได้ว่า เราได้รับการต้อนรับที่ดีมาก ๆ (ช่วงหลังผมไปซี้กับโรงงานเขาถึงที่นครปฐมโน่นเลย ทีมงานเขาใจดีมาก ๆ ขนาดยอมให้เลือกลูกกลิ้งเป็นสี ๆ ในตลับเทปได้ หรือทำอะไรแปลก ๆ เขาก็พยายามเสาะหาทำให้เราได้หมด ในอัลบั้มใต้ดินต่อ ๆ มา)
”2,000 ตลับ !!“
นี่คือจำนวนเทปที่พี่สองสั่งปั๊ม
“บ้าไปแล้ว !” ผมนึกในใจ สมัยนั้นถือว่าเยอะมากในการปั๊มเทปใต้ดินทำมือ ไหนจะขายยังไงให้หมด ? ไหนจะทำปกกันยังไง ? พรินต์ตัดแปะกันอ้วกแตกแน่ (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ)
ตอนนั้นไม่รู้จะตั้งชื่ออัลบั้มว่าอะไร ก็เลยตั้งชื่อจากเพลงที่สะดุดหูที่สุดว่า อัลบั้ม
“แมลงวันสเปน”
เรามานั่งพรินต์ปกอัลบั้มด้วยการเอากระดาษสีไปถ่ายเอกสารด้านหลัง พี่สองเจตนาให้เครดิตอัลบั้มกลับด้าน เวลาจะอ่านต้องส่องกระจกอ่าน (ซับซ้อนไปอีกขั้น !) ส่วนรูปวงกลม และชิ้นส่วนที่เหลือ ใช้พรินต์ใส่สติกเกอร์จากเครื่องพรินเตอร์บ้านผมเอา (เล่นเอาเครื่องพังไปหลายรอบ เพราะสติกเกอร์มันพลิกดูดติดคาเครื่อง) และเรื่องตลกในตำนานก็คือ ด้วยความเมาหมัดของผมเอง
ดันพิมพ์ชื่อเพลงผิด !
คำว่าแมลงวันสเปน ดันพิมพ์เป็น
“แมลงวันเสปน” หรือที่อ่านว่า
“แมลงวัน เส-ปน” !!!!
1
มารู้ตัวอีกที ก็ใครสักคนทักเอาตอนที่ทำเสร็จห่อพลาสติกแล้ว ส่วนวงกลมรูปแมลงวันก็ตัดแปะตามยถากรรม เปลี่ยนสีบ้าง เพราะสติกเกอร์สีมันไม่พอ ต้องเอาสีอื่นมาผสม การมานั่งพรินต์สติกเกอร์ทีละแผ่นว่าโหดแล้ว ส่วนที่โหดสุด คือ การมานั่งใช้กรรไกรตัดรูปวงกลมให้โค้งสวยงาม 2,000 วง ! ช่วงท้าย ๆ จำได้ว่าเมื่อยมือมาก บางวงก็ตัดแหว่ง ก็ช่างมันแล้วกัน แกะสติกเกอร์แปะ ๆ ไป นึกสนุกก็แปะมั่ว ๆ ให้แมลงวันกลับหัวบ้าง สนุก ๆ กันไป
อัลบั้มใต้ดินนี้ก่อกำเนิดชื่อค่ายเล่นๆ ว่า “ตาต้าเร็กคอร์ด“ (TATA Records) สารภาพว่า ผมจำไม่ได้แล้วว่าทำไมต้องเป็นตาต้า รู้แค่ว่าเป็นชื่อตัวเอง แต่เป็นเงินพี่สอง ! (ทำไมไม่เป็นชื่อตาสอง ?) หรืออาจจะเพราะอัดที่บ้านผมมั้ง (ต้องลองไปถามพี่สองจะแม่นกว่าผม)
เล่าแล้วพาออกปากอ่าวมาก ขอวกกลับเข้าประเด็นเรื่องคอนเสิร์ตก่อนนะครับ
ประเด็นที่จะเล่าก็คือ พี่สองมีความฝันมานานแล้ว เกี่ยวกับการมีคอนเสิร์ตใหญ่ของวง เรื่องนี้ผมรู้ดี เพราะอยู่ในเหตุการณ์ ย้อนไปช่วงเวลานั่งตัดแปะสติกเกอร์กันนั้น (ปี พ.ศ. 2540) ผมก็นึกจินตนาการไม่ออกเลยนะครับว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ในใจก็ยิ้มกรุ้มกริ่มคิดว่า “สองนี่มันบ้าจริง ๆ ทุ่มทุนสร้างมาก” แต่ก็เป็นเรื่องดีที่มีคนออกเงินทำอัลบั้มให้ (เดาว่าพี่สองก็อ้างทางบ้านเรื่องทำวิทยานิพนธ์นั่นแหละ อิอิ)
ย้อนกลับมาเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนหน้านี้ ผมจะได้ฟังพี่สองเล่าเรื่องโปรเจกต์คอนเสิร์ตใหญ่กรอกหูมาโดยตลอด ผมก็ได้แต่รับฟัง แล้วก็คิดในใจว่า “พี่สองเอาจริงหรือนี่ ?” การจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของวงได้นั้นมีปัจจัยมากมาย ทั้งผู้จัด ทั้งนายทุนต่าง ๆ นานา อีกทั้งส่วนตัวผมจะเป็นคนที่ค่อนข้างกลัวการเล่นคอนเสิร์ตใหญ่มาก (ไว้จะเล่าอธิบายแยกให้ฟังทีหลังนะครับ)
แต่ได้เห็นความมุ่งมั่น ไฟฝัน และความตั้งใจของพี่สองนั้นมันช่างแรงกล้าจริง ๆ ยิ่งใกล้จะครบ 10 ปีจากคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่แล้วเข้ามา ไฟยิ่งแรงโชติช่วงทวีคูณ ส่วนตัวผมนั้นแสนอิดออด แต่ครั้นจะไปขัดขืน ก็คงคล้ายเอานิ้วไปแหย่พัดลม ก็เลยทำตัวลีบ ๆ ไหลลื่นไปตามกระแส เอาไงก็เอากัน แต่ก็ยังมีคำถามในใจว่า
“มันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ ?”
ต้องอย่าลืมว่า วงเราไม่ได้มีกระแส หรือมีเพลงฮิตอะไรนะครับ เรามาแบบเรื่อย ๆ ปล่อยเพลงไปก็ไม่โดน แต่มีงานอยู่เรื่อย ๆ เพราะโชว์สนุก และอยู่ในระบบสังกัดแกรมมี่ ใครไม่ได้ตามก็จะไม่รู้ว่าวงมีผลงานต่อเนื่อง ถึงขั้นเคยขึ้นรถบริการแล้วคนขับชวนคุยด้วยความดีใจว่า
“เมื่อไหร่พวกพี่จะรียูเนียนกันอีกครับ ผมรออยู่ !” (ขณะนั้นผมกำลังนั่งรถไปเล่นที่ผับ !!)
นี่คือความจริง คล้ายช่วงเวลาที่นั่งตัดแปะปกแมลงวันเสปน ผมมีหน้าที่รับฟัง ไม่อยากไปพูดขัดให้เสียอารมณ์ พี่สองมีความจริงจังมากในการจะปักหมุดหมายให้กับวง เพื่อต่อยอดการทำงานเพลงของวงในอนาคต แต่สองครั้งแรก ค่าย Genie เป็นเจ้าภาพทำ แต่คราวนี้ไม่มีกระแสอะไรที่จะทำคอนเสิร์ตใหญ่ให้วง มีแค่พี่สองคนเดียวที่ยังมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งได้
1
แต่คราวนี้ต้องดิ้นรนกันเอง ซึ่งโปรเจกต์นี้มีการปรับเปลี่ยนหลายตลบมาก คิดถึงขนาดว่า ถ้าไม่มีใครจัด ก็จะจัดกันเอง จากคอนเสิร์ตใหญ่ เปลี่ยนเป็นแบบอะคูสติกไหม ? หรือจะติดต่อคนนั้นคนนี้ร่วมกันทำ คือ ทำอย่างไรก็ได้ ที่จะผลักดันให้มีคอนเสิร์ตใหญ่ครบรอบ 30 ปี ซึ่งมันยากมาก ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปแล้ว เศรษฐกิจซบเซา เพลงใหม่ก็ยังไม่มีกระแสอะไร โน่นนี่นั่น
ยังดีที่ค่ายGenie ก็ช่วยสนับสนุนอีกทาง
ผมสารภาพไปกับพี่สองว่า “ผมไม่พร้อม” พร้อมอธิบายเหตุผลมากมายร้อยแปด (เชื่อว่าคนรอบตัวคิดว่าผมวิตกจริต (ใช่ไหม ฮ่า ๆ))
พี่สองก็รับฟังอย่างเข้าใจ และพยายามหาทางปรับเปลี่ยนรูปแบบทุกวิถีทางเพื่อเอื้อให้กับผม ไม่ว่าจะหาแขกรับเชิญมาช่วยร้องเพลงยาก ๆ หาห้องพักส่วนตัวแยกให้ (มึง) ไปเลยต่างหาก กลัวแอร์นัก ให้เก็บตัวทำสมาธิอะไรก็ได้หมด ตามใจทุกอย่าง ห้องนอนก็ให้นอนเดี่ยว เพราะผมนอนไม่เปิดแอร์(ช่วยลดโลกร้อน!)
คำพูดที่ฟังกี่ทีก็อดยิ้มในใจไม่ได้
“เดี๋ยวจบงานนี้ กูจะปล่อยให้มึงพักแล้ว ให้มึงพักไปเลย 2 ปี !”
เป็นคำพูดติดปากแกมปลอบขวัญ แต่ตะหงิด ๆ ไอ้ตรง 2 ปีนี่แหละ ฮ่า ๆ
(คือช่วงนั้นผมโหมงานทำอัลบั้มมาอย่างหนักหน่วง สภาพอิดโรย เพิ่งเสร็จไปหมาด ๆ ยังไม่ทันได้พัก ก็ต้องมาลุยคอนเสิร์ตต่อเลย ค่อนข้างกรอบ)
เอาจริง ๆ ตอนนั้นผมรู้ตัวแล้วว่า ยังไงก็โดนแน่ มั่นใจว่าพี่สองเอาจริงแน่ ๆ คือ ยังไงก็คงต้องมีคอนเสิร์ตใหญ่ แค่สเกลขนาดจะใหญ่แค่ไหนเท่านั้นเอง ผมก็เอาไงเอากัน คือ เข้าใจเจตนาของพี่สองนั่นแหละครับ
เล่ามาให้เห็นความตั้งใจในเป้าหมาย และความยืดหยุ่นในวิธีการทำงาน ซึ่งเป็นความประทับใจลึก ๆ ในใจผมระหว่างช่วงเวลาเตรียมตัว โดยเฉพาะการพยายามหาวิธีแก้ปัญหาตามที่ผมโอดครวญ
และแล้วในที่สุดความฝันนั้นก็ได้เกิดขึ้นจริง !
เมื่อทีมป๋าเต็ดพร้อมยื่นมือเข้ามาสนับสนุน (ยังมีตัวละครสำคัญอีกหลายคนที่จะขอยกไปเขียนในตอนต่อไปนะครับ อย่าเพิ่งน้อยใจ)
พี่สองเป็นแกนหลักนำทีมทำด้วยตัวเองทั้งหมด ประสานกับทีมงานหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งเข้าประชุม วางแผน คิดปรับแก้โน่นนี่ทุกอย่าง เป็นตัวแทนวง ทั้งซ้อมเสร็จดึกดื่นก็ยังไปประชุมต่อ มาก่อนกลับทีหลัง ว่าอย่างนั้นเถอะ ส่วนผมนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด มีหน้าที่ท่องเนื้อ อย่าป่วย อย่าตาย แค่นั้นก็พอแล้ว อยากได้อะไรบอก พี่สองประเคนให้ ตามใจสุด ๆ
ความประทับใจอีกหนึ่งเหตุการณ์ คือ ช่วงหนึ่งเดือนที่เก็บตัวซ้อม ผมมีอาการป่วยออด ๆ แอด ๆ ซึ่งตารางซ้อมโหดมาก รันทรูแทบทุกวัน (ผมนี่แหละวางตารางเอง ฮ่า ๆ) ผมป่วยหนักมาจากการทัวร์ไม่ยอมฟื้น ปกติพี่สองแกจะชอบขับรถมาส่งผม ให้ส่งที่ไหนแกก็ไป ขับไปบ่นไป บ่นเรื่องโชว์ยังไม่ได้ดังใจโน่นนี่นั่นแบบขำ ๆ แต่ดูจริงจังอยู่เหมือนกัน มีอยู่วันหนึ่งช่วงที่ผมป่วยไม่ฟื้นเสียที ผมก็ออกอาการจะเป็นจะตาย ไข้ขึ้น ไม่หายเสียที พี่สองเมื่อได้ฟังก็บอกทันที
“พรุ่งนี้หยุดไปก่อนก็ได้ มึงจะได้พักด้วย เผื่อกูจะประชุมวางแผนด้วย เอาที่มึงไหว”
โอ้ … เหมือนเสียงสวรรค์ ผมได้หยุดพักอีกนิด จริง ๆ ไม่เกี่ยวกับการพักหรอก แต่รู้สึกประทับใจในความยืดหยุ่นของพี่สองในเหตุการณ์นี้มาก (และการอาสาขับรถไปส่งถึงบ้าน ฮ่า ๆ) (ก็ยังเชื่อว่าอ่านถึงตรงนี้เพื่อน ๆ รอบตัวน่าจะกำลังรุมด่าว่าที่ป่วยน่ะ มึงวิตกจริตไปเอง อิอิ)
ช่วงเก็บตัวซ้อมกัน พี่สองจะทำหน้าที่ทั้งเล่น และสลับกับการเดินออกมาบรีฟกับทีมงาน มีทั้งน้องตูน ผู้ดูแลคนสำคัญของทีมป๋าเต็ด และน้องข้น แห่งวง Bomb At Track หลานที่มาช่วยฟังเรียงเพลง พี่สองควบหลายตำแหน่ง และคราวนี้ลงมาเต็มตัว ดูเคร่งขรึม จริงจัง ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
จะสังเกตเห็นสมุดโน้ตจดร่างรายละเอียดยิบยับราวสมุดบันทึกลายแทงขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ! ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งการโชว์ลูกเล่นต่าง ๆ บนเวที แอบได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะตลอด ขำตรงที่ดูแกจะมีปัญหากับเพลง “บอลลูน” ที่หาที่ลงไม่ได้สักที (จนถึงวันโชว์) แกจะบ่นว่ากราฟตก (นึกว่าเล่นหุ้น!)
ผมไม่รู้ว่าการทำงานในทีมซัปพอร์ตเป็นอย่างไรนะครับ แต่เชื่อว่าพี่สองน่าจะเป็นคนกำหนดแนวทางทุกอย่าง (ไม่รู้มีใครนิ้วขาดไปบ้างไหมนะ อิอิ) ตั้งแต่ซ้อมจนถึงวันรันทรู สังเกตได้ว่าพี่สองยังครุ่นคิดกับทีมงานแบบกัดไม่ปล่อย คนในวงกลับไปหมดแล้ว แต่พี่สองยังอยู่และทำงานต่อ ถือว่าหนักหนาเลย เพราะทั้งเล่นทั้งคิด ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็คล้าย “ฉีเคอะ” ตัดเองกำกับเอง เหนื่อยเป็นสองเท่า
และแล้วคอนเสิร์ตก็เริ่มและจบลงอย่างงดงาม ภาพความประทับใจสุดตระการตา ผมหลับตาร้อง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่างที่มารวมตัวกัน เป็นพลังงานที่รวมเป็นหนึ่งเดียว รับรู้ได้ว่ามันพุ่งอัดเข้ามากระทบหัวใจ แผ่ซ่านผ่านตัวกระจายไปอยู่ในทุกอณูของฮอลล์ในวันนั้น
1
“คลื่นพลังงานความสุข”
ผมเผลอเปิดตาขึ้นมามองในช่วงเพลงสุดท้ายของโชว์วันสุดท้าย เพลง “อยู่ในใจ” เห็นภาพฝูงชนกระโดดกันกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น เกล็ดกระดาษแก้วปลิวระยิบระยับบินว่อนสุดตระการตา มันช่างงดงามในความทรงจำ เบื้องหน้าเห็นแผ่นหลังมือเบสที่กำลังเริงร่าแจกของให้คนดูอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แววตาพี่สองเปล่งประกายสะท้อนแสง อิ่มเอิบไปด้วยความสุขที่ล้นปรี่ ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฉากจบซึ้ง ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์วงดนตรีวงหนึ่ง
ผมไม่อยากจะเชื่อเลย
“พี่สองทำได้จริง ๆ”
ภาพตัดกลับมาในคืนที่นั่งตัดวงกลมกันมือหงิกมืองอ แปะสติกเกอร์แมลงวันบูด ๆ เบี้ยว ๆ
ฟังพี่สองโม้เรื่องคอนเสิร์ตโน่นนี่นั่น
ส่วนผมก็ก้มหน้าตัดกระดาษไปฟังไปแบบ งืม งืม
ถึงวันนี้ ก็ต้องขอบคุณความทุ่มเทของพี่สองที่มั่นคงและมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เกิดขึ้นได้จริง
ถ้ามีใครสักคนที่จะรักวง Paradox มาก ๆ บนโลกใบนี้
“ก็คงจะเป็นพี่สองนี่แหละครับ”
………………………
ต้า Paradox เขียน
ป.ล. ผมกำลังทยอยเขียนถึงบุคคลสำคัญ และทีมงานที่ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่กับงานนี้ ยังมีอีกหลายท่าน ได้โปรดอย่าเพิ่งน้อยใจนะครับ ขอเวลาสักนิด พอดีเพิ่งฟื้นจากป่วย ปวดตาจากการพิมพ์มากเลยตอนนี้
ขอขอบคุณเจ้าของรูปพี่สอง ด้วยครับ ขออภัยที่มิได้กล่าวนาม
โปรดติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม
ของพี่ต้า Paradox และ วง Paradox ได้ที่
💌 ส่งจดหมายคุยกันได้ทางอีเมล
Paradoxxxxxxxxxxx@gmail.com
📍 TikTok :
www.tiktok.com/@tatastudiothailand
📍 Youtube :
https://www.youtube.com/@sleepbytata
📍lnstagram :
https://instagram.com/tarparadoxs?igshid=YmMyMTA2M2Y=
📍 Facebook :
https://www.facebook.com/Tatastudiothailand
📍 Blockdit :
https://www.blockdit.com/tarparadox
📍lnstagram :
https://instagram.com/paradoxthailand?igshid=YmMyMTA2M2Y=
📍Facebook :
https://www.facebook.com/paradoxthailand
📍 Youtube :
https://youtube.com/@paradoxthai
เรื่องเล่า
บันเทิง
เพลง
บันทึก
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
รวบรวมเรื่องราว PARADOX อภินิห่านคอนเสิร์ต 30 ปีแสง แรงทะลุจักรวาล
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย