20 ก.ค. เวลา 12:59 • ปรัชญา

ฉันเคยเกลียดคนที่เเชร์เเนวคิดตัวเองลงโซเชียลมีเดีย

สมัยยังไม่มีโซเชียลมีเดีย พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในสังคมที่ดูคล้ายกันไปหมด ทำให้ฉันรู้สึกว่าคนรอบตัวมีความคิดความอ่านหรือตัวตนที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาในโลกตะวันออก ที่ผู้คนเน้นวางตัวให้กลมกลืนกับสังคม
แต่เมื่อโซเชียลมีเดียเริ่มแพร่หลาย ผู้คนก็แสดงออกอัตลักษณ์เฉพาะตนได้มากขึ้น เราจึงเริ่มพบเห็นความต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแนวคิดของปัจเจกในสมัยใหม่ เสมือนเดิมเราเคยมองรูปปั้นทหารจิ๋นซีฮ่องเต้จากไกล ๆ แล้วรู้สึกว่าหน้าตาเหมือนกัน แต่เมื่อใช้แว่นขยายตัวตนที่เรียกว่าโซเชียลมีเดียส่องดูแล้ว เรากลับพบเห็นรายละเอียดที่ทำให้รูปปั้นแต่ละตัวไม่เหมือนกันเลย
ประสบการณ์ชีวิตได้หล่อหลอมตัวตนเฉพาะของเราขึ้นมา ตัวตนที่ตามเราอยู่ทุกขณะของชีวิตเหมือนกับเงา ทุกสถานที่ที่เราเหยียบย่ำ ทุกผู้คนที่เราปฏิสัมพันธ์ ทุกสถานการณ์ที่เรามีส่วนร่วม จึงมีรอยเงาแห่งตัวตนของเราเปื้อนอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในโซเชียลมีเดีย
การเจอแนวคิดที่ขัดแย้งในโซเชียลจึงเหมือนตัวตนของฉันถูกผู้อื่นเหยียบย่ำ แต่หากพิจารณาให้ดี เป็นไปได้หรือไม่ว่า ทั้งแนวคิดที่ผู้อื่นและตัวเรายึดถืออาจเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ของภาพใหญ่ทั้งหมด
นั่นทำให้ฉันนึกถึงสมัยเรียนปี 2 คณะจิตวิทยา อาจารย์หยิบคำถามวิจัยมาทำนองว่า การเสพสื่อที่มีเนื้อหารุนแรงทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้นหรือไม่ ฉันตอบในใจล่วงหน้าว่าต้องใช่แน่นอน และฟันธงด้วยว่าเป็นปัจจัยหลักเดียว แม้ผลวิจัยนั้นจะยืนยันว่าใช่ แต่การเสพเนื้อหารุนแรงกลับเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งจากอีกหลายปัจจัยของการใช้ความรุนแรงในเด็ก เช่น พันธุกรรม เพื่อนฝูง การตีความสถานการณ์ ฯลฯ แถมยังส่งผลกับเด็กแต่ละคนไม่เท่ากันอีกด้วย
ตัวอย่างนี้ยิ่งตอกย้ำว่า เราเห็นความจริงเพียงไม่กี่ด้านเท่านั้นจากทั้งหมด
ทว่าอีกหลายด้านกลับถูกกลบฝังด้วยอคติหรือความไม่รู้ของเรา หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของความจริงที่เรามองเห็น เศษเสี้ยวที่เราพกติดตัวไปทั้งชีวิตและใช้ปลายแหลมสังหารผู้คิดต่าง อีกทั้งปลายแหลมนี้ยังถูกใช้ลากเส้นตีกรอบตายตัวให้กับชีวิตเราเอง เราจึงเดินอยู่บนโลกที่ถูกขีดขึ้นจากมุมมองอันคับแคบของตนเอง ในโลกที่ขีดขึ้นเองนี้ บ้างอาจวางตนเป็นผู้สูงส่งที่มีนิสัยหยิ่งยโส บ้างเป็นผู้ด้อยที่เหนียมอายไม่กล้าออกนอกกรอบ โดยอาจไม่เคยเฉลียวมองโลกความจริงอันไพศาลด้านที่เหลืออีกเลยทั้งชีวิต
1
ดังนั้นเราควรเหลือพื้นที่ไว้สำหรับความจริงอีกด้านที่ไม่เคยถูกสำรวจหรือครอบด้วยอคติของเราอยู่เสมอ ยอมรับถึงความต่างของปัจเจกและรับฟังอย่างเปิดใจ เราอาจไม่ต้องเห็นด้วย แต่ควรพึงระวังใจที่ต่อต้าน ด้อยค่า หรือปักใจเชื่อและยกยอผู้อื่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เช่นเดียวกับแนวคิดที่กำลังถ่ายทอดในตอนนี้ ฉันไม่อาจยึดถือมันไว้ได้ ด้วยว่ามันอาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริง ทว่าก็เป็นเศษเสี้ยวอันล้ำค่าที่ฉันอยากบันทึกไว้ในพื้นที่เล็ก ๆ ก่อนจะเลือนหาย หากผู้คนที่ผ่านมาได้อ่านและพากันแลกเปลี่ยนความจริงอีกด้านที่ฉันไม่เคยมองเห็น
ฉันคงจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
-Just Write
โฆษณา