26 ก.ค. เวลา 01:57 • ข่าวรอบโลก
กัมพูชา

การยิงปะทะกันรอบนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศอย่างไรในอนาคต?

สถานการณ์จะเป็นอย่างไร? เมื่อความขัดแย้งทางชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาได้เกิดความรุนแรงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ
ทั้งสองประเทศได้สู้รบกันในพื้นที่ชายแดนเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน ทั้งสองฝ่ายได้ใช้ทั้งเครื่องบิน ปืนใหญ่ และจรวด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ปัจจัยโดยตรงที่ทำให้เกิดความขัดแย้งนี้ก็คือ ระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับเหตุการณ์ "คลิปโทรศัพท์" ก่อนหน้านี้
เหตุการณ์นี้ทำให้ไทยและกัมพูชา
ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกันอยู่แล้วในเรื่องดินแดน เกือบเข้าสู่สงครามอีกครั้ง
1
หลังเกิดความขัดแย้ง ประชาคมระหว่างประเทศแสดงความกังวลอย่างยิ่ง
และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติความขัดแย้งและแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจา
สื่อต่างประเทศรายงานว่า
ตามคำขอของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
จะจัดการประชุมฉุกเฉินในเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 25
เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย
นี่ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ
และทิศทางของความขัดแย้งจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง
โดยในระดับการทูต กัมพูชาได้ยื่นคำร้องขอข้อพิพาทอธิปไตยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และอาจเรียกร้องให้สหประชาชาติหรืออาเซียนเข้ามาแทรกแซงเพิ่มเติม
และในระดับการทหาร การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ในระดับการเมืองภายในประเทศ
เป็นที่สังเกตุว่าวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนานเกือบๆสามเดือนนี้
ทำให้รัฐบาลรักษาการจำเป็นต้องเบี่ยงเบนความขัดแย้งอย่างเร่งด่วนและเลือกที่จะใช้ความรุนแรงกับกัมพูชาหรือไม่?
หลังจากเหตุการณ์ "คลิปโทรศัพท์" การเผชิญหน้าในที่สาธารณะระหว่างสองตระกูลการเมืองใหญ่ของทักษิณและฮุนเซน
ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน
จนเป็นเรื่องยากที่ทั้งไทยและกัมพูชาจะยอมประนีประนอมกันในประเด็นชายแดนได้อย่างง่ายดาย
และปัจจุบัน ความตึงเครียดบริเวณชายแดนส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าข้ามพรมแดนและวิถีชีวิตของประชาชน
การปิดด่านชายแดนของไทยเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของกัมพูชา และราคาสินค้าเกษตรในจังหวัดทางภาคตะวันออกของไทยที่สูงขึ้น
แรงกดดันทางเศรษฐกิจนี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการยับยั้งไม่ให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงได้มากขึ้น
นักวิเคราะห์บางคนชี้ให้เห็นว่าสงครามข้อมูลระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เพราะก่อนที่จะเกิดการปะทะกันด้วยกระสุนจริง และการเผชิญหน้าของความคิดเห็นสาธารณะกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ทิศทางของสถานการณ์ในอนาคตจึงอาจจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศของทั้งสองฝ่าย
รวมถึงวิธีการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และระดับการแทรกแซงของประชาคมระหว่างประเทศอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ดึงความสนใจของสาธารณชนกลับเข้าสู่ “ประเด็นหลัก” จากสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งไทยและกัมพูชาไม่มีเจตนาที่จะขยายขอบเขตของสงคราม และไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะยกระดับความรุนแรงของสงคราม
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชารอบนี้จะต้องกลับเข้าสู่การเจรจาในที่สุด
เพราะ ไม่ว่าจะใช้กำลังมากเพียงใด ก็ไม่สามารถรับประกันการแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม
สำหรับประเทศไทยเรา ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศในปัจจุบันคือประเด็นหลัก
การที่ แพทองธาร และพรรคเพื่อไทยจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ จะส่งผลอย่างมากต่อแนวโน้มของความขัดแย้งรอบนี้
สำหรับกัมพูชา ซึ่งประสบความสำเร็จในการยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อตัดสินคดีความเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ปราสาทพระวิหาร
อาจยังคงแสวงหาคำพิพากษา(ที่ไม่เป็นธรรม)จากสหประชาชาติและศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต่อไป
โดยทั่วไปแล้วต่างเชื่อกันว่า อาเซียนเองก็สามารถมีบทบาทได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการไกล่เกลี่ยของมาเลเซีย (ซึ่งเป็นประธานอาเซียนแบบหมุนเวียน)
เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีช่องว่างในการประสานงาน มีรายงานว่านายกรัฐมนตรีอันวาร์ของมาเลเซียกล่าวว่า
เขาได้หารือกับผู้นำของทั้งสองประเทศเมื่อวันที่ 24 กันยายน
และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจและพยายามเจรจาต่อกัน...
โฆษณา