26 ก.ค. เวลา 14:10 • ข่าวรอบโลก
กัมพูชา

เพราะความแค้นทั้งเก่าและใหม่ ในที่สุดไทยและกัมพูชาก็แตกแยก แล้วต่อไปจะจบลงอย่างไร?

F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ปฏิบัติการรอบสอง วางไข่บริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดง จังหวัดสุรินทร์ในวันนี้.
1
จากข่าวทั้งสองประเทศได้สู้รบกันในพื้นที่ชายแดนเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ทั้งสองฝ่ายได้ใช้ปืนใหญ่ และจรวด โต้ตอบกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความขัดแย้งนี้คือระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
1
ประกอบกับเหตุการณ์ "คลิปโทรศัพท์" ก่อนหน้านี้
เหตุการณ์นี้ทำให้ไทยและกัมพูชา ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกันอยู่แล้วในเรื่องดินแดน เกือบเข้าสู่สงครามอีกครั้ง
วันที่ 25 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น ไทยและกัมพูชายิงปืนโต้ตอบกันอีกครั้งที่บริเวณชายแดน โดยได้ยินเสียงปืนใหญ่ในเวลา 02.00 น., 03.00 น. และ 05.00 น. ของวันนั้น
เช้าวันที่ 24 กัมพูชาและไทยยิงปืนกันในพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ
และทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
2
11.50960120886653, 104.60551475365126
กองทัพไทยระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันในหลายพื้นที่ และฝ่ายไทยได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ทำลายฐานทัพของกัมพูชาสองแห่ง
เมื่อวันที่ 24 กันยายน หลังจากเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(ไทย)เกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้นำในการยิงและใช้อาวุธหนักโจมตีฝ่ายไทย
เธอย้ำว่าฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในหลักการของการแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาอย่างสันติ แต่จะปกป้องอธิปไตยของชาติด้วย
ต่อมา กระทรวงมหาดไทยได้สั่งอพยพคนไทยในพื้นที่ชายแดนที่เกิดเหตุไปยังพื้นที่ปลอดภัย
กระทรวงสาธารณสุขของไทยกล่าวเมื่อวันที่ 24 กันยายนว่า ความขัดแย้งในวันนั้นทำให้มีคนไทยเสียชีวิต 14 คน เป็นพลเรือน 13 คน และทหาร 1 นาย
โฆษกกองทัพบกไทยกล่าวเมื่อวันที่ 24 ว่า ไทยกำลังใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของกฎบัตรสหประชาชาติ
และการตอบโต้ของไทยจำกัดอยู่เพียงการทำลายเป้าหมายทางทหารของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
2
ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าการกระทำของไทยจะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าใด แต่หวังว่าความขัดแย้งจะยุติลงโดยเร็วที่สุด
อนึ่งเขาเรียกร้องให้เริ่มการเจรจาทางการทูตโดยเร็วที่สุดเพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้ง
ในวันเดียวกัน โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวเสี้ยมว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
และกองทัพกัมพูชาถูกบังคับให้เปิดฉากโจมตีตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองและสามารถขับไล่กองทัพไทยได้สำเร็จ
โฆษกกล่าวว่า การโจมตีที่กองทัพไทยเปิดฉากในวันนั้นไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ฐานทัพของกัมพูชา แต่เป็นการโจมตีโดยเจตนาต่อพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือน ถถถถถถ.
ซึ่งทำให้ประชาชนบริเวณชายแดนบางส่วนต้องอพยพ
ยังไม่พอ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวหาฝ่ายไทยว่าละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียนอย่างร้ายแรง
#Save Thailand 🇹🇭 #CambodiaOpeniedFireFirst #CambodiaAttackingHospital #CambodiaAttackSchool
และย้ำว่ากองทัพกัมพูชาให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองมาโดยตลอด และจะปกป้องอธิปไตยของชาติกัมพูชาอย่างมั่นคง
ความขัดแย้งครั้งนี้ถือเป็นความขัดแย้งชายแดนที่รุนแรงที่สุดระหว่างไทยและกัมพูชาในรอบกว่า 10 ปี
แต่พูดตรงๆ ก็คือ ความขัดแย้งนี้ถูกคาดการณ์ไว้นานแล้ว
1
เพราะการพัฒนาของสถานการณ์แบบนี้ ย่อมนำไปสู่การยิงกันโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างสองประเทศ
และอาจถึงขั้นเกิดสงครามเล็กๆ ได้
สาเหตุโดยตรงของความขัดแย้งทางทหารครั้งนี้สามารถสืบย้อนกลับไปถึงเหตุระเบิดกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา
วันนั้น ทหารไทย 3 นาย เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ขาขวาของทหารนายหนึ่งขาด
1
ภายหลังการสอบสวน กองทัพไทยกล่าวหากัมพูชาว่าวางทุ่นระเบิดใหม่กว่า 100 ลูกบนดินแดนไทย
ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดออตตาวา
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีรักษาการของไทยได้ประกาศมาตรการเข้มงวด อันได้แก่
ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา
เรียกเอกอัครราชทูตประจำกัมพูชากลับประเทศ
ขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศไทย
และปิดท่าเรือและจุดตรวจชายแดนทั้งหมด
กัมพูชาระบุแย้งว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เป็นเศษซากจากสงคราม ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่เพิ่งวางขึ้นใหม่
โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวตู่ว่าเป็นเพราะกองทัพไทยได้เบี่ยงเบนออกจากเส้นทางลาดตระเวนที่กำหนดไว้
และได้รุกล้ำเข้าไปในดินแดนอธิปไตยของกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนำไปสู่การเสียหายจากทุ่นระเบิดเหล่านี้
ต่อมากระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ประกาศใช้มาตรการตอบโต้ซึ่งกันและกัน
โดยลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศลงเหลือเพียงระดับต่ำสุดของอุปทูต
และเรียกนักการทูตที่ประจำอยู่ในกรุงเทพฯ กลับมา
นั่น คือ ความแค้นใหม่และเก่าใน ข้อพิพาทเรื่องพรมแดนและอาณาเขต และถือเป็นบาดแผลที่ไม่อาจรักษาได้ในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
ประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดคือความเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหารอายุนับพันปี
หลังจากที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ปราสาทแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ทั้งไทยและกัมพูชาจึงต่างยกย่องปราสาทแห่งนี้ให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำชาติ
ในปี พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าอำนาจอธิปไตยของพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา
แต่รัฐบาลไทยปฏิเสธที่จะยอมรับ
ในปี พ.ศ. 2543 ทั้งสองประเทศได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยเขตแดน
โดยตกลงที่จะแก้ไขข้อพิพาทโดยการกำหนดเขตแดนร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติกลับถูกขัดขวางโดยนโยบายชาตินิยมอยู่บ่อยครั้ง
ในปี พ.ศ. 2554 กองทัพทั้งสองได้ยิงปะทะกันหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20 ราย
กัมพูชาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกครั้ง ศาลได้ยืนยันคำตัดสินเดิมในปี พ.ศ. 2556 แต่ไทยยังคงปฏิเสธ
สงครามหลายปีนี้จึงได้ทิ้งทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดจำนวนมากไว้ในกัมพูชา
ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไปในทุ่งนา คูน้ำ ป่าไม้ และแม้แต่ในมหาวิทยาลัย
ตาม สถิติจากหน่วยงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดแสดงให้เห็นว่านับตั้งแต่ พ.ศ. 2522 เป็นต้นมา
จำนวนทุ่นระเบิดที่เหลืออยู่ในกัมพูชาได้ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตมามากกว่า 65,000 ราย
1
ส่วนอธิปไตยเหนือดินแดนก็ถือเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่สุด และไม่มีฝ่ายใดกล้าประนีประนอมกันได้ง่ายๆ
การยิงปะทะกันและระเบิดทุ่นระเบิดเกิดขึ้นในพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ใกล้วัดธมนทอง
ซึ่งเป็นจุดที่กองทัพกัมพูชาเปิดฉากยิง
ซึ่งถูกกล่าวถึงในรายงานของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 24 ก็เป็นประเด็นข้อพิพาทชายแดนระหว่างสองประเทศมาเป็นเวลานาน
ทั้งสองประเทศได้ต่อสู้กันทั้งในทางการทูตและการทหารเพื่อแย่งชิงอำนาจอธิปไตยของปราสาทเขาพระวิหารและดินแดนโดยรอบมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้
หากจะพูดถึงสาเหตุที่สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาบานปลาย
1
เหตุการณ์ที่ไม่อาจไม่เอ่ย เช่น “คลิปเสียงอันโด่งดัง” ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน บันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น แพทองธาร กับประธานวุฒิสภากัมพูชา ฮุน เซน
เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกเปิดเผย
ก่อให้เกิดข้อถกเถียงในประเทศไทย
ต่อมาในวันที่ 1 กรกฎาคม แพทองธารถูกระงับการปฏิบ้ติงาน ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาในวันที่ 23 กรกฎาคม แพทองธาร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ว่า
ระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาจะถูกลดระดับลง เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และขับเอกอัครราชทูตกัมพูชาออกจากประเทศ
อาจกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ "คลิปเสียง" ไม่เพียงแต่เป็นการระเบิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อ แพทองธาร ในเวทีการเมืองไทยเท่านั้น
1
แต่ยังเป็นกระแสความขัดแย้งเรื่องพรมแดนที่ยืดเยื้อมานาน และยังทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นอีกด้วย
หลังจากเหตุการณ์ "คลิปเสียง" ทั้งสองฝ่ายต่างเก็บงำความโกรธไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย
การที่เกมการแข่งขันระหว่างสองฝ่ายยังคงตึงเครียดและการขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระดับสูง
จึงนำไปสู่ความล้มเหลวในการลดทอนความขัดแย้ง
การยิงปะทะกันรอบนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศอย่างไร? และสถานการณ์จะเป็นอย่างไรในอนาคต?
1
เข้ามาพูดคุยกันในช่องแสดงความคิดเห็นได้นะครับ!
โฆษณา