28 ก.ค. เวลา 13:11 • ข่าวรอบโลก
กัมพูชา

ชื่นจัยยยย.... ไทยกับกัมพูชา บรรลุข้อตกลงหยุดยิงวันนี้

กัมพูชายัดเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าคนรวยและทรงอำนาจ แล้วจะสู้สงครามได้อย่างไร?
ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ใช่ความผิดของใคร ฮุนเซนกำลังก่อเรื่องวุ่นวาย ทำให้มุกนี้....กัมพูชาต้องตกอยู่ในอันตราย!!!
2
ผู้บัญชาการกองพลที่ 7 แห่งกองทัพกัมพูชาเสียชีวิตในการรบ แม้จะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศหงฉี 12 ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเครื่องบิน F-16 ของเราได้
และในไม่ช้ากัมพูชาก็ต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ.....แต่ดีหน่อยที่ผลการเจรจาในมาเลเซียที่สามารถตกลงกันได้โดยให้ทั้ง ไทยและกัมพูชา บรรลุข้อตกลงหยุดยิง
และทั้งหมดจะเริ่มในเที่ยงคืนวันนี้....
โดยข้อความที่ผมได้รับมาจากที่ประชุมที่มาเลย์ ซึ่งทางด้าน ฮุนมาเน็ดได้กล่าวว่า
The efforts and participation in this process are aimed at achieving success in the mentioned negotiations today. We would like to thank the Prime Minister for his significant role in leading the agreement towards the implementation of the peace process starting tonight at 7:00 PM onwards.
กล่าวคือ เขาขอบคุณรักษาการนายกรัฐมนตรีในการนำข้อตกลงไปสู่การบังคับใช้กระบวนการสันติภาพ ซึ่งจะเริ่มต้นคืนนี้ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
There is also potential for further negotiations with representatives from Southeast Asia, led by the President of the ASEAN countries, which has gained approval from the Ministry of Foreign Affairs of various nations. We will hold another joint meeting, in which the Ministry will fully support it.
นอกจากนี้ จะมีการเจรจาเพิ่มเติมกับผู้แทนจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้ง นำโดยประธานาธิบดีประเทศสมาชิกอาเซียน แล้วเรา(กัมพูชา)จะจัดการประชุมร่วมอีกครั้ง
I am confident that this direction will provide choices and hope for hundreds of thousands of people who have waited a long time, to begin building a new future with hope and determination.
โดยจะมอบทางเลือกและความหวังให้กับผู้คนนับแสนที่รอคอยมาเป็นเวลานาน เพื่อเริ่มสร้างอนาคตใหม่ด้วยความหวังและความมุ่งมั่น
Thank you once again.
อันนี้ เขาขอบคุณแค่ครั้งเดียวนะครับ ไม่ใช่ 3 ครั้ง.
2
แต่จากรายงานล่าสุด ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
กองกำลังเฉพาะกิจภาคตะวันออกของกองกำลังยานเกราะแห่งภาคทหารที่ 1 ของไทย ก็ได้รุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และได้เข้าสู่ "ตลาดชายแดนมิตรภาพ" ณ ด่านชายแดนจังหวัดสระแก้ว ชายแดนกัมพูชา-ไทย
การกระทำในช่วงนี้เปรียบเสมือนคมมีดที่แทงทะลุแนวป้องกันชายแดนของกัมพูชา ยุทโธปกรณ์ที่กองทัพไทยนำมาในครั้งนี้ล้วนหรูหรา หมาเห่า มากขอบอก.
1
ทั้ง รถถัง M60A3 ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา รถถังหลักรุ่นสอง (MBT) นี้ที่ได้รับการกำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการในชื่อ Full Tracked /Tank/Combat
และรถหุ้มเกราะ Type 85 เป็นยานเกราะต่อสู้แบบมีรางที่ผลิตโดยบริษัท Norinco ผลิตในประเทศจีน เป็นรุ่นปรับปรุงของผู้ให้บริการบุคลากรหุ้มเกราะ
พัฒนามาจาก Type 63 เป็นยานพาหนะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีพอร์ตการยิงและกล้องปริทรรศน์เพิ่มเติม แชสซีที่ยาวขึ้นพร้อมล้อถนนเพิ่มเติมในแต่ละด้าน และติดตั้งระบบป้องกัน NBC
แต่ด้วยเนื้องาน ผมจึงไม่สามารถลงรูปขณะปฏิบัติการได้จึงขออภัยเพื่อนๆมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
1
ทั้งหมด..กำลังทำงานร่วมกันเพื่อขับไล่กองกำลังกัมพูชาออกจากพื้นทั้งสี่แห่งในจังหวัดสระแก้ว
และ ในการรบแบบตั้งรับ ไทยเราก็ประสบความสำเร็จในการควบคุมพื้นสี่แห่งในอำเภอตาพระยาและโคกสูง จ.สระแก้ว เรียบร้อยโรงเรียนไทยไปแล้ว
1
และเป็นที่สังเกตุว่าในทุกครั้ง กองทัพกัมพูชากลับได้เผยให้เห็นจุดอ่อนของกองทัพออกมาอย่างชัดเจน
กองทัพไทยกำลังวางกำลังพลอย่างเป็นระบบและยึดตำแหน่งตามแนวชายแดนทั้งหมดที่เป็นความรับผิดชอบ
รถลำเลียงพลหุ้มเกราะขับเคลื่อนแปดล้อ BTR-3E1 ที่เป็นรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ และรถบังคับบัญชา BTR-3KSh รถรุ่นใหม่ในตระกูลยานเกราะล้อยางของ BTR-3 ที่ติดตั้งระบบบัญชาการและควบคุมการรบอัตโนมัติ
ที่ผสมผสนามการส่งข้อมูลด้วยการสื่อสาร Digital ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งหน่วยสำคัญๆ โดยมันผลิตในยูเครนและยังคงส่งออกไปเสริมกำลังแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการรบของกองทัพไทย ในความขัดแย้งอันดุเดือดนี้
จากการรบ พลตรีดอน ทรงยาง ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ของกัมพูชา เสียชีวิตในสนามรบ
มีรายงานว่าเขาเสียชีวิตในยุทธการที่กองทัพอากาศไทยโจมตีกองบัญชาการแนวหน้าของกัมพูชา
แน่นอนว่าข่าวนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกองทัพกัมพูชาอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เพียงแต่ทำให้กำลังบังคับบัญชาของกองทัพกัมพูชาอ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของกองทัพในระดับหนึ่งด้วย
ปฏิบัติการของกองทัพไทยในครั้งนี้รวดเร็วและทรงพลังเกินกว่าที่คาดไว้มาก
จากความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ บัดนี้ได้พัฒนากลายเป็นการเผชิญหน้าทางทหารที่ดุเดือด ซึ่งทั้งหมดมีปัจจัยจาก
ด้วยช่องว่างทางยุทโธปกรณ์อันมหาศาล ตอนนี้ ข้อได้เปรียบด้านยานเกราะและกองทัพอากาศของกองทัพไทยได้รับการพิสูจน์อย่างเต็มที่
ทางด้านยุทโธปกรณ์ของกองทัพภาคพื้นดินของไทย อาจเรียกได้ว่าเป็น "ยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ" แต่กลับแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
2
รถถัง M60A1, M60A3, M-48A5, รถถัง T-84 Bastion ของยูเครน รวมถึงยานเกราะลำเลียงพลที่ผลิตในยูเครน
และยานเกราะลำเลียงพล Type 85 ของประเทศจีน ล้วนปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนด้านกำลังพลจากปืนใหญ่ลากจูงขนาด 155 มม. M198 ของอเมริกา
และปืนใหญ่ลากจูงขนาด 155 มม. M758 ATMG ของอิสราเอล
กองทัพบกไทยกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำลายแนวป้องกันชายแดนที่มีทหารกัมพูชา 12,000 นายที่คอยคุ้มกันด้วยโล่มนุษย์ที่จัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี
1
ในทางกลับกัน กองทัพบกกัมพูชาค่อนข้างล้าหลังในด้านยุทโธปกรณ์ ด้วยรถถัง T-54, T-55 และ 59D ทำให้การเผชิญหน้าอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องยาก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังยานเกราะขั้นสูงของไทย
1
ช่องว่างด้านอุปกรณ์ที่ใหญ่โตนี้ทำให้กองทัพกัมพูชาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้การควบคุมในสนามรบ
ในด้านกำลังทางอากาศ กองทัพอากาศไทยมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเครื่องบินรบ F-16AB มากกว่า 50 ลำ และเครื่องบินรบ JAS-39 Gripen อีก 12 ลำ
ทำให้กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของกัมพูชา ถูกจำกัดขอบเขตอย่างถึงที่สุด นอกจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศสำหรับทหารเดี่ยวแบบทหารกองหน้า (Avant-garde) แล้ว
ไม่น้อยหน้าเขามีเราก็มี ด้วยระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ KS-1C ซึ่งเป็นรุ่นส่ง(ยิง)ออกของขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ Hongqi 12
ระบบนี้ประกอบด้วยเรดาร์ควบคุมการยิง SJ-231 หนึ่งชุด เรดาร์เตือนภัยล่วงหน้า 408E หนึ่งชุด
แท่นยิงขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแบบ 2 หน่วย จำนวน 6 ชุด ยานพาหนะขนส่งกระสุน และยานพาหนะบังคับบัญชาจำนวน 6 คัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ KS-1C จะมีพิสัยการยิงสูงสุด 50-70 กิโลเมตร
แต่จำนวนแท่นยิงขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศมีน้อยเกินไป นั่นคือ มีเพียง 6 แท่น
ทำให้การต่อสู้กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศไทยกว่า 60 ลำเป็นเรื่องยาก และครอบคลุมพื้นที่แนวรบยาวทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยอำนาจทางอากาศที่แข็งแกร่ง กองทัพอากาศไทยจึงสามารถควบคุมอำนาจทางอากาศในสนามรบได้เกือบทั้งหมด
1
พวกเขาได้ปล่อย "ระเบิดนำวิถีด้วยเครื่องร่อน GPS ของเกาหลีใต้" ของบริษัท LIG Nex1 ของเกาหลีใต้
ซึ่งมีพิสัยการโจมตี 100 กิโลเมตร เพื่อโจมตีนอกเขตป้องกัน ทำให้ปืนใหญ่จรวดและกำลังพลภาคสนามของกัมพูชาไม่กล้าที่จะรวมตัวกันเป็นวงกว้าง
พวกเขาทำได้เพียงต่อสู้และซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่กระจัดกระจาย
ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อขีดความสามารถในการรบของกองทัพกัมพูชา นอกจากปืนใหญ่จรวดแล้ว
กองทัพกัมพูชายังขาดแคลนอาวุธที่สามารถคุกคามกำลังพลของไทยได้
โดยทั่วไปแล้ว กองทัพไทยอยู่ในภาวะทิ้งระเบิดแบบค่อยเป็นค่อยไป และนี่เป็นการยากที่จะตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภัยคุกคามทางทะเลก็ทวีความรุนแรงขึ้น ความแข็งแกร่งของกองทัพเรือไทยและกัมพูชาแตกต่างกันอย่างมาก
กองทัพเรือไทยได้ส่งเรือรบ 8 ลำเข้าประจำการในน่านน้ำชายฝั่งจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา
ก่อให้เกิดภัยคุกคามทางทะเลรอบใหม่ต่อกัมพูชา
นั่นคือ กองทัพเรือไทยมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบินเบา 1 ลำ เรือยกพลขึ้นบกที่สร้างในประเทศจีน 1 ลำ
และเรือฟริเกต 11 ลำ เรือที่ทันสมัยเหล่านี้มีขีดความสามารถในการรบและการป้องปรามเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง
ส่วนความแข็งแกร่งของกองทัพเรือกัมพูชาค่อนข้างอ่อนแอ โดยมีเรือตอร์ปิโดและเรือลาดตระเวนสมัยโซเวียตเพียง 10 ลำ และเรือฟริเกตเบา 056 ที่สร้างในประเทศจีน 1 ลำ(ที่เพิ่งได้รับการฝึกฝน)
1
ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงของกองทัพเรือไทย กองทัพเรือกัมพูชาต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการป้องกันทางทะเลอย่างฉ่ำๆ
เอาล่ะมามองจากมุมมองทางประวัติศาสตร์กันบ้าง
กัมพูชาแทบจะไม่เคยชนะในความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา แม้แต่ในยุคเขมรแดง ซึ่งเป็นยุคที่กัมพูชา "แข็งแกร่ง" ที่สุด กองทัพของพลพตก็ไม่สามารถเอาชนะกองทัพไทยได้ โดยรวมแล้ว กองทัพไทยมีข้อได้เปรียบเหนือกัมพูชาที่ยังด้อยพัฒนา
ไม่ว่าจะเป็นในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ประสิทธิภาพการรบ หรือความแข็งแกร่งของกองทัพอากาศ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา