26 ก.ค. เวลา 16:23 • ปรัชญา

"พระถังซัมจั๋ง" ทำยังไงถึงสยบสีกาได้?

เผยคาถาลับที่ "พระถังซัมจั๋ง"
ใช้สยบสีกา นารี ปีศาจมากมาย
ที่เข้ามายั่วยุราคะ แต่ไร้ผลทุกรายไป
.
.
.
.
.
✅ 1. แรงศรัทธาอันแรงกล้าในการแสวงหาพระธรรม
- พระถังซัมจั๋งมีจุดมุ่งหมายชัดเจน: เดินทางไปชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกกลับมาโปรดแผ่นดินจีน
เป้าหมายนี้ยิ่งใหญ่กว่าความสุขส่วนตัวหรือกิเลสใด ๆ ใจของพระถังจึง แน่วแน่เป็นสมาธิ ไม่ไขว้เขวแม้ต้องผ่านนรกบนดินหรือสวรรค์ลวงตา
---
✅ 2. ความบริสุทธิ์ในศีลาจารวัตร
- พระถังถือพรหมจรรย์เคร่งครัด ทั้งทางกาย วาจา ใจ ไม่ใช่แค่ไม่ตอบสนอง แต่ยัง ไม่เปิดช่อง ให้ราคะเข้าแทรก เช่น ไม่จ้อง ไม่ต่อปากต่อคำ ไม่โต้ตอบสัมผัสทางกาย
การยึดศีลคือเกราะสำคัญ ทำให้ "สิ่งยั่วยุ" ไม่สามารถกระตุ้นเขาได้เลย
---
✅ 3. ปัญญาเห็นแจ้งว่าสรรพสิ่งคือของไม่เที่ยง
- พระถังรู้ดีว่า "รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส" คือของหลอก แม้หญิงงามจะสวยแค่ไหนก็ตาม เพราะในสายตาของเขา สีกางาม = ปีศาจแปลงกาย หรือไม่ก็อุปสรรคในการเดินทางสู่ชมพูทวีป เพื่อบรรลุเป้าหมาย โปรดโลกนี้ด้วยธรรมะอย่างแท้จริง
เมื่อเข้าใจความ "ไม่เที่ยง" และ "ไม่ใช่ของเรา" อย่างแท้จริง ย่อมไม่หลงใหลหรือยึดมั่น
---
✅ 4. พระถังคือตัวแทน "ใจกลางของธรรม"
ในเชิงเปรียบเปรย พระถัง = จิตเดิมแท้, เห้งเจีย = จิตคิดฟุ้ง, ตือโป๊ยก่าย = ตัณหา, ซัวเจ๋ง = ความโง่เขลา
หาก "จิตเดิมแท้" บริสุทธิ์มั่นคง ก็จะนำพาจิตอื่น ๆ พ้นภัยจนถึงโพ้นฝั่งธรรม
พระถังจึงต้อง "นิ่ง" ให้ถึงที่สุด เป็นเสาหลักของคณะ
---
✅ 5. ทุกสิ่งคือบททดสอบจากฟ้า
พระถังรู้ว่าหลายครั้งเทพหรือพระโพธิสัตว์จำแลงมาเพื่อทดสอบจิตใจ
เขาจึงไม่ตอบสนองต่อการยั่วยุใด ๆ เพราะเชื่อว่า ทุกสิ่งคือมายา ที่ต้องฝ่าผ่าน
การ "ไม่หวั่นไหว" คือการผ่านบททดสอบขั้นสูง
---
✅ 6. อดีตชาติก่อกรรมมา จึงต้องใช้ปัจจุบันชดใช้
พระถังในชาติปางก่อนเคยเป็น "ทองเซินจื้อ" มีความสัมพันธ์รักกับหญิงสาวสวรรค์ (เรื่องนี้อยู่ในฉบับดัดแปลง)
เมื่อชาตินี้ต้องเกิดเป็นภิกษุ พระถังรู้ดีว่าความใกล้ชิดกับสตรีจะนำไปสู่บ่วงกรรมซ้ำ
จึงระวังตัวขั้นสูงสุด เพราะทุกสัมผัสอาจนำพาไปสู่วัฏสงสารใหม่
---
✅ 7. ความเมตตาเหนือราคะ
แม้พระถังจะถูกกอด จูบ หรือสัมผัส เขาไม่ได้ "ผลักไส" ด้วยโทสะ แต่ "ไม่ตอบสนอง" ด้วยเมตตา
เขาเข้าใจว่า ผู้หญิงเหล่านี้อาจเป็นแค่ปีศาจที่หลงผิด ไม่ใช่ศัตรูที่ต้องเกลียด "เมตตา" จึงเป็นไฟเย็นดับราคะในตนโดยไม่เผาผู้อื่น
🔎 บทสรุปเชิงปรัชญา:
- "เพราะพระถังคือผู้ไม่ต้าน แต่ก็ไม่รับ เพราะรู้ว่าความลวงที่สวยงาม คือของชั่วคราวที่รั้งให้ไกลจากนิพพาน"
นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ พระถังซัมจั๋ง ไม่ใช่แค่ ภิกษุผู้แสวงบุญ แต่คือ “พระโพธิสัตว์ในรูปมนุษย์” ที่พัฒนา ปัญญา และ กรุณา มาจนถึงขีดสุดของพุทธจิตวิญญาณ
เรามาเจาะให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่าทำไม ท่านจึงไม่ถือโกรธ แถมยังเมตตาต่อปีศาจและนารีเหล่านั้นอีก ทั้งที่บางตนตั้งใจมาล่อลวง หรือแม้แต่จะฆ่าจับกินเนื้อเสียด้วยซ้ำ
- เพราะรู้ว่า "เขาก็เป็นแค่ผู้เวียนว่ายในวัฏสงสาร"
พระถังไม่มองปีศาจว่าเป็นศัตรู หากแต่เห็นว่า "พวกเขาคือสัตว์โลกผู้หลงผิด"
การที่ปีศาจกระทำความชั่ว เป็นเพราะ ยังไม่รู้แจ้งธรรม มิใช่เพราะเป็นตัวชั่วโดยเนื้อแท้
ดังนั้น แทนที่จะโกรธ ท่านจึง สงสารและเมตตา พวกเขา
- แม้ถูกล่อลวง แต่ไม่เคยโทษอีกฝ่าย กลับทวนดูใจตนก่อน เวลามีหญิงงามเข้ามาใกล้ หรือปีศาจแปลงร่างมายั่วกิเลส พระถังไม่เคยต่อว่าพวกนั้นก่อน แต่จะ "ตรวจสอบจิตตนเอง" เสมอว่าเราหวั่นไหวหรือไม่
ถ้าใจไม่หวั่น ท่านจะไม่ถือสาแม้จะถูกสัมผัสทางกาย เพราะ ใจสะอาด ย่อมไม่หวั่นต่อรูป
- เพราะ "ความเมตตา" คืออาวุธของพระต่างจากหงอคงที่เลือก “ฟาดก่อนถามทีหลัง” ขณะที่พระถังใช้ความสงบและเมตตาเป็นเครื่องแสดงธรรม
มีหลายครั้งที่ปีศาจหญิงมาร้องไห้หลังพ่ายแพ้ เพราะ "พระถังไม่เพียงให้อภัย แต่ยังแผ่เมตตาให้อีก"
ความเมตตาแบบนี้เองที่ เปลี่ยนปีศาจบางตนให้กลับใจได้จริง ไม่ใช่ด้วยคาถา แต่ด้วยเมตตาธรรม
- พระถังไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวผิดศีล แม้บางครั้งจะถูกลักพาตัว หรือล่อลวงจนถึงเตียง ท่านก็ไม่แสดงความหวาดกลัวหรือโกรธ
เพราะในใจของท่าน "ความตาE ดีกว่าการผิดศีล"
ท่านจึงนิ่ง สงบ และเมตตา แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ดูอันตรายสุดขีด
- เพราะท่านเป็นพระ ไม่ใช่คนธรรมดา ท่านไม่ใช่พระที่บวชเพราะหนีโลก แต่คือพระที่แบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า
ดังนั้น ต่อให้ถูกสตรีกอด ถูกวางยา ถูกล่อลวงให้ครองรัก ท่านก็ยังเห็นทุกสิ่งเป็นบทเรียนของธรรมะ และเป้าหมายที่ต้องบรรลุเพื่อส่วนรวม มากกว่าเรื่องส่วนตัว
“แม้เจ้าจะฆ่าเรา เราก็ขอให้เจ้าได้รู้แจ้งในสักวัน
แม้เจ้าจะยั่วยวนเรา เราขอให้เจ้าหลุดพ้นจากราคะเสียที”
นี่แหละคือหัวใจของพระถัง
ไม่โกรธ ไม่ยึด ไม่ผลัก ไม่ดูหมิ่น
ยังแผ่เมตตาแม้แต่ผู้ที่คิดทำลายตนเอง
🧘‍♂️ หลักธรรมใดที่พระถังใช้พิชิตกิเลสราคะจากสีกานารี?
🙏🏽อิทธิบาท 4 — พลังใจอันแน่วแน่ในการแสวงธรรม
ฉันทะ: ความพอใจในสิ่งดีงาม พระถังยินดีในหนทางธรรม แม้ต้องทนทุกข์ยาก ไม่หวั่นไหวต่อความยั่วยวน
วิริยะ: ความเพียรไม่ย่อท้อ เดินทางฝ่าปีศาจนับพันแม้เกือบเอาชีวิตไม่รอด
จิตตะ: จิตแน่วแน่ มีสมาธิ ไม่หลงกายหญิง ไม่สะท้านแม้ถูกกอด จูบ หรือล่อลวง
วิมังสา: พิจารณาใคร่ครวญ มองสีกางามว่าเป็นมายา หรือปีศาจที่แปลงกายมาทดสอบ
🟢 สรุป: อิทธิบาท 4 ทำให้จิตมั่นคง ดั่งหินผา ไม่หวั่นไหวต่อโลกีย์ แม้มีการยั่วยุเพียงใด
🙏🏽 พรหมวิหาร 4 — ธรรมะขั้นสูงในการอยู่ร่วมกับสรรพชีวิต
เมตตา: ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ไม่เกลียดปีศาจหญิงแม้จะหลอกลวงหรือพยายามฆ่า
กรุณา: ช่วยเหลือผู้ทุกข์ รู้ว่าปีศาจเหล่านี้หลงผิด จึงแผ่ความเข้าใจให้เสมอ
มุทิตา: ยินดีในความดีผู้อื่น เมื่อปีศาจบางตนกลับใจ เช่น ปีศาจหญิงบางถ้ำ ท่านยินดีด้วยใจจริง
อุเบกขา : วางเฉยอย่างมีปัญญา ไม่หวั่นไหว ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่หลีกเลี่ยง เพียงแต่ปล่อยวางด้วยใจสงบ
🟣 สรุป: พรหมวิหาร 4 ทำให้พระถัง ไม่โต้ตอบด้วยตัณหา หรือโทสะ แต่ใช้ “ใจพระ” ดับ “ไฟโลก”
🙏🏽 ขันธ์ 5 / ไตรลักษณ์ — เห็นรูป เสียง กลิ่น สัมผัส เป็นของไม่เที่ยง
สีกางาม = “รูป” ที่ไม่จีรัง
เสียงหวาน = “เวทนา” ที่แค่เกิดแล้วดับ
พระถังเข้าใจว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
จึงไม่หลงใหลหรือยึดมั่นในกายหรือวาจาของสตรีใดฟ
🟡 สรุป: เพราะเห็นตาม “ไตรลักษณ์” จึงไม่ยึดสิ่งใดมายั่วใจได้
🙏🏽 ศีล สมาธิ ปัญญา — วิถีหลุดพ้นอย่างมั่นคง
ศีล: เคร่งในศีลสงฆ์ ไม่ละเมิดพรหมจรรย์แม้ถูกยั่ว
สมาธิ: มีจิตตั้งมั่น ไม่หวั่นแม้ถูกล่อลวงถึงเตียง
ปัญญา: รู้เท่าทันมายา มองทะลุเบื้องหลังความงามเป็นเพียงเปลือก
🔵 สรุป: ธรรมะ 3 อย่างนี้ทำให้พระถัง "นิ่งในพายุ" ไม่ไหลไปตามอารมณ์ทางโลกเลย
🪷 บทสรุปแบบภาพรวม:
พระถังซัมจั๋งเอาชนะสีกานารีได้
ไม่ใช่ด้วยคาถา อาคม
แต่ด้วย ธรรมะอันบริสุทธิ์ ที่แผ่จากภายใน
จนแม้ปีศาจยังยอมสยบ เพราะ “ละอายใจ"
ในความเมตตาที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเลย
อยากให้พระแถวนี้
ปฏิบัติตามพระถังได้สักครึ่งก็ยังดี
เพราะจะมีกี่หลักธรรมคำสอน
ก็คงไม่มีความหมาย
ถ้าเอาแต่ไหลตามกิเลศมิวาย
กลายเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนอยู่ร่ำไป
หรือจริงๆ หนทางใหม่
ที่อยากให้เป็นไปได้
คือการที่ศาสนาพุทธ
เหลือแค่พระพุทธ-พระธรรม
และให้ญาติโยมอย่างเราๆ
เข้าฟังธรรมะผ่านออนไลน์
หรือคลิปบันทึกการเทศน์
จากพระอาจารย์ในอดีต
ทำบุญผ่านระบบ Big Data
ที่จัดเก็บอย่างโปร่งใส
ตรวจสอบได้จริง เงินไปถึงวัดจริง
ไม่ต้องไปถึงชมพูทวีป
ยังไม่ต้องคิดถึงพระนิพพาน
แค่ทำมาตรฐานในใจให้ดี
แบบที่มนุษย์ปุถุชนควรทำ
เท่านั้นก็คงกราบขอบพระคุณจากใจ,,,🙏🏽
โฆษณา