29 ก.ค. เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
กัมพูชา

กัมพูชาเรียกร้องให้ประชาคมโลก "ประณามการกระทำที่ก้าวร้าวของไทยอย่างรุนแรงที่สุด"

สงบลงนิดส์นึงแล้วนะครับ ขณะที่กองทัพไทยยืนยันกองทัพเรือขอร่วมรบด้วย หลังจากที่ผ่านมา...ในแนวรบอันดุเดือดตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา
ความขัดแย้งทางทหารที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชา ดำเนินมาเป็นวันที่ 5
2
ทั้งสองฝ่ายได้ยิงปืนต่อสู้กันในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย และประชาชนกว่า 130,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
กระทรวงกลาโหม(ไทย)ยืนยันเมื่อวันเสาร์ (26 กรกฎาคม 2568) ว่ากองทัพเรือได้ประจำการอยู่ที่แนวหน้าในจังหวัดตราด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดสู้รบเดิมกว่า 100 กิโลเมตร
ซึ่งนี่เป็นการบ่งชี้ว่าพร้อมสำหรับ สงครามที่กำลังจะลุกลาม
1
ก่อนการหยุดยิง กระทรวงกลาโหมไทยกล่าวว่ากองทัพกัมพูชาได้ข้ามพรมแดนไปยังสามจุดในจังหวัดตราดในช่วงเช้าตรู่ของวันนั้น
และนาวิกโยธินไทยได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้ทันทีและสามารถขับไล่กองกำลังผู้รุกรานได้สำเร็จ
แถลงการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำว่า "ประเทศไทยปกป้องอธิปไตยของตนอย่างมั่นคงและจะไม่ยอมให้เกิดการรุกราน"
ความขัดแย้งรอบนี้ถือเป็นการเผชิญหน้าทางทหารบริเวณชายแดนที่ร้ายแรงที่สุดระหว่างสองประเทศในรอบกว่าทศวรรษ
ทั้งสองฝ่ายได้ใช้เครื่องบินขับไล่ เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง และปืนใหญ่หนัก เพื่อบังคับให้พลเรือนจำนวนมากอพยพออกจากแนวหน้า
สถิติระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตฝ่ายไทยพุ่งสูงถึง 19 ราย รวมถึงทหารอย่างน้อย 6 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 60 ราย
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชารายงานผู้เสียชีวิต 13 ราย Reuters.com รายงานว่า อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่สู้รบ
กลายเป็นพื้นที่รกร้าง เพราะตอนนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพออกไปแล้ว
1
ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างว่าปฏิบัติการทางทหารเป็นการป้องกันตนเอง และกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ (25 กรกฎาคม 2568) ว่า
กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดในดินแดนไทยสองครั้งนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นจึงได้เปิดฉากโจมตีในเช้าวันพฤหัสบดี (25 กรกฎาคม 2568) ไทยเรียกร้องให้กัมพูชา
"ยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และก้าวร้าวทั้งหมดในทันที และกลับมาเจรจากันโดยสุจริตใจ"
1
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาก็ออกแถลงการณ์กล่าวหาไทยว่า
ได้ "โจมตีทางทหารโดยเจตนา ผิดกฎหมาย และไม่ได้รับอนุญาต" โดยตนไม่มีการยั่วยุ และได้ระดมกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมที่ชายแดน
กัมพูชาเรียกร้องให้ประชาคมโลก "ประณามการกระทำที่ก้าวร้าวของไทยอย่างรุนแรงที่สุด" และป้องกันไม่ให้กองทัพไทยขยายปฏิบัติการ
เช่นกัน ในวันนี้กองทัพไทยก็กล่าวว่า " กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุเมื่อวานนี้ " โดยอาเซียนก็ไม่มีท่าทีโต้ตอบใดๆ
ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนหมุนเวียน ได้ร่วมกันไกล่เกลี่ยและเรียกร้องอย่างแรง..
เพื่ออำนวยความสะดวกในการประชุมระหว่างผู้นำกัมพูชาและไทยในวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนนำไปสู่ฉันทามติการหยุดยิง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดความรุนแรงของสถานการณ์
จะเห็นได้ว่า ฉันทามติการหยุดยิงครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองผ่านแนวทางอาเซียน และสนับสนุนความพยายามทุกวิถีทางที่เอื้อต่อการเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันและบรรเทาความตึงเครียดผ่านการปรองดอง
และจะดำเนินการตามแนวทางของตนต่อไปตามความประสงค์ของทั้งสองฝ่าย เพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการเสริมสร้างฉันทามติการหยุดยิง”
ข้อพิพาทเรื่องพรมแดนที่มีมายาวนานของทั้งสองประเทศคือต้นตอของความขัดแย้ง นี่เป็นข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยที่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีการกำหนดเขตแดน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น ปราสาทเขาพระวิหารและปราสาทตาเมือนธม
ซึ่งในปี พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา
แต่เมื่อกัมพูชาพยายามขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2551
มันได้ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสองประเทศ ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมจนถึงปัจจุบัน.
1
โฆษณา