Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
JWanderlust
•
ติดตาม
29 ก.ค. เวลา 08:17 • ท่องเที่ยว
Chongqing Hongyadong (Northwest Gate)
ยามค่ำกับแสงไฟ…ที่หงหยาต้ง
Chapter 84/3: Nights Shining at Hongyadong
มาดูแสงไฟสวยๆ ยามค่ำของ "หงหยาต้ง" กลุ่มอาคารโบราณที่สร้างอยู่บนริมหน้าผา และแสงไฟระยิบระยับที่ประดับประดาอยู่คู่กับอาคารเหล่านี้ รวมกันเป็นความงามที่ทำให้ผู้คนจากทั่วสารทิศต้องดั้นด้นกันมาชมถึงที่นี่
ต่อจาก Blog ที่แล้ว ตอนนี้เราก็กลับเข้ามาในเมืองฉงชิ่งกันละค่ะ
รถบัสพาพวกเรามาที่หงหยาต้งกันเป็นที่แรกเพื่อลองสัมผัสบรรยากาศของที่นี่ในตอนกลางวันกันก่อน
หงหยาต้ง
ขนาดเป็นตอนบ่ายๆ หงหยาต้งยังดูสวยมีเสน่ห์ขนาดนี้ นี่ถ้ามากลางคืนจะขนาดไหนเนี่ย
ตรงข้ามของหงหยาต้งเป็นแม่น้ำเจียหลิง (Jialing River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาที่สำคัญของแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River)
แม่น้ำเจียหลิง (Jialing River)
ฉงชิ่งดูจากมุมนี้ก็แทบจะไม่ต่างจากเมืองใหญ่เมืองอื่นๆ ของจีนอย่างเช่น เซี่ยงไฮ้เลย มีตึกสูงระฟ้าเต็มไปหมด
แต่เนื่องจากตอนนี้แดดแรงมากๆ หลังจากลงมาชมวิวกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็จะมุ่งหน้าไปที่โรงแรมกันต่อเลย
ซึ่ง 2 คืนต่อจากนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Glenview ค่ะ
WoW เป็นโรงแรมที่สวยใช้ได้เลย ดูสะอาด ทันสมัย อยู่ใจกลางเมืองฉงชิ่งและก็ใกล้ที่เที่ยวที่เป็น highlight หลายที่เลย ไปดูห้องกันค่ะ
ห้องน้ำหรูหราหมาเห่า
ห้องน้ำที่นี่โคตรใหญ่ พื้นที่ปาเข้าไปครึ่งห้องเลย มีอ่างอาบน้ำ ห้องอาบน้ำ และห้องชักโครกแยกเป็นสัดส่วน
ห้องนอนและวิวของเรา
ส่วนห้องนอนก็สวยมากกกก บรรยากาศดีสุดๆ คราวนี้เรามาอยู่ที่ชั้น 32 วิวก็เลยดีงามแบบนี้ และเท่าที่จำได้ไม่เคยอยู่ชั้นสูงขนาดนี้มาก่อนเลย
ส่วนอาหารเย็นวันนี้จะเป็นร้านนี้ อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่
ถึงอาหารหน้าตาจะคล้ายๆ กับที่กินมาแล้วในทริปนี้ แต่ร้านนี้รสชาติอร่อยอยู่
โดยเฉพาะจานนี้
เป็นข้าวโพดที่แกะเป็นเม็ดๆ แล้วเอาทอด กินเล่นเพลินมาก
จากร้านอาหาร รถบัสก็ไปหย่อนพวกเราที่หงหยาต้งอีกครั้งเพื่อไปดูแสงไฟยามค่ำ แต่เราไม่ได้ลงตรงหน้าหงหยาต้งเลยเพราะคนเยอะสุดๆ ต้องไปลงรถไกลพอสมควรแล้วเดินย้อนกลับมาอีกที
คน คน และคน
ตอนเห็นคนที่มาถ่ายรูปที่นี่ใจนึงนี่ถอยละนะ คิดว่าดูบนรถก็ได้นะ 😅 แต่อีกใจก็คิดว่า…เอาวะอุส่าห์มาถึงนี่ละ ระหว่างที่เดินฝ่าฝูงชนนี่ยังมีคิดเลยนะว่าจะติด Covid มั้ยเนี่ย (ช่วงที่ไปยิ่งระบาดอยู่ด้วย) เพราะเดินสวนแบบเกือบชนไหล่กันเลย คนเยอะจริงๆ
ป.ล. มีสถิติบอกไว้ว่าในวันแรงงานปี 2018 มีจำนวนคนที่มาเที่ยวที่หงหยาต้งถึง 142,000 คนเลยทีเดียวนะ
และแล้วเราก็ฝ่าฟันฝูงชนจนได้มาอยู่ที่หน้าหงหยาต้งอีกครั้ง
…สวยมาก
ว่าแต่เรายังไม่ได้เล่าเรื่องของหงหยาต้งเลยเนอะ
หงหยาต้งคือกลุ่มอาคารที่มีรูปแบบหน้าตาเหมือนบ้านไม้โบราณของจีน มีความสูง 11 ชั้นและสร้างแนบไปกับหน้าผา ที่นี่ไม่ใช่สิ่งก่อสร้างโบราณแต่เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนที่อยู่อาศัยเดิม และถูกตกแต่งให้เหมือนกับโรงเตี๊ยมโบราณเพื่อที่จะได้เป็น Landmark สำหรับนักท่องเที่ยวนั่นเอง ภายในมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านน้ำชา คาเฟ่ บาร์ และมุมถ่ายรูปมากมาย
ชั้นล่างของหงหยาต้งจะติดกับแม่น้ำส่วนชั้นบนจะติดกับถนน การมาที่หงหยาต้งสามารถเดินขึ้นจากฝั่งแม่น้ำข้างล่างหรือลงมาจากถนนด้านบนก็ได้
วิวแม่น้ำตอนกลางคืน
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่บอกว่าที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนฉากของเมืองโคมไฟในหนังอนิเมะของจิบลิเรื่อง Spirited Away เลย และบรรยากาศของมันก็ทำให้เรานึกถึงเมืองจิ่วเฟิน ที่ประเทศไต้หวันด้วยเหมือนกัน
ใครที่มาเที่ยวคนเดียวนี่ไม่ต้องกังวลเลยนะ เพราะที่หน้าหงหยาต้งจะมีคนที่รับจ้างถ่ายรูปพร้อมทั้งแต่งรูปให้เสร็จสรรพมายื่นไอแพดให้เราดูผลงานกันเป็นร้อยคนเลย ใครชอบแบบไหนก็บอกช่างภาพได้เลย แถมเค้าจะลบคนที่อยู่ในเฟรมออกจนหมดให้ด้วย ส่วนเราชอบแบบสมจริงมากกว่าเลยได้ภาพมาแบบคนเพียบ
ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 4A
นอกจากคนรับถ่ายรูปก็ยังเห็นร้านให้เช่าชุดจีนโบราณถ่ายรูปด้วย ซึ่งมีสาวๆ ไปเปลี่ยนชุดถ่ายรูปกันเยอะพอสมควร แต่สำหรับพวกเราแค่ถ่ายรูปเฉยๆ ก็ร้อนจะแย่แล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะไปเปลี่ยนชุดเลย
อากาศร้อนคนก็เยอะจัดเลยคิดว่ากลับโรงแรมดีฝ่า จำได้เลาๆ ไกด์บอกว่าจากจุดที่เราถ่ายรูปกันให้เดินข้ามถนนไปที่ตัวอาคารหงหยาต้งแล้วขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 11 จะไปเจอกับถนนที่จะเดินกลับไปโรงแรมได้
เดินมาที่หงหยาต้ง
เราก็ฝ่าฝูงชนกันอีกรอบจนไปถึงลิฟท์ แต่ปรากฎว่ายืนรอนานเป็นสิบนาทีก็ไม่ได้ขึ้นลิฟท์ซักทีเพราะคนเยอะมากแถมคนในลิฟท์ก็แน่นตลอด พวกเราก็เลยตัดสินใจว่า…เดินเอาก็ได้ฟระ เพราะในตึกคืออบอ้าวยิ่งกว่าข้างนอกอีกแถมในนี้ก็ไม่เปิดแอร์ด้วย 🥵
เราก็เลยเดินกลับไปที่บันไดที่อยู่ฝั่งเดียวกับหงหยาต้งนี่แหละเพื่อขึ้นไปถนนด้านบน โชคดีว่าบันไดมันไม่ได้ชันมาก มีลานให้พักเป็นระยะๆ และก็พอมีลมอ่อนๆ โชยมาบ้างช่วยคลายร้อนไปได้นิดนึง ไม่นานเราก็เดินขึ้นมาถึงถนนด้านบน และระหว่างทางกลับโรงแรมก็เจอเข้ากับสิ่งนี้พอดี
มันคือตึกตะเกียบนั่นเอง
พิพิธภัณฑ์ศิลปะฉงชิ่ง (Chongqing Guotai Arts Center)
ตึกตะเกียบ หรือ "พิพิธภัณฑ์ศิลปะฉงชิ่ง" (Chongqing Guotai Arts Center) เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมาก ด้วยตัวโครงสร้างภายนอกอาคารที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับกองตะเกียบสีดำและแดงที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ โดยที่ส่วนปลายของตะเกียบสีแดงจะมีตัวอักษรจีนคำว่า "กั๋ว" แปลว่าชาติ ส่วนปลายตะเกียบสีดำจะมีคำว่า "ไท่" หมายถึงความอุดมสมบูรณ์
ว่ากันว่าการออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตะเกียบและอาหารหม้อไฟซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนฉงชิ่งนั่นเอง
กลับมาถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ เฮ้อ จะได้อาบน้ำซักที เหงื่อท่วมมากๆ
คืนที่ 2 ลาไปพร้อมวิวสวยๆ
คำเตือน !!! การไปเที่ยวหงหยาต้งตอนกลางคืน ถ้าใครมาเองต้องวางแผนให้ดีๆ เพราะการเรียกรถมารับกลับที่พักจะยากมากไม่ว่าจะเป็นรถแท็กซี่หรือเรียกผ่านแอพ ยิ่งถ้ามีผู้สูงอายุมาด้วยจะค่อนข้างลำบากเลยเพราะบริเวณนี้รถติดมาก
ของเราที่เดินกลับกันเองได้เพราะผู้ใหญ่ทุกคนตัดสินใจไม่ลงดีกว่าเพราะคนเยอะมาก ขอดูไฟสวยๆ จากบนรถแทนละกัน ก็เลยให้รถบัสไปส่งที่โรงแรมเลย
วันที่ 3 เราจะพาไปเที่ยวหลายที่เลย เริ่มจากมหาศาลาประชาคม (Great Hall of the People) ค่ะ
มหาศาลาประชาคมฉงชิ่ง (Chongqing Great Hall of the People)
มหาศาลาประชาคมฉงชิ่ง (Chongqing Great Hall of the People) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ต้าหลี่ถัง" (Dalitang) หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองฉงชิ่ง
อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคคอมมิวนิสต์เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประชุมสภาผู้แทนราษฎร และยังถูกใช้เป็นโรงละครสำหรับประชาชนอีกด้วย
สถาปัตยกรรมของที่นี่เป็นแบบชิโน-โซเวียต (Sino-Soviet style) ที่ผสมความเป็นจีนคลาสสิกบวกกับความอลังการแบบโซเวียต และมีโดมขนาดใหญ่ที่คล้ายกับหอสักการะฟ้าเทียนถัน (Temple of Heaven) ที่อยู่ในกรุงปักกิ่ง
ป.ล. ในยุคนั้นจีนได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมจากสหภาพโซเวียต
ด้านหน้ามี People's Square ซึ่งตอนกลางคืนจะมีคนท้องถิ่นมาเต้นรำ เดินเล่น และชมไฟสวยงาม
ส่วนตรงข้ามกับมหาศาลาประชาคมคือ พิพิธภัณฑ์เขื่อนสามผา (Three Gorges Museum) ที่เน้นจัดแสดงงานด้านการศึกษา การอนุรักษ์ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในฉงชิ่งและภูมิภาคสามผาของแม่น้ำแยงซี
พิพิธภัณฑ์เขื่อนสามผา (Three Gorges Museum)
ถ้าเดินขึ้นไปบนพิพิธภัณฑ์แล้วมองย้อนกลับมาจะได้รูปของมหาศาลาประชาคมสวยๆ แบบนี้ค่ะ
จากมหาศาลาประชาคมเราจะไปดูรถไฟทะลุตึกกันค่ะ
รถไฟทะลุตึก (ชื่อตามนั้นเลยเพราะมันวิ่งทะลุตึกจริงๆ) จริงๆ มันคือสถานีรถไฟ Liziba ที่อยู่บนชั้น 6–8 ของตึกนี้ โดยรถไฟจะแล่นเข้าและออกจากตึกแบบพอดีเป๊ะ จนดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังเลย
ที่นี่ก็คนเป็นล้านเหมือนเคย 🥴
ใครสงสัยเหมือนเรามั้ยว่าทำไมจะต้องทำรถไฟให้วิ่งทะลุตึก ทำไมไม่ทำทางรถไฟแบบปกติล่ะ ???
รางรถไฟที่วิ่งทะลุผ่านตึก
สาเหตุก็เป็นเพราะฉงชิ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นและพื้นที่จำกัด การก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าจึงต้องหาทางประหยัดพื้นที่ให้ได้มากที่สุด และความที่เมืองมีลักษณะเป็นภูเขาและเนินสูงชันเยอะ ทำให้การสร้างเส้นทางรถไฟใต้ดินต้องใช้ต้นทุนสูงมาก ก็เลยเลือกใช้ระบบรถไฟลอยฟ้าแทน (Monorail) ซึ่งเหมาะกับภูมิประเทศมากกว่า
เข้าไปที่รูนี้
เป็นการออกแบบที่ไม่ต้องรื้อตึกแต่ใช้วิธีสร้างรางรถไฟให้ลอดผ่านอาคารแทน ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่มาก นอกจากนี้ตัวอาคารที่รถไฟวิ่งผ่านก็ถูกออกแบบมาให้มีระบบลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในตึกไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงดังมากนัก
และผลพลอยได้ที่ตามมาคือ สถานี Liziba กลายเป็นอีกหนึ่ง highlight ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาที่ฉงชิ่งเพื่อมาดูสิ่งนี้
นี่แหละ…ความเจ๋งของวิศวะกรจีนเค้าล่ะ
Blog นี้ขอจบไปดื้อๆ ตรงนี้เลยนะคะเพราะกลัวจะยาวเกิน เดี๋ยวเราไปเจอกันตอนสุดท้ายของทริปฉงชิ่งใน Blog หน้า ที่ยังจะมีที่เที่ยวสวยๆ มาพาทุกคนไปดูด้วยกันอีกค่ะ
ข้างล่างสถานีก็สวยอยู่นะ
สำหรับ Blog นี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 😊
ท่องเที่ยว
ไลฟ์สไตล์
จีน
1 บันทึก
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เที่ยวฉงชิ่ง
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย