Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
13 ส.ค. เวลา 00:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🦠 "ฆาตกรที่แท้จริง" ของกองทัพนโปเลียน | ไม่ใช่แค่ความหนาว แต่คือ "ไข้ไทฟอยด์" และ "ไข้กลับซ้ำ"
การถอยทัพจากมอสโกในปี 1812 คือหนึ่งในโศกนาฏกรรมทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์... กองทัพกว่าครึ่งล้านของนโปเลียนถูกบดขยี้ แต่ไม่ใช่แค่จากความหนาวเหน็บของรัสเซีย แต่มาจากศัตรูที่มองไม่เห็นอย่าง "โรคระบาด"...
ที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์บอกเราว่าฆาตกรคือ "ไข้รากสาดใหญ่" และ "ไข้สนามเพลาะ"... แต่ถ้าเราบอกว่าการวิเคราะห์ DNA ล่าสุดจากฟันของทหารที่ล้มตาย กลับไม่พบร่องรอยของเชื้อโรคสองชนิดนั้นเลย
❄️ โศกนาฏกรรมในฤดูหนาว
เมื่อกองทัพของนโปเลียนซึ่งมีกำลังพลครึ่งล้านนายถอยทัพจากรัสเซียในปี 1812 ทหารประมาณครึ่งหนึ่งถูกเสียชีวิตลงโดยโรคภัย, ความอดอยาก และความหนาวเย็นสุดขั้ว และในตอนนี้ การวิเคราะห์ DNA ได้เปิดเผยว่าเชื้อโรคชนิดใดกันแน่ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหายนะครั้งนั้น
ในฤดูร้อนปี 1812 นโปเลียนได้รวบรวมกองกำลังมากถึง 600,000 นายเพื่อบุกรัสเซีย อย่างไรก็ตาม กองทัพของพระเจ้าซาร์ได้ละทิ้งมอสโกและขนเสบียงออกจากเมืองจนหมดสิ้น บีบให้นโปเลียนต้องถอยทัพกลับไปยังชายแดนโปแลนด์เพื่อในช่วงฤดูหนาวในระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปี 1812 ทหารฝรั่งเศสอย่างน้อย 300,000 นายได้เสียชีวิตลง
บันทึกทางประวัติศาสตร์ชี้ว่า ไข้รากสาดใหญ่ (typhus) และ ไข้สนามเพลาะ (trench fever) เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยในหมู่ทหาร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการทดสอบทางพันธุกรรมเมื่อเกือบสองทศวรรษก่อน
🦷 หลักฐานใหม่จากฟัน
ล่าสุด นิโคลัส ราสโคแวน (Nicolás Rascovan) จากสถาบันปาสเตอร์ในปารีส (Pasteur Institute in Paris) และทีมงานของเขา ได้ตรวจสอบ DNA ของจุลินทรีย์จากฟันของทหาร 13 นาย ที่ถูกฝังในกรุงวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทหารจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างการถอยทัพ แต่ไม่พบหลักฐานของทั้งไข้รากสาดใหญ่และไข้สนามเพลาะเลย
ทีมงานกลับพบการมีอยู่ของเชื้อ:
• Salmonella enterica ซึ่งเป็นสาเหตุของ ไข้พาราไทฟอยด์ (paratyphoid fever)
• Borrelia recurrentis ซึ่งติดต่อโดยเหาและเป็นสาเหตุของ ไข้กลับซ้ำ (relapsing fever)
🔍 เทคนิคใหม่ที่มองได้กว้างกว่า
ทำไมผลลัพธ์ถึงต่างจากเดิม?
การศึกษาก่อนหน้านี้อาศัยเทคนิคที่เพิ่มจำนวนลำดับ DNA ที่ "ต้องสงสัย" อยู่ก่อนแล้วให้มากขึ้น ในขณะที่ราสโคแวนและทีมงานของเขาใช้ การวิเคราะห์เมตาจีโนมิกส์ (metagenomic analysis) ที่ล้ำสมัยกว่า ซึ่งสามารถตรวจจับสารพันธุกรรมของเชื้อโรค "ชนิดใดก็ได้" ในตัวอย่าง ทำให้มีความครอบคลุมมากกว่า
"ในแง่ของผลลัพธ์ สถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับสาเหตุการตายของทหารเหล่านี้คือการผสมผสานระหว่างความเหนื่อยล้า, ความหนาวเย็น และโรคภัยหลายอย่าง รวมถึงไข้พาราไทฟอยด์และไข้กลับซ้ำที่เกิดจากเหา" ราสโคแวนและทีมงานเขียนไว้ในรายงานของเขา
อย่างไรก็ตาม แซลลี วาเซฟ (Sally Wasef) จาก Queensland University of Technology ในออสเตรเลีย กล่าวว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาทหารที่เสียชีวิตในปี 1812 เพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ามีโรคใดอยู่บ้าง ซึ่งเป็นประเด็นที่ราสโคแวนและทีมงานของเขาก็ได้ระบุไว้ในรายงานเช่นกัน
🏡 แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
เทคนิค "เมตาจีโนมิกส์" ที่ใช้ในการศึกษานี้ คือเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่งในการศึกษาอดีต และกำลังถูกนำมาใช้ในประเทศไทยเช่นกัน
ลองนึกภาพการนำเทคนิคนี้ไปวิเคราะห์ตัวอย่างจากแหล่งโบราณคดีในบ้านเรา เช่น กระดูกมนุษย์โบราณที่บ้านเชียง หรือแม้แต่การวิเคราะห์ดินจากคูเมืองโบราณ เราอาจจะสามารถค้นพบได้ว่าคนโบราณในสยามป่วยเป็นโรคอะไร, มีการระบาดของโรคอะไรที่อาจเป็นสาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร, หรือแม้แต่มีพืชหรือสัตว์ชนิดใดอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นบ้าง มันคือการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อ "อ่าน" เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในระดับ DNA
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ พลิกประวัติศาสตร์: การวิเคราะห์ DNA จากฟันของทหารนโปเลียน ได้ท้าทายความเชื่อเดิมที่ว่า "ไข้รากสาดใหญ่" และ "ไข้สนามเพลาะ" คือฆาตกร
✅ พบฆาตกรตัวจริง: หลักฐานใหม่ชี้ไปที่เชื้อ "ซาลโมเนลลา" (ก่อโรคไข้ไทฟอยด์) และ "บอร์เรเลีย" (ก่อโรคไข้กลับซ้ำที่มากับเหา)
✅ เทคโนโลยีที่เหนือกว่า: การค้นพบนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเทคนิค "เมตาจีโนมิกส์" ที่สามารถตรวจจับ DNA ของเชื้อโรคทุกชนิดได้ ทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์กว่าเทคนิคในอดีต
✅ เสียชีวิตเพราะหลายปัจจัย: ข้อสรุปใหม่คือ ทหารน่าจะเสียชีวิตจากหลายปัจจัยรวมกัน ทั้งความเหนื่อยล้า, ความหนาวเย็น และการติดเชื้อโรคหลายชนิด
✅ ยังต้องศึกษาต่อ: แม้จะเป็นการค้นพบที่สำคัญ แต่ยังต้องมีการศึกษาตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อยืนยันภาพรวมของโรคระบาดในกองทัพทั้งหมด
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การใช้ DNA ไขปริศนาประวัติศาสตร์กว่า 200 ปีนี้ ทำให้คุณมองความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์น่าทึ่งขึ้นแค่ไหน? แล้วถ้าเลือกได้ คุณอยากให้นักวิทยาศาสตร์ใช้เทคนิคนี้ไขปริศนาอะไรในประวัติศาสตร์ไทยมากที่สุด?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🔬 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมไขคดีประวัติศาสตร์นี้ไปด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Rascovan, N., et al. (2025). Paratyphoid Fever and Relapsing Fever in 1812 Napoleon’s Devastated Army. bioRxiv.
http://doi.org/pzvb
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วย "ฆาตกรที่มองไม่เห็น" ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด, การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ, หรือความเชื่อผิดๆ...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการทำหน้าที่เป็น "นักสืบทางวิทยาศาสตร์" ที่จะใช้เครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในการสืบค้นข้อมูล เพื่อเปิดโปง "ผู้ร้ายตัวจริง" และนำเสนอเรื่องราวที่ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุดให้กับคุณ
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้การสืบสวนของเราดำเนินต่อไปได้ครับ
วิทยาศาสตร์
ประวัติศาสตร์
สุขภาพ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
NEWS BRIEF (สิงหาคม 2568)
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย