เมื่อวาน เวลา 09:00

บทเรียนจากห้องเรียนวิวัฒนาการ

เมื่อโลกเริ่มก้าวหน้า มนุษย์ก็กล้าฝันถึงชีวิตที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น สังคมจึงเริ่มผลักดันให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบไปทุกด้าน เช่น ทำงานโดยไม่ผิดพลาด Productive ตลอดเวลา หรือเป็นนักใช้ตรรกะเหตุผล ฯลฯ แม้ในยุคหลังเราจะเริ่มเอียนกับความสมบูรณ์แบบ แต่หลายคนก็อาจยังหวั่นใจกับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองอยู่ลึก ๆ
แต่นึกย้อนไปสมัยเรียนปี 3 วิชาวิวัฒนาการของมนุษย์ หลักฐานทางโบราณคดีบอกว่าในอดีตมนุษย์เราเคยมีญาติเป็นวานรอีกหลายสายพันธุ์ (เช่น นีแอนเดอร์ทัล) ก่อนจะสูญพันธุ์ไปจนเหลือเพียงแค่โฮโมเซเปียนส์เช่นเราในปัจจุบัน นั่นแสดงว่าเเต่เดิมมนุษย์ก็ยังมีความเป็นสัตว์หลงเหลือ ความเป็นสัตว์ที่ชีวิตขับเคลื่อนด้วยสัญชาติญาณ และเป็นหุ่นเชิดของกิเลสตัณหา
ในอีกแง่หนึ่ง หนังสือเรื่อง The Gap: The Science of What Separates Us from Other Animals โดยศาสตราจารย์ Thomas Suddendorf ได้พูดถึงสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์ไว้สองประการ ข้อแรกคือความปรารถนาที่จะเชื่อมโยงกับผู้อื่น ซึ่งทำให้เราเป็นสัตว์สังคมที่ร่วมกันสร้างอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ได้ ข้อสองคือจินตภาพที่ซับซ้อน เช่น การคิดถึงอดีตและอนาคต การอ่านความคิดของผู้อื่น และจินตนาการที่กว้างไกล ฯลฯ ทักษะทางสังคมและการรู้คิดที่ล้ำเลิศจึงเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เราแยกออกมาพัฒนาเป็นมนุษย์ผู้เจริญในปัจจุบัน
เราจึงมีทั้งความเป็นสัตว์และมนุษย์ผสมกัน
ความเข้าใจนี้มีค่าสำหรับผมมาก น่าคิดว่าหากมนุษย์สามารถมองเห็นและโอบรับความเป็นสัตว์ในตัวกันและกันได้ โลกจะเปี่ยมด้วยความเมตตาสักเพียงใด แม้ผู้อื่นหรือตัวเราจะทำผิดมหันต์ แต่เราคงเลือกรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายด้วยท่าทีอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้น เนื่องมาจากความตระหนักในธรรมชาติอันไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์
ไม่ใช่เเค่เรื่องศีลธรรม เเต่อาจรวมถึงค่านิยมใหม่ ๆ ในสังคมเเละมิติอื่น ๆ ด้วย เช่น บางคน sensitive ต่อสรรพนามเพศสภาพ จนเริ่มเกิดการถกเถียงอย่างรุนเเรงในสังคม หากพักเรื่องผลกระทบของมันก่อนเเล้วมุ่งเน้นว่าจะบ่มเพาะความเมตตาอย่างไร เราอาจเริ่มจากเข้าใจว่าเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่จะปกป้องภาพลักษณ์ของตนเอง เขาก็อยากให้คนอื่นรับรู้ตัวตนเขาตามจริง เช่นเดียวกับที่เราเองก็อยากให้คนอื่นรับรู้ เขาก็ยังไม่พ้นไปจากสัญชาติญาณพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกับเราที่ก็โกรธเป็นเมื่อโดนเข้าใจผิด
เขาเองก็อาจไม่ได้มั่นใจในตนเองไปเสียทุกเรื่อง เช่นเดียวกับเราที่ก็อาจมีบางด้านในตนเองที่ไม่กล้ายอมรับ ไม่กล้าสบตาเหมือนกัน เราไม่ต่างกันเลย :)
ในอีกด้านของความไม่สมบูรณ์เเบบ มนุษย์ก็คือสัตว์ที่สามารถพัฒนาให้สมบูรณ์แบบขึ้นได้ หากอิงจากหนังสือ The Gap เราอาจส่งเสริมทักษะทางสังคมด้วยการรู้จักสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และใช้ศักยภาพสมองในการทำประโยชน์หลากหลายประการ ตั้งแต่ขัดเกลาจิตใจจนอยู่พ้นไปจากสัญชาติญาณ ใช้ความสามารถทำประโยชน์แก่ผู้อื่น ลามไปจนถึงลับคมความคิด แสวงหาความจริงของชีวิตและจักรวาล
ยิ่งไล่ตามการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ อาจยิ่งห่างไกลความเป็นมนุษย์...
เเละถึงวันนั้น วานรอาจไม่นับญาติกับเราอีกเลย
-Just Write
โฆษณา