25 ส.ค. เวลา 07:52 • หนังสือ

#1 9️⃣ การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง — บทที่ 1️⃣ หนังสือทันกาล(1)

💟 ผู้แปล คุณ♾️อุดม
.1️⃣.
#หนังสือทันกาล
หากมีสิ่งสำคัญรอบตัวคุณกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ในขณะนี้ ผมขอแสดงความเสียใจด้วย
ผมรู้ดีว่าการที่ได้จัดการทุกสิ่งให้เข้าที่เข้าทางได้ในที่สุดนั้นให้ความรู้สึกสบายใจเพียงใด ผมยังรู้ด้วยว่าความรู้สึกที่ปรารถนาให้สิ่งเหล่านั้นคงอยู่เช่นนั้นเป็นอย่างไร และผมรู้ว่ามันรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหนเมื่อมันไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมันไม่ยอมเป็นเช่นนั้น เมื่อมันไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้
เป็นที่ชัดเจนว่ามันมากกว่าแค่คำว่า “หงุดหงิด” หากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสถานการณ์และเงื่อนไขที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณ
หากคุณพบว่าตัวเองต้องสูญเสียการทำมาหาเลี้ยงชีพไปอย่างกะทันหัน ไม่สามารถหางานได้ มีบิลค่าใช้จ่ายค้างชำระอย่างหนัก บางทีอาจถึงขั้นกำลังจะสูญเสียบ้าน คุณกำลังเผชิญกับอะไรที่มากกว่าแค่ความรู้สึกว่า “สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปแล้ว” คุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกว่า “ทุกอย่างสูญสิ้นแล้ว” นี่ไม่ใช่เพียงความรู้สึกสับสนวุ่นวาย แต่เป็นความรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม
แม้ว่าคุณจะไม่ได้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่หายนะขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในชีวิตของคุณ ความรู้สึกถูกคุกคามก็อาจเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ของคุณได้ พวกเราส่วนใหญ่รู้สึกว่าวิถีชีวิตของเราถูกคุกคามเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับสามสิ่งสำคัญ :
#ความสัมพันธ์
#เงิน
#สุขภาพ
หากหนึ่งในสิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลง มันอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก หากสองในสามสิ่งนี้กำลังเปลี่ยนแปลง มันอาจเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ หากทั้งสามสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน มันอาจเป็นเรื่องที่ทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง
ผมรู้เรื่องนี้ดี
ผมเคยผ่านมันมา
ทั้งสามอย่าง
ผมผ่านมันมาทั้งสามอย่าง พร้อมกัน
พูดถึงเรื่องความรู้สึกถูกคุกคาม...
...ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนคอหัก (สุขภาพ) ต้องหยุดทำงานหลายเดือนเพื่อการฟื้นฟู ในขณะที่บริษัทประกันพยายามหาทุกวิถีทางที่จะลดหรือตัดค่าชดเชย (เงิน) และในเวลาเดียวกันผมก็กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดจากการแยกทางกับคู่ชีวิตและลูกๆ ขณะที่ชีวิตของเราเปลี่ยนทิศทางอย่างรุนแรง (ความสัมพันธ์)
พูดถึงเรื่องความรู้สึกถูกคุกคาม...
ผมกลายเป็นคนไร้บ้านเป็นเวลา 1 ปี อาศัยอยู่กลางสภาพอากาศ เดินขอทานตามท้องถนนเพื่อเงินเล็กๆ น้อยๆ และเก็บกระป๋องน้ำอัดลมและขวดเบียร์เพื่อหาเงินมาซื้ออาหาร (บางวันก็ไม่ค่อยได้ผลนัก) มีถุงนอนและเต็นท์ กางเกงยีนส์สองตัว เสื้อสามตัว และของจิปาถะอีกเล็กน้อยเป็นสมบัติทั้งหมดที่มี
 
ผมรู้จักความรู้สึกของการสูญเสียความรู้สึกปลอดภัย ผมรู้ว่ามันเป็นอย่างไรที่ต้องยืนดูชีวิตพังทลายอย่างไร้หนทางช่วยเหลือ การที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์
ใช่ ผมรู้จักเรื่องแบบนั้นดี เชื่อผมเถอะ
และผมก็รู้วิธีรับมือกับมันบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าผมทำได้ดีนักในตอนนั้นหรอกนะ แต่หนังสือเล่มนี้พูดถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มานับตั้งแต่นั้น
เราจะพูดถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหลายแห่งเกี่ยวกับวิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพราะนั่นคือแก่นแท้ของเรื่องทั้งหมด เรารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญกับความล่มสลาย หายนะ ความวิบัติ... แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นผลกระทบภายนอกที่เกิดจากสาเหตุเดียว : การเปลี่ยนแปลง บางสิ่งไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป บางสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว อย่างไม่มีวันย้อนกลับ อย่างประเมินค่าไม่ได้ อย่างถึงแก่น และอย่างสิ้นเชิง
วันนี้ผมได้รับอีเมลจากสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่กำลังเผชิญกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ในชีวิต เธอรู้ว่าผมกำลังเขียนหนังสือเล่มนี้อยู่และเธอเขียนว่า :
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะระบุสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับฉันได้ว่าเป็น ‘การเปลี่ยนแปลง’ เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางมัน เมื่อทุกอย่างรอบตัวกำลังพังทลาย คุณไม่สามารถระบุหรือเรียกมันได้ว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ มันรู้สึกเหมือนจุดจบมากกว่า... ทุกสิ่งที่คุณรู้จักกำลังจะจบลงและไม่มีอะไรหลังจากนั้น ถ้าคุณถามฉันก่อนที่จะได้ยินเกี่ยวกับหนังสือของคุณว่าฉันกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ฉันคงไม่ได้นิยามมันแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร นอกจากบอกว่าชีวิตพังพินาศ มันจบแล้ว”
สุภาพสตรีท่านนี้ชื่อลีอาห์ และเธออนุญาตให้ผมนำคำพูดของเธอมาอ้างอิงในหนังสือเล่มนี้ได้ เธอได้เพิ่มเติมบางสิ่งที่ลึกซึ้งมาก
“การเปลี่ยนแปลงนั้นน่ากลัว” เธอกล่าว “แต่มันต่างจากความรู้สึกว่า ‘เกมจบแล้ว’ ฉันได้เปิดดูความหมายของคำว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ ในพจนานุกรม #การเปลี่ยนแปลงบ่งบอกว่ากำลังจะมีสิ่งใหม่เข้ามา นี่เป็นมุมมองที่แตกต่างอย่างมากจากที่บางคน (ที่กำลังเผชิญกับหายนะในชีวิต) อาจมี และมันอาจเป็นประโยชน์ที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลง”
เยี่ยมมากลีอาห์ นั่นเป็นข้อคิดที่ดีมาก ผมจึงได้รื้อบทแรกที่เคยเขียนไว้และกลับมาเขียนบทนี้แทน ผมตระหนักว่าลีอาห์พูดถูก ดังนั้นผมจะนิยามคำว่า การเปลี่ยนแปลง โดยให้ความหมายว่าดังนี้ :
การเปลี่ยนแปลง
คือการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ
สถานการณ์ หรือเงื่อนไขใดๆ
ทั้งทางกายภาพและไม่ใช่ทางกายภาพ
ในลักษณะที่ทำให้สิ่งเดิม
ไม่เพียงแค่แตกต่างไปจากเดิม
แต่เปลี่ยนไปอย่างถึงรากถึงโคน
จนไม่สามารถจำได้
และไม่มีทางกลับไปเป็นอะไร
ที่คล้ายคลึงกับสภาพเดิมได้อีก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เรากำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่นี่ เราไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเมนูอาหารกลางวันหรือตารางรายการทีวียามค่ำคืน เรากำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต—แบบที่ทำให้เจ็บปวด แบบที่ทำให้เสียหาย แบบที่ทำลายความฝันและทำลายแผนการและทำลายอนาคต—
และเรากำลังพูดถึงการเยียวยาสิ่งเหล่านี้ด้วยเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตในระดับเดียวกัน เรากำลังบอกว่าเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลง #บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ทุกอย่างทางกายภาพ แต่ทุกอย่างที่ไม่ใช่ทางกายภาพด้วย ซึ่งรวมถึงอารมณ์ความรู้สึก ความคิด #แม้กระทั่งความจริงของคุณ
เรากำลังพูดถึงการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ตั้งแต่บนลงล่าง ทั้งภายในและภายนอก ในเมื่อชีวิตของคุณถูกพลิกกลับหัวกลับหางไปแล้ว ทำไมไม่ทำให้มันเสร็จสิ้นไปเลยล่ะ❓ แต่คราวนี้ #ในแบบที่คุณต้องการให้มันเป็น #แทนที่จะเป็นในแบบที่คุณรู้สึกว่าถูกบังคับให้ต้องยอมรับ...
ขณะที่เราเริ่มการสำรวจนี้ ผมหวังว่าคุณจะรู้สึกได้ว่าผมเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณอย่างน้อยก็ได้บ้าง เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณไม่ได้กำลังฟังเรื่องทั้งหมดนี้จากคนที่ไม่รู้เลยว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรอยู่—จากคนที่เป็น “กูรูแก้ปัญหา” ที่เทศนาจากบนยอดเขาโดยไม่เคยอยู่ใกล้จุดที่คุณอยู่ในตอนนี้เลย ผมหวังว่าคุณจะรู้สึกได้ว่าแม้จะไม่มีอะไรในชีวิตที่กำลังดำเนินไปด้วยดี แต่การที่คุณได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอย่างน้อยก็เป็นสิ่งดีหนึ่งอย่าง #หนึ่งสิ่งดีได้เกิดขึ้นวันนี้
เราเริ่มจากตรงนั้นได้ เราสามารถเริ่มจากตรงนั้น เราจะยืนเคียงข้างกัน คุณและผม และประกอบชีวิตทั้งหมดของคุณขึ้นมาใหม่—ในวิธีใหม่ ในวิธีที่ดีกว่าเดิม
กล้าที่จะสัญญาแบบนั้นด้วยหรือ❓ เอาล่ะ ผมกำลังบอกว่า “มาลองดูกันสักตั้ง” มาดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง คุณไม่มีอะไรจะเสียแล้วใช่ไหมล่ะ❓ ดังนั้นมาลองดูกัน มาทำให้การที่คุณหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาไม่ใช่แค่หนึ่งสิ่งดีที่เกิดขึ้นวันนี้ #แต่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ❗
ว่าไงครับ❓
อยากทำไหม❓
อยากลองดูไหม❓
ถ้าคุณเหนื่อยเกินไป ท้อแท้เกินไป หมดแรงจากการต่อสู้ในชีวิตจนแม้แต่จะลอง คุณจะแค่ทำสิ่งนี้ได้ไหม...❓ #แค่ลองที่จะลอง❓
ถ้าคุณจะลองที่จะลอง ผมคิดว่าเราทำได้ และผมจะสัญญากับคุณในข้อนี้ คุณไม่ต้องไปเร็วกว่าที่คุณต้องการ ไม่ต้องเร็วกว่าที่คุณรู้สึกสบายใจ
ผมจะให้จุดหยุดพักมากมาย ให้ช่วงเวลาพักหายใจหลายช่วง เพื่อที่คุณจะสามารถ “พักสักครู่” เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าหนังสือประเภท การรู้สึกดีนั้นง่ายเหมือนกินขนมพาย เมื่อคุณกำลังประสบกับสิ่งที่ตรงกันข้ามพอดี ผมเกลียดหนังสือแบบนั้น ผมเกลียดหนังสือแบบ
เย่❗
เย่❗
เฮ❗
หนังสือแบบปลุกใจ ใช่สิ แค่โห่ร้องเชียร์แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เหอะ, ผมพูดกับตัวเอง★
(★นีลมีแอบแดกดันนิดหน่อยครับ ฮะๆ 😌 –ผู้แปล)
แน่นอนว่าหลังจากนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกแย่ลงไปอีก เพราะผมดูเหมือนจะทำให้ถูกต้องไม่ได้—แม้ว่าคนที่เขียนหนังสือจะบอกว่ามันง่ายมาก...
มาดูกันว่าเราเห็นตรงกันในเรื่องนี้หรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เมื่อไม่มีเครื่องมือ และใครล่ะมีเครื่องมือพวกนี้❓ มีโรงเรียนไหนสอนวิชาหายนะ 101❓ แล้ววิชาองค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตสมัยใหม่อยู่ที่ไหน❓ ดังนั้นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงระดับมหึมา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเราส่วนใหญ่
แต่มันเป็นไปได้ คุณสามารถผ่านการเปลี่ยนแปลง ยืนอยู่ท่ามกลางหายนะ และยังคงโอเค
คุณสามารถโอเคมากๆได้ ผมรู้ว่ามันฟังดูขัดกับสามัญสำนึก แต่มันเป็นความจริง
นั่นคือทั้งหมดที่ผมอยากบอกคุณในช่วงแรกที่เราอยู่ด้วยกันนี้ ผมแค่อยากให้เหตุผลกับคุณที่จะดำเนินต่อไป และผมไม่ได้หมายถึงแค่กับหนังสือเล่มนี้ คุณรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
เอาล่ะ นั่นอาจจะเพียงพอแล้วสำหรับการพิจารณาในตอนนี้ว่าจะอ่านต่อหรือไม่ คุณจะอ่านต่อก็ได้ถ้าต้องการ แต่ไม่จำเป็นต้องทำ ผมหมายความว่า นี่เป็นจุดที่เหมาะสมที่จะหยุด วางหนังสือลงตอนนี้และพักสักครู่
อย่างที่ผมบอก ผมได้ออกแบบหนังสือให้มีจุดหยุดพักมากมาย มีที่มากมายให้แค่ “พักหายใจ” และอยู่กับตัวเองและความคิดที่เรากำลังพิจารณา คุณจะพบช่วงเวลาพักหายใจเหล่านี้ไม่เพียงแค่ตอนจบบท แต่อยู่กลางบทด้วย (ผมเกลียดความรู้สึกที่คุณแค่อยากจะอ่านให้จบบทไม่งั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นคนที่ทิ้งกลางคัน และรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่แม้แต่จะอ่านให้จบบทยังทำไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงทั้งเล่ม…) [😅 –ผู้แปล]
จริงๆแล้วผมจะดีใจถ้าคุณไม่ได้อ่านจนจบบทโดยที่ไม่ได้หยุดพัก นั่นหมายความว่าคุณรู้สึกถึงผลกระทบของสิ่งที่ผมเพิ่งพูดและต้องการหยุดคิดเกี่ยวกับมันสักพัก ยอดเยี่ยม
ยอดเยี่ยมมาก
 
ดังนั้นโปรดหยุดตรงนี้และคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมเพิ่งพูดว่า “#คุณสามารถผ่านการเปลี่ยนแปลง #ยืนอยู่ท่ามกลางมัน #และยังคงโอเค_คุณสามารถโอเคมากๆได้”
นั่นเป็นความคิดที่ดีที่จะดื่มด่ำไปกับมัน คุณสามารถกลับมาอ่านส่วนที่เหลือได้ในภายหลัง เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณเลือก ถ้าจะอ่านต่อ แต่เฮ้ คุณอาจจะเลือกที่จะโยนหนังสือเล่มนี้ทิ้งไปเลยก็ได้ #คุณเป็นคนตัดสินใจ
 
นั่นคือ #สิ่งดีที่สองที่เกิดขึ้นกับคุณวันนี้ คุณได้กลับมาควบคุมอีกครั้ง
ใช่ ใช่ มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย—ว่าคุณจะอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อหรือไม่—แต่นั่นคือวิธีที่มันเริ่มต้น นั่นคือวิธีที่การสร้างใหม่เริ่มต้น...
ดังนั้นหยุดอ่านตอนนี้ได้เลยถ้าคุณต้องการและให้ช่วงเวลา
#หยุดพักหายใจอยู่กับตัวเอง
หายใจเข้าไปในสิ่งที่คุณเพิ่งอ่าน แล้วตัดสินใจตอนนี้ว่าคุณต้องการจะอ่านต่อ หรือพักอยู่กับมันสักพักแล้วมาพบผมที่นี่ในภายหลัง... #หรือไม่มาเลยก็ได้
ถ้าคุณพร้อมที่จะอ่านต่อ เลื่อนลงไปที่...
...
...
...
โฆษณา