มันฝรั่งทอด vs. มันฝรั่งต้ม: ทำไม "เฟรนช์ฟรายส์" ถึงเพิ่มความเสี่ยงเบาหวานมากกว่า?
เคยสงสัยไหมว่าทำไมมันฝรั่งทอดถึงดูเป็นผู้ร้ายในเรื่องสุขภาพ แต่เรากลับได้ยินว่ามันฝรั่งต้มหรืออบก็ยังถือว่าพอมีประโยชน์ ความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ตรงไหนกันแน่ คำตอบที่น่าสนใจนี้มาจากทีมนักวิจัยนานาชาติที่ร่วมกันศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่เรากินกับโรคเบาหวาน โดยใช้ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 229,000 คน ที่ไม่มีโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือมะเร็งตั้งแต่เริ่มต้นการศึกษา ซึ่งได้รับการติดตามสุขภาพในสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลานานเกือบ 40 ปี
จากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด นักวิจัยพบผลที่น่าสนใจว่า การกินมันฝรั่งทอดเพียง 3 หน่วยบริโภคต่อสัปดาห์ ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณ 180 กรัม เพิ่มความเสี่ยงในการเป็น โรคเบาหวานประเภท 2 (โรคเรื้อรังที่เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมกัน) สูงถึง 20%
ในทางกลับกัน การกินมันฝรั่งต้ม อบ หรือบดในปริมาณที่เท่ากันกลับไม่พบความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ หากเราเปลี่ยนมันฝรั่งทอดไปเป็นธัญพืชไม่ขัดสี ความเสี่ยงเบาหวานจะลดลงได้มากถึง 19% เลยทีเดียว
มันฝรั่งต้ม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่าแบบทอด
แล้วทำไมมันฝรั่งทอดถึงอันตรายกว่า?
คำตอบไม่ได้อยู่ที่ "แป้ง" เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ "วิธีการปรุง" ที่เปลี่ยนองค์ประกอบของมันฝรั่งไปอย่างสิ้นเชิง การทอดที่อุณหภูมิสูงทำให้มันฝรั่งดูดซับน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่แค่เพิ่มแคลอรี่ แต่ยังเพิ่มปริมาณไขมันที่ไม่ดีและไขมันทรานส์ ที่ส่งผลต่อการทำงานของอินซูลินและนำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน นอกจากนี้ ความร้อนสูงยังทำให้เกิดสารใหม่ที่เป็นอันตราย เช่น อะคริลาไมด์ (Acrylamide) ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายและเพิ่มความเครียดจากออกซิเดชัน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคเบาหวาน
งานวิจัยนี้ไม่ได้บอกว่าห้ามกินมันฝรั่ง แต่เป็นการให้ข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าอาหารแต่ละชนิดส่งผลต่อร่างกายอย่างไร การเลือกปรุงมันฝรั่งด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การต้ม อบ หรือนึ่ง จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องรับความเสี่ยง และหากต้องการสุขภาพที่ดีในระยะยาว การหันมาเลือกอาหารที่ดีกว่าอย่างธัญพืชไม่ขัดสี หรือพืชตระกูลถั่ว ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง
Mousavi, S. M., Gu, X., Imamura, F., AlEssa, H. B., Devinsky, O., Sun, Q., ... & Willett, W. C. (2025). Total and specific potato intake and risk of type 2 diabetes: results from three US cohort studies and a substitution meta-analysis of prospective cohorts. bmj, 390.
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
