Power of The Act: สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า SMR เพื่อ AI ในยุคการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ลงทุนแมนได้เผยแพร่บทความชื่อ “SMR โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จิ๋ว ตั๋วใบสุดท้ายของไทย ในขบวนรถไฟที่ชื่อ AI” โดยมีข้อความที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า “รถไฟที่ชื่อว่า AI มีที่นั่งให้กับประเทศต่าง ๆ มากมาย แต่ทั้งหมดนี้ ขบวนรถไฟนี้จะวิ่งไปได้ไม่ไกลเลยถ้าไม่มีเชื้อเพลิงสำคัญที่มาจากพลังงานไฟฟ้า… พลังงานไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิงที่ป้อนให้กับ Data Center ที่ทำตัวเป็นทั้งครูคอยสอน AI ให้เก่งขึ้น พร้อมกับทำหน้าที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ให้อยู่บนโลกออนไลน์”
1
เมื่ออ่านบทความดังกล่าวแล้วทำให้ผู้เขียนเข้าใจว่าหากไม่มีไฟฟ้าที่มั่นคง เพียงพอ ต่อเนื่อง มาป้อนให้กับ Data Center ที่มี AI ร่วมอยู่บนรถไฟขบวนนั้นแล้ว AI ก็จะขาดคุณครูที่มีพลังและฉลาดที่มาสอนให้ AI เก่งและฉลาดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันครูเก่ง ๆ ก็จะคำนึงถึง “ความยั่งยืน” ในการมาสอน AI ด้วย
ครูเก่ง ๆ อย่าง Amazon และ Microsoft จะไม่สอนด้วยรถไฟที่เป็นยานพาหนะที่มีเครื่องมือที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรืออย่างน้อยจะต้องก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด หมายความว่าไฟฟ้าที่ Data Center เหล่านี้จะใช้ต้องทั้ง “เพียงพอ ต่อเนื่อง และยั่งยืน” จะขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ คำถามคือ ระบบพลังงานของประเทศไทยเปิดโอกาสให้มีไฟฟ้าแบบนี้คอยป้อนให้กับ “คุณครูเก่ง ๆ” เหล่านี้หรือไม่
บทความนี้ จะชวนผู้อ่านวิเคราะห์ฉากทัศน์และความเป็นไปได้ที่ Data Center จะ “ซื้อ” และ “รับมอบหน่วยไฟฟ้า” ที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor หรือ “SMR”) ภายใต้โครงสร้างกิจการไฟฟ้าแบบ Enhanced Single Buyer (ESB) และระบบการกำกับกิจการพลังงานตามกฎหมายในปัจจุบัน
Data Center จะเลือกไฟฟ้าจาก SMR ได้หรือไม่?
หากเราตั้งหลักจากตัว Data Center ในฐานะ “ผู้ใช้ไฟฟ้า” ที่ต้องการไฟฟ้าสะอาดแล้ว สามารถเริ่มต้นได้จากการที่ตัว Data Center ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากทรัพยากรพลังงานหมุนเวียน ณ สถานที่ตั้งของ Data Center นั้นเอง เช่น การรับไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ในที่ดินของตัวเอง
หรือซื้อไฟฟ้าโดยตรงจากผู้ผลิตที่ติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในที่ดินของ Data Center ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าเป็นโครงการในฐานะ “IPS” หรือ Independent Power Supply ซึ่งเป็นโครงการที่ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองโดยไม่ขายเข้าระบบของการไฟฟ้าหรือจำหน่ายไฟฟ้าให้ลูกค้าโดยตรง
หากแต่เป็นสัญญาซื้อขายโดยตรงระหว่างเอกชน จะเห็นได้ว่าหน่วยไฟฟ้าที่ Data Center ใช้ในกรณีนี้ คือหน่วยไฟฟ้าสะอาดที่ผลิต ณ ที่ตั้งของ Data Center นั่นเอง จะไม่ปะปนกับหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้จากผู้ผลิตไฟฟ้าอื่นในระบบโครงข่ายไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม หากไฟฟ้าสะอาดที่ผลิต ณ ที่ตั้งของ Data Center มีปริมาณไม่เพียงพอ (เปรียบเสมือนว่าคุณครูจะมาสอน AI ไม่ได้หรือจะเกิดข้อขัดข้องบางประการ) แต่ตัว Data Center ที่มี AI อยู่บนขบวนนี้คงจะหยุดให้บริการไม่ได้ และจำเป็นต้อง “ใช้ไฟฟ้าสะอาดเพิ่ม” คำถามคือ จะใช้ไฟฟ้าจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่ยังเรียกได้ว่าเป็นไฟฟ้าสะอาดได้หรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ “อุปสงค์ไฟฟ้าสะอาดเหล่านี้” สามารถได้รับการตอบสนองโดยผู้ผลิตไฟฟ้าจาก SMR ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจาก Data Center กล่าวคือโรงไฟฟ้า SMR หากไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงเดียวกันแล้วการซื้อขายไฟฟ้านี้ก็จะหลุดออกจาก IPS Model หรือไม่ และ SMR อาจต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าเพื่อส่งมอบไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว
หากจะมีโครงการ Kairos-TVA-Google ในประเทศไทย ย่อมเกิดคำถามว่าโครงสร้างกิจการไฟฟ้าและระบบการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานของประเทศไทยพร้อมรองรับการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้า SMR ซึ่งจะใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อส่งมอบไฟฟ้า โดยให้เจ้าของระบบโครงข่ายไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาไฟฟ้าให้กับ Data Center โดย Data Center เหล่านี้จะอ้างอิงใบรับรองคุณลักษณะพลังงานสะอาด โดยรัฐสามารถสร้างความปลอดภัยในการตั้งโรงไฟฟ้า SMR ได้หรือไม่?
ผู้เขียนเคยเผยแพร่บทความใน Power of The Act ชื่อ “กฎหมายกับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ SMR” เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สรุปใจความได้ว่า พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ได้สร้างระบบใบอนุญาตเพื่อกำกับดูแลการตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ และเมื่อจะมีการใช้เตาปฏิกรณ์เพื่อผลิตไฟฟ้าก็จะต้องมีการทดสอบเดินเครื่อง
เมื่อมีการผลิตไฟฟ้าและจ่ายหน่วยไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า SMR เข้าระบบโครงข่ายแล้ว ผู้ผลิตจะต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหลักฐานของการจ่ายหน่วยไฟฟ้าดังกล่าวเข้าระบบโครงข่ายไฟฟ้ากล่าวคือดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ “REC”) ซึ่ง กฟผ. สามารถออกให้ได้ตาม I-REC Standard และจะต้องโอน REC เหล่านี้ให้การไฟฟ้าที่รับซื้อไฟฟ้า
ในขั้นการส่งมอบหน่วยไฟฟ้านั้น การไฟฟ้าที่เป็นเจ้าของระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่จ่ายหน่วยไฟฟ้าที่ Data Center ใช้จริงจะจ่ายหน่วยไฟฟ้ารองรับการทำงานของ Data Center โดยโอน REC ให้กับ Data Center ทำให้ Data Center เหล่านี้สามารถกล่าวได้ว่าตนใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า SMR ได้โดยไม่ต้องใช้อิเล็กตรอนไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้า SMR ได้จ่ายเข้าระบบโครงข่าย
Data Center จะจ่ายค่าไฟฟ้าในราคาที่สะท้อนต้นทุนจากโรงไฟฟ้า SMR ให้การไฟฟ้าซึ่งเป็นเจ้าของระบบโครงข่ายไฟฟ้า ส่วนผู้ผลิตไฟฟ้าก็จะได้เงินค่าตอบแทนการผลิตและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบโครงข่ายไฟฟ้าจากการไฟฟ้าซึ่งรับซื้อไฟฟ้า
ไฟฟ้าสะอาดขึ้นแต่ก็ยังก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อมีการสร้างความร้อนโดยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ทำให้ไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้า SMR มีลักษณะเป็นไฟฟ้าที่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ ดังนั้น หากวัดที่ตัวโครงการผลิตและการทำงานของเตาปฏิกรณ์อาจเรียกได้ว่าไฟฟ้าที่ผลิตจาก SMR นั้นอาจไม่ได้ก่อหรือปล่อย CO2 น้อยกว่า ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้า SMR เหล่านี้จึงอาจเรียกได้ว่า “สะอาดกว่า” ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนอื่น การได้ REC มานั้นไม่ได้หมายความว่า Data Center จะอ้างได้ว่าตนไม่ได้ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเสียเลย
ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้ากล่าวคือ Data Center ก็จะสามารถเรียกได้ว่าให้การสนับสนุนทางการเงินกับผู้ผลิตไฟฟ้าโดยอ้อมผ่านการจ่ายเงินให้การไฟฟ้าโดยจะได้รับ REC มายืนยันการใช้ไฟฟ้าจาก SMR หากมีการดำเนินการในลักษณะนี้ได้ก็น่าจะเรียกได้ว่าระบบพลังงานของประเทศยังพอที่จะดึงครูเก่ง ๆ ให้ยังคงสอน AI ได้ต่อไป