6 ก.ย. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🌪️ "ภูเขาไฟ" อาจเป็นชนวนเหตุ "การปฏิวัติฝรั่งเศส": หลักฐานที่เชื่อมโยงวิกฤตอากาศกับความวุ่นวาย

เวลาเรานึกถึง การปฏิวัติฝรั่งเศส เรามักจะนึกถึงความอดอยาก, ความเหลื่อมล้ำ และคำพูดที่ว่า 'ถ้าไม่มีขนมปัง ก็กินเค้กแทนสิ'... แต่ถ้าผมจะบอกว่า เบื้องหลังความอดอยากนั้น อาจมีตัวการที่ใหญ่กว่าซ่อนอยู่ และมันคือ ภูเขาไฟระเบิด ที่อยู่ไกลออกไปถึงไอซ์แลนด์ล่ะครับ?
นี่คือการศึกษาทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง ซึ่งเชื่อมโยงหายนะทางธรรมชาติเข้ากับความวุ่นวายทางการเมืองได้อย่างไม่น่าเชื่อ
❄️ "ยุคน้ำแข็งน้อย" และคลื่นแห่งการปฏิวัติ
โลกของเราเคยผ่านช่วงเวลาที่อากาศหนาวเย็นผิดปกติที่เรียกว่า “ยุคน้ำแข็งน้อย” (Little Ice Age) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1250 ถึง 1860 โดยอุณหภูมิในยุโรปและอเมริกาเหนือลดลงเฉลี่ยถึง 3.15°C
ทีมนักวิจัยนำโดย เดวิด คาเนียฟสกี (David Kaniewski) จากมหาวิทยาลัยตูลูส (University of Toulouse) ในฝรั่งเศส ได้ทำการวิเคราะห์การลุกฮือครั้งใหญ่ในยุโรป 140 ครั้งในช่วงเวลานั้น และนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลสภาพภูมิอากาศ, การระเบิดของภูเขาไฟ และราคาของเมล็ดธัญพืช
🌾 เมื่อท้องฟ้ามืดมิด...ท้องคนก็หิว
ผลการศึกษาพบความเชื่อมโยงที่ชัดเจน:
• ช่วงที่อากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ มักจะตามมาด้วยการลุกฮือที่เพิ่มขึ้น
• การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้เถ้าถ่านบดบังแสงอาทิตย์และทำให้อากาศเย็นลงชั่วคราว มีความสัมพันธ์กับการเกิดความวุ่นวายในสังคมอย่างมีนัยสำคัญ
• แต่ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการลุกฮือมากที่สุดคือ ราคาข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ที่พุ่งสูงขึ้น
นักวิจัยสรุปว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายไม่ได้ทำให้คนลุกขึ้นมาปฏิวัติโดยตรง แต่มันทำให้เกิด โดมิโนเอฟเฟกต์: อากาศแปรปรวน ➡️ ผลผลิตทางการเกษตรล้มเหลว ➡️ อาหารขาดแคลน ➡️ ราคาพุ่งสูง ➡️ ประชาชนลุกฮือ
🌋 ภูเขาไฟ "ลากี" และการปฏิวัติฝรั่งเศส
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ การระเบิดของ ภูเขาไฟลากี (Laki) ในไอซ์แลนด์เมื่อปี 1783 ซึ่งได้ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์มหาศาลขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศและทำให้อากาศเย็นลงทั่วยุโรป
ทีมวิจัยพบว่าในช่วงเวลา 10 ปีหลังจากนั้น (1788-1798) คือช่วงที่เกิดการลุกฮือขึ้นบ่อยครั้งที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 1.4 ครั้งต่อปี และหนึ่งในนั้นก็คือ การปฏิวัติฝรั่งเศส นั่นเอง
⚠️ บทเรียนจากอดีต สู่คำเตือนในปัจจุบัน
แม้จะมีนักวิชาการบางส่วนชี้ว่านี่เป็นเพียง ความสัมพันธ์ (correlation) ไม่ใช่สาเหตุ (cause) แต่การศึกษานี้ก็เป็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
คาเนียฟสกีเตือนว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันอาจสร้างความปั่นป่วนได้รุนแรงกว่าในอดีตมาก" มันคือเครื่องย้ำเตือนว่า ความมั่นคงทางอาหารและเสถียรภาพของสภาพภูมิอากาศ คือรากฐานที่สำคัญของความสงบสุขในสังคม
🏡 นี่คือเรื่องใกล้ตัวเรา และไทยควรเรียนรู้อะไร?
ประวัติศาสตร์ไทยเองก็เคยมีช่วงเวลาที่ความวุ่นวายทางการเมืองมีความเชื่อมโยงกับภัยธรรมชาติเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะแห้งแล้งหรือน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนไทย
บทเรียนจากยุคน้ำแข็งน้อยจึงเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับประเทศไทยในยุคที่สภาพภูมิอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ว่าการสร้าง ความมั่นคงทางอาหาร และระบบการเกษตรที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของ ความมั่นคงของชาติ โดยตรง
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ อากาศเปลี่ยน คนเปลี่ยน: งานวิจัยใหม่ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงในอดีต (ยุคน้ำแข็งน้อย) มีความสัมพันธ์กับการลุกฮือทางการเมืองในยุโรป
✅ โดมิโนเอฟเฟกต์: ภูเขาไฟระเบิด ทำให้โลกเย็นลง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ราคาอาหารพุ่งสูง และนำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม
✅ ต้นตอการปฏิวัติฝรั่งเศส?: การปฏิวัติฝรั่งเศสเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การลุกฮือพุ่งสูงสุด ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ "ลากี" ในไอซ์แลนด์
✅ คำเตือนถึงปัจจุบัน: นี่คือบทเรียนจากประวัติศาสตร์ที่เตือนเราว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน อาจสร้างความปั่นป่วนทางสังคมได้รุนแรงกว่าในอดีตมาก
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
คุณคิดว่าบทเรียนจากประวัติศาสตร์ครั้งนี้ สามารถนำมาปรับใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันได้อย่างไรบ้างครับ? แล้วคุณเห็นความเชื่อมโยงระหว่าง "สิ่งแวดล้อม" กับ "การเมือง" ในบ้านเราบ้างไหม?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🌋 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมไขปริศนาเบื้องหลังประวัติศาสตร์โลกด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Kaniewski, D., et al. (2025). A climate of conflict: How the little ice age sparked rebellions and revolutions across Europe. Global and Planetary Change. https://doi.org/p37g
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
ประวัติศาสตร์คือ "บทเรียน" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากเรารู้จักที่จะรับฟังและเชื่อมโยงมันเข้ากับปัจจุบัน...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการทำหน้าที่เป็น "นักประวัติศาสตร์" ที่จะค้นหา "ความเชื่อมโยง" ระหว่างอดีต, ปัจจุบัน, และอนาคต ผ่านเลนส์ของวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นบทเรียนสำหรับพวกเราทุกคน
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้เราสามารถเดินทางข้ามเวลาเพื่อค้นหาบทเรียนเหล่านี้ต่อไปได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา