ฝรั่งเศสจะไปทางไหน?.
หากที่นั่นไม่มีชั้น 14 สำหรับการล่มสลายของรัฐบาลบาเยโรว์ (Bayrou)แล้วงานนี้ฝรั่งเศสจะเดินไปในทิศทางไหนกันล่ะ?
รัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรีบาเยโรว์ของฝรั่งเศส ไม่สามารถผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาในวันที่ 8 ได้
ทำให้ บาเยโรว์ ยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีมาครงในวันที่ 9 ในนามของรัฐบาล
และนี่จะทำให้บาเยโรว์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ที่ลาออกในช่วงที่มาครงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 และนำพาฝรั่งเศสเข้าสู่ความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกครั้ง
แล้วทำไมบาเยโรว์จึงยื่นคำร้องขอให้มีการออกเสียงไม่ไว้วางใจอย่างจริงจัง(เกินไป)ล่ะ?
และอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลของเขาต้องล่มสลาย?
แล้ววววว..ผลกระทบต่อฝรั่งเศสจะเป็นอย่างไร?
หากจะหาเหตุผลว่า .....ทำไมเขาจึงยื่นคำร้องขอให้มีการออกเสียงไม่ไว้วางใจ ในการลงมติไว้วางใจที่จัดขึ้นในรัฐสภาเมื่อบ่ายวันที่ 8
รัฐบาลบาเยโรว์ ได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบเพียง 194 เสียง และไม่เห็นด้วย 364 เสียง และ.....ไม่ผ่าน
และ...คำขอลงมติไว้วางใจของบาเยโรว์ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งเป็นมาตรการที่เขาต้องดำเนินการท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งในการบริหารประเทศ
ที่ผ่านมา รัฐบาลบาเยโรว์ได้เผยแพร่ร่างงบประมาณปี 2569 ของฝรั่งเศสในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเดิมกำหนดไว้สำหรับการพิจารณา
และลงคะแนนเสียงในรัฐสภาในวันที่ 14 ตุลาคม
อย่างไรก็ตาม งบประมาณดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน และด้วยจำนวนที่นั่งในรัฐบาลผสมที่มีจำกัด (จึงไม่น่าจะได้เสียงข้างมาก)
นอกจากนี้ ฝ่ายค้านยังประกาศแผนการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 23 กันยายน และสนับสนุนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเบย์รู หรือ บาเยโรว์ อย่างกว้างขวาง
ซึ่งนี่ทำให้รัฐบาลเบย์รูมีความเสี่ยงที่จะถูกถอดถอน
ในบริบทนี้ ปลายเดือนสิงหาคม บาเยโรว์ได้ประกาศว่าจะขอลงมติไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 8 กันยายน เพื่อแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลเผชิญอยู่
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิด "ฉันทามติขั้นต่ำ" ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
และผลักดันขั้นสุดท้ายให้ผ่านร่างงบประมาณ
ส่วน สาเหตุของการตกต่ำของรัฐบาลเบย์รูคือ จำนวนที่นั่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่จำกัดของพรรคร่วมรัฐบาล
ในปัจจุบัน จากจำนวนที่นั่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหมด 577 ที่นั่ง พรรค New Popular Front ฝ่ายซ้ายครองที่นั่งนำหน้าอยู่ 190 ที่นั่ง
พรรคร่วมรัฐบาลได้ที่นั่งอันดับสอง 161 ที่นั่ง และพรรค National Rally ฝ่ายขวาจัดได้ที่นั่งอันดับสาม 123 ที่นั่ง
จำนวนที่นั่งรวมกันของพรรคฝ่ายค้านสองพรรค
คือ พรรค Left Coalition และพรรค National Rally ก็ดูสูงกว่าเสียงข้างมาก(เด็ดขาด)ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (289 ที่นั่ง)ไปแล้ว
ด้วยเสียงข้างมากของพรรคฝ่ายค้านนี้ ทำให้รัฐบาลของเบย์รูตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
เมื่อเร็วๆ นี้ บาเยโรว์ ได้มีส่วนร่วมอย่างมากกับทุกฝ่ายการเมืองในรัฐสภา โดยเฉพาะฝ่ายค้าน
แต่พรรคฝ่ายค้านหลักทั้งสองพรรคได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนเขา ก่อนการลงมติไว้วางใจ
บาเยโรว์ เองก็ได้ล่วงรู้ถึงผลลัพธ์นี้
ในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์
เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมกำลังเสียสละตนเองเพื่อคลายความตึงเครียด" อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลต้องล่มสลายคือความล้มเหลวของร่างงบประมาณรัดเข็มขัดที่วางแผนไว้
ซึ่งไม่สามารถรวบรวมการสนับสนุนจากประชาชนได้ ร่างงบประมาณดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะลดการใช้จ่ายงบประมาณลง 43.8 พันล้านยูโร
และลดการขาดดุลงบประมาณลงเหลือ 4.6% ของ GDP รัฐบาลยังวางแผนที่จะยกเลิกวันหยุดราชการสองวันเพื่อกระตุ้นการผลิต
ซึ่งนั่นกลับถูกต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนชาวฝรั่งเศส
จากผลสำรวจโดยบริษัทวิจัย Audoxa ของฝรั่งเศสเมื่อปลายเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นว่าประชาชนชาวฝรั่งเศสกว่า 80% คัดค้านมาตรการดังกล่าว
ผลสำรวจอีกฉบับหนึ่งที่จัดทำโดยสถาบันความคิดเห็นสาธารณะของฝรั่งเศส พบว่าประชาชนชาวฝรั่งเศส 82% เชื่อว่าบาเยโรว์ไม่สามารถปฏิรูปใดๆได้
เพื่อประท้วงร่างงบประมาณของบาเยโรว์ ประชาชนชาวฝรั่งเศสหลายภาคส่วนได้วางแผนการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในวันที่ 10 กันยายน
ซึ่งเรียกว่า "Blockade France"
แล้วอย่างนั้นผลกระทบจะเป็นอย่างไร?
ในการให้สัมภาษณ์ร่วมกับโทรทัศน์ฝรั่งเศส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝรั่งเศส เธียร์รี เบรอตง( Thierry Breton ) ก็เรียกการล่มสลายของรัฐบาล Bayrou ว่าเป็น
"โศกนาฏกรรม"
สำหรับฝรั่งเศส "ผมไม่อยากให้ Bayrou ลาออก" เขากล่าว
"ฝรั่งเศสจะไม่มีงบประมาณสำหรับปีหน้า ขณะนี้เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ทางการคลังที่เลวร้ายที่สุดในบรรดาประเทศในยูโรโซน
โดยมีการขาดดุลการคลังเกิน 6% และหนี้สินจะเพิ่มขึ้นอีก 170 พันล้านยูโรในปีนี้
หนี้สินที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานะระหว่างประเทศของฝรั่งเศส"
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจของสถาบันการเมืองศึกษาแห่งปารีส ประเมินว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศสจะส่งผลกระทบทางลบ
ทางด้าน Fitch ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้ออกเผยแพร่รายงานในวันที่ 12 กันยายนว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 0.3% ของ GDP ในปี 2568
ซึ่งมันมีแนวโน้มที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส
เกี่ยวกับผู้สืบทอดตำแหน่งของ Bayrou ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ออกแถลงข่าวเมื่อเย็นวันที่ 8 กันยายน โดยระบุว่า
มาครง จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ "ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
นิตยสาร Le Point ก็ได้ระบุทางเลือกที่เป็นไปได้หลายๆทางสำหรับมาครง
ทางแรก เขาสามารถแต่งตั้งผู้สมัครจากพรรครัฐบาลได้ทันที หรือผู้สมัครที่สามารถสร้างฉันทามติร่วมกันจากทุกพรรค
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลขาดเสียงข้างมากในรัฐสภา นายกรัฐมนตรีคนใหม่อาจถูกฝ่ายค้านถอดถอนได้อย่างรวดเร็ว
ทางที่สอง รัฐบาลบาเยโรว์ อาจทำหน้าที่เป็นรัฐบาลรักษาการ
โดยยังคงดูแลกิจการประจำวันต่อไปจนกว่า มาครงจะหานายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมกว่าได้
แต่ สถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของเขา และคาดว่าจะไม่ยาวนานนัก
ทางที่สาม คือ หากผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังคงลังเล มาครงอาจยุบสภาแห่งชาติอีกครั้งและจัดให้มีการเลือกตั้งก่อนกำหนด
ส่วนการยุบสภาแห่งชาติเป็น "การพนันที่เสี่ยง"
ซึ่งอาจซ้ำรอยผลการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อปีที่แล้ว และเสริมสร้างอำนาจของฝ่ายค้านในรัฐสภาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
15 เดือนหลังจากการยุบสภาแห่งชาติเมื่อปีที่แล้ว
ฝรั่งเศสก็ตกอยู่ในความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกครั้ง และมาครงก็ยังค้นหา 'สูตรสำเร็จ' ที่จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายทางการเมืองไม่ได้
สถานการณ์ในฝรั่งเศสจะยิ่งสร้างความกังวลมากขึ้นในหมู่ภาคธุรกิจและพันธมิตรยุโรป
และในสถานการณ์เช่นนี้ ต่างถูกเรียกว่า "ชาติแห่งการยอมจำนนด้วยขนนกสีขาว"นั่นเอง
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
