เมื่อกฏ 20% ใช้ไม่ได้...เรามาดูกันว่าใครจะชนะ ระหว่างชาวมุสลิมเท็กซัส หรือ ประธานาธิบดีทรัมป์?
ชาวมุสลิมกำลังผลักดันกฎหมายชารีอะห์ในรัฐเท็กซัส แต่จริงๆแล้วนี่คือการบ่อนทำลายหลักนิติธรรมครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
เมื่อเห็นว่าชาวมุสลิมในยุโรปได้เข้ายึดครองสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ชาวมุสลิมอเมริกันก็เริ่มกระสับกระส่ายเช่นกัน
ชาวมุสลิมในรัฐเท็กซัสกำลังเดินเคาะประตูบ้าน
เตือนธุรกิจต่างๆ ว่าพวกเขามีเวลา 30 วันในการนำสินค้าที่ “ฮารอม(สิ่งที่ ต้องห้ามโดยเด็ดขาด ตามคำสั่งของอัลลอฮ์ )” ออก
เช่น แอลกอฮอล์ เนื้อหมู และการพนัน มิฉะนั้นพวกเขาจะประท้วงเพื่อส่งเสริม “ชารีอะห์”
ขณะเดียวกัน นักเทศน์ศาสนาอิสลาม(อิหม่าม)ในเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่า
พระเจ้าทรงส่งพวกเขามาครอบครองอเมริกา
และกล่าวเสริมว่า “แม้จะมีเทคโนโลยีมากมาย แต่ชาวอเมริกันกลับไร้อารยธรรมและล้าหลังมาก
พวกเขาใช้กระดาษชำระเช็ดตัว พระเจ้าส่งเรามาเพื่อพัฒนาพวกเขาให้เจริญขึ้น
เพราะพวกเขาเป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อยที่สุด ชาวคริสต์อิจฉาเรามาก และประเทศของพวกเขากำลังมุ่งหน้าสู่ความล่มสลาย!”
ซึ่งตอบสนองจากสถานการณ์ในสุนทรพจน์ที่มาจากการประชุมสาธารณะของคณะกรรมาธิการประธานาธิบดีว่าด้วยเสรีภาพทางศาสนา
ซึ่งได้จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์พระคัมภีร์ไบเบิล เมื่อวันที่ 8 กันยายน
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เน้นย้ำว่า ศรัทธาในพระเจ้าไม่ใช่แค่คำพูดหรือคำขวัญที่ติดไว้บนผนัง...
แต่เป็นรากฐานที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ
เขากล่าวว่าอเมริกาที่เข้มแข็งต้องเริ่มต้นด้วยการนำศรัทธากลับคืนสู่ชีวิตและสังคมของเรา
“เราต้องนำศรัทธากลับคืนสู่อเมริกา ทำให้มันแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา ขณะที่ประเทศของเราเติบโตแข็งแกร่งขึ้น”
เขากล่าวว่า “อเมริกาเป็นประเทศที่เชื่อในพลังของการสวดมนต์มาโดยตลอด เราจะไม่มีวันขอโทษสำหรับศรัทธาของเรา และเราจะไม่มีวันสละสิทธิที่พระเจ้าประทานให้
เราจะปกป้องเสรีภาพ ค่านิยม อธิปไตย และเอกราชของเรา”
และเพื่อตอบสนองในอีกสถานการณ์นึง เมื่ออิสราเอล ออกมาเล่นใหญ่ ด้วยการจัดขีปนาวุธ ยิงถล่มเข้าไปในที่พักของผู้แทนเจรจาของกลุ่มฮามาส และปาเลสไตน์
ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
ที่ทางด้านอิสราเอลก็ออกมายืดอกยอมรับว่า เป็นปฎิบัติการทางทหารของฝ่ายตนเอง
โดยมีเป้าหมายในการทำลายล้างกลุ่มฮามาสเป็นสำคัญไม่ว่าจะกบดานอยู่ที่ใด แต่ก่อนจะยิง เนทันยาฮูได้โทรแจ้งโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทำให้เข้าใจได้ว่าสหรัฐก็เห็นชอบกับการโจมตีของอิสราเอลในดินแดนกาตาร์ในอีกรณีนึงด้วย
https://www.aljazeera.com/news/2025/9/9/israel-attacks-hamas-leadership-in-qatar-all-to-know
จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา ...ชาวมุสลิมในยุโรปได้เข้ายึดครอง ฝรั่งเศส เยอรมนี และ สหราชอาณาจักร จนทั้งหมดกลายเป็นรัฐมุสลิมไปแล้ว
จากภาพข้างบน... นี่ไม่ใช่อัฟกานิสถาน ซีเรีย ปากีสถาน หรือซาอุดีอาระเบีย แต่นี่คือ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันประชากรมุสลิมในสหราชอาณาจักรคิดเป็น 6.9% และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จำนวนประชากรมุสลิมในเมืองต่างๆ ของสหราชอาณาจักร ได้แก่ เบอร์มิงแฮม 29.9% แบรดฟอร์ด 30.5% นิวคาสเซิล 10.3% คาร์ดิฟฟ์ 9.3% เลสเตอร์ 23.5% ลอนดอน 15% และแมนเชสเตอร์ 22.3%
อนาคต คุณจะเห็นได้ว่าสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐ จะกลายเป็นประเทศที่ปกครองโดยมุสลิมในไม่ช้า
จนเมื่อเร็วๆ นี้ หญิงชาวอังกฤษรายนึง ได้กล่าวกับชาวมุสลิมอย่างบ้าคลั่งว่า "ฉันพอแล้ว! กลับไปยังประเทศมุสลิมฮาลาล(ของคุณ)แล้วพาภรรยาและลูกๆ ของคุณไปด้วย!"
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
