* หลายคนใน Gen Y ยังรู้สึกว่าเพิ่งผ่านช่วง “เด็กใหม่ไฟแรง” มาไม่นาน แต่วันนี้เรากลับกลายเป็น “หัวหน้า” ที่ต้องดูแลทีมที่เต็มไปด้วยคน Gen Z รุ่นใหม่ที่เติบโตมาในโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
นี่ไม่ใช่เพียงช่องว่างระหว่างวัย แต่คือการปะทะของ “ระบบปฏิบัติการ” สองเวอร์ชัน ผู้นำ Gen Y จึงต้องอัปเกรดวิธีคิด ภาษาการสื่อสาร และภาวะผู้นำ เพื่อดึงศักยภาพของทีมรุ่นใหม่ให้เต็มที่ โดยไม่สูญเสียความเข้าใจและภราดรภาพที่เคยมีในรุ่นของเราเอง
====
💻 ถอดรหัสระบบปฏิบัติการ Gen Z
1. เป้าหมายชัด & โตเร็ว
* Gen Z ไม่รอเลื่อนตำแหน่งแบบ 3–5 ปี หากองค์กรไม่ตอบโจทย์ พวกเขาพร้อมย้ายทันที พวกเขามองว่า career ควรมีลักษณะเป็นเส้นทางวิ่งที่มี milestone ชัด ไม่ใช่บันไดที่ต้องรอใครเปิดขั้น
* (Deloitte 2024 Gen Z & Millennial Survey: 46% ของ Gen Z จะลาออกหากไม่มีโอกาสเติบโตเร็วพอ – Deloitte)
2. เรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี ไม่ใช่คำสั่ง
* Gen Z เติบโตมากับแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Notion, ChatGPT และ LinkedIn Learning ดังนั้น การเรียนรู้ของพวกเขาเป็นแบบ pull-based ไม่ใช่ push-based
การบริหาร Gen Z ไม่ใช่เรื่องของ “เทคนิคการเป็นหัวหน้า” แต่คือภาพใหญ่ของ Organizational Operating System ที่ต้องเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง ความเชื่อ และวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิม ๆ ให้ทันกับความเร็วและความหวังของคนรุ่นใหม่
* War for Talent: Gen Z ไม่ได้ภักดีต่อองค์กร แต่ภักดีต่อเป้าหมาย → องค์กรต้องมี narrative ที่ชัดเจนว่าเราสร้างอะไร เพื่อใคร และตอบโจทย์ “คุณค่าร่วม” อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น HubSpot ที่ประกาศ Core Value ว่า "Growth With Heart" และออกแบบการเติบโตของพนักงานโดยไม่บังคับให้เดินตามสายอาชีพเดิม แต่ยืดหยุ่นตาม passion ของแต่ละคน
* AI x Human Productivity: Gen Z ใช้ AI เป็นส่วนขยายของความคิด → ผู้นำที่ยังไม่เข้าใจ AI เท่าทีม จะกลายเป็นจุดตายของ Innovation องค์กรชั้นนำเช่น PwC, IBM หรือ SAP จึงจัด bootcamp AI สำหรับหัวหน้าทุกระดับ เพื่อให้เกิด common language และลดช่องว่างระหว่างการใช้งานจริงกับการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์