18 ก.ย. เวลา 11:47 • ข่าวรอบโลก

ทำไมไทยต้องลดดอกเบี้ยตามสหรัฐ ?

โพสต์นี้ เขียนเพราะอึ้ง กับหลายคน
คนเทรดด้วยนะ แต่เหมือนไม่เข้าใจ ว่าทำไม
ถ้าสหรัฐลดแล้ว ไทยต้องลดตามด้วย
ดูจะมีอคติการเมือง และทฤษฎีสมคบคิดนำไปสักหน่อย
ก็เลยอยากเขียนอธิบายกลไกกันสักนิด ว่าทำไมเป็นแบบนั้น
เศรษฐกิจสหรัฐแย่กว่าไทย ทำไมต้องลดตามเขา ?
มีคนพูดแบบนี้ เมื่อดูจากทุนสำรองและหนี้สหรัฐ
ที่เราดูดีกว่าสหรัฐ ก็เลยไม่เห็นความจำเป็น ที่จะต้องลดตาม
บ้างก็ว่า ก็ไม่เห็นต้องลด บาทแข็งก็ดีสิ
ไทยจะได้ซื้อของถูกๆจากต่างประเทศได้
ไม่ก็ว่า ก็ขายทิ้งไปเลยสิ จะได้ไม่ต้องผูกอะไรกับเขาอีก
ก็ว่ากันไป ด้วยความไม่รู้อ่ะนะ…
แต่ความจริงคือ เราต้องลดครับ จำเป็นมากๆด้วย
สิ่งที่คนไทยต้องเข้าใจเลยคือ เงินดอกเบี้ยพันธบัตรไทย
มันคือกำไรจากส่วนต่างของพันธบัตรสหรัฐที่เราถือเป็น
ส่วนมาก แม้ธนาคารกลางเรา จะมีสินทรัพย์อื่นมากก็ตาม
มันก็เลยทำให้ ถ้าสหรัฐลดแล้วเราจะไม่ลดตามไม่ได้
ไม่งั้นรัฐบาลไทยก็อาจมีรายได้น้อยลง และไม่พอจ่ายดอกเบี้ย
และบังเอิญว่า ไอ้ทุนสำรองที่คนไทยภูมิใจนักหนาเนี่ย
เราถือมากที่สุดก็คือตราสารสกุลดอลลาร์ เนื่องจากค่าตอบ
แทนมันสูงกว่าที่อื่น จนไทยไม่สามารถหันไปทางอื่นได้
ก็เลยต้องไปผูกกับเขาอยู่งั้น
ไอ้เรื่องจะขายตราสารดอลลาร์ทิ้งมากๆ ก็ไม่ได้
เหตุผลคือ แท้ที่จริงแล้ว ตราสารเหล่านี้ คือหลักค้ำประกัน
หนี้ของรัฐบาลไทยนั่นเอง
1
…มันเป็นแบบนี้มานานแล้วครับ แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบ
ซึ่งก็แปลกดีเหมือนกัน และไม่ค่อยมีคนพูดซะด้วย….
ทำไมต้องซื้อตราสารดอลลาร์มากที่สุด ?
เรื่องนี้ นักทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่า เพราะสหรัฐบังคับเรา
หรืออะไรที่มากกว่านั้น ซึ่งค่อนข้างเลอะเทอะครับ
แท้ที่จริงแล้ว การที่ไทยต้องซื้อตราสารดอลลาร์
มันมีเหตุผลเดียว คือ รัฐบาลไทยต้องการสร้างหนี้ !
กลไกอธิบายแบบบ้านๆที่สุดนะ
คือ เมื่อรัฐบาลไทยต้องทำงบขาดดุล หรือต้องการระดมทุน
เพื่อจะทำอะไร ก็มักจะออกพันธบัตรขายในประเทศ
เพื่อให้คนไทย โดยเฉพาะที่รวยๆ หรือนิติบุคคลมาซื้อหนี้
ของภาครัฐเหล่านี้
รัฐบาลก็จะเอาเงินบาทที่ชาวบ้านมาซื้อเหล่านี้
ไปซื้อไปลงทุนต่อ เพื่อเอามาค้ำประกันเงินบาทที่จะพิมพ์
เพิ่มออกมาใช้ในระบบของเราในโครงการต่างๆ
รัฐบาลโดยเฉพาะแบงค์ชาติ จำเป็นจะต้องนำเงิน
ส่วนหนึ่งของการระดมทุน หรือเงินเก็บของรัฐ
ไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีกำไรมากกว่าดอกเบี้ยพันธบัตร
ที่รัฐบาลไทยปล่อยออกไป เพื่อนำเงินมาจ่ายดอกเบี้ยนั่นเอง
และด้วยความที่โลกนี้มันมีเงินเฟ้อ ด้วยอายุของพันธบัตร
มันค่อนข้างยาว จึงทำให้เมื่อครบกำหนด รัฐยังได้กำไร
หรืออย่างน้อยก็คือไม่ขาดทุนนั่นเอง
กลไกมันเป็นแบบนี้ครับ เอาแบบบ้านๆนะ
ยังไม่ต้องไปคิดถึงเงินเฟ้อ ที่เอามาพิจารณาให้ปวดหัวหรอก
แต่คำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับบางคน ก็คือว่า
…มีสินทรัพย์ตั้งมากมาย ทั้งทอง และสกุลเงินอื่น
แล้วทำไมต้องเป็นดอลลาร์ ?….
เรื่องนี้คำตอบง่ายๆ ก็คือกำไรหรือดอกเบี้ยจากดอลลาร์
มันสูงที่สุดน่ะสิครับ ประเทศต่างๆ ก็เลยยินดีซื้อเอาไว้
เพื่อจะได้ไปพิมพ์เงินตัวเองออกมาปั๊มระบบได้
ลองเทียบดูก็ได้ครับ
สหรัฐล่าสุดมันปรับลดลงมาเหลือ 4% ทดไว้เทียบนะครับ
สหภาพยุโรป ตอนนี้ 2.15
ญี่ปุ่น 0.5
ส่วนจีน ขวัญใจมหาชน อยู่ที่ 3%
ซึ่งก็คาดกันว่า ทั้งหมดน่าจะปรับลดตามสหรัฐเช่นกัน
จะเห็นชัดนะครับ ว่าที่ไทยเอาเงินไปลงทุนกินดอกเบี้ย
ในชาติใหญ่ที่มั่นคง สหรัฐให้ผลประโยชน์ดีทีสุด
ของเราให้คนซื้อปัจจุบัน 1.75 หรือก็คือ รัฐต้องจ่ายดอกเบี้ย
1.75% แต่เพราะสหรัฐมันให้ 4% ทำให้ธนาคารกลางไทย
มีกำไรจากส่วนนี้อยู่ถึง 2% กว่าๆทีเดียว
ซึ่งไอ้ 2% เนี่ยเข้ารัฐ เพราะเกินมาจากดอกเบี้ยชาวบ้านอีก
ในขณะที่ ถ้าสมมุติไปซื้อตราสารสกุลหยวน รัฐจะกำไร
แค่ 1.25 % มันต่างกับดอลลาร์มากทีเดียวแหละ
เห็นไหมครับ ว่าเพราะมันกำไรที่สุด ในบรรดาพันธบัตร
ชาติใหญ่ มันจึงไม่แปลกอะไรที่ทั่วโลกซื้อกัน
ไม่ใช่มีใครไปบังคับอะไรหรอก
จะขายก็ได้ แต่จะเอาที่ไปไหนมาจ่ายดอกชาวบ้านกันล่ะ ?
และนั่นก็คือสาเหตุที่ไม่มีใครขายมากๆได้
เพราะการขายมากๆ ก็ยิ่งทำให้ราคามันตกลงไปอีก
ซึ่งมันไม่คุ้ม แม้แต่จีนทุกวันนี้ ปากบอกไม่เอา
แต่จริงๆพวกเขาก็ยังถือมากนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ถือตรงๆ
แต่ฝากถือไว้กับธนาคารยุโรปนั่นเอง
ส่วนทองคำนั้น เป็นสินทรัพย์ที่มีการสวิงสูง
ส่วนมากจะผิดหลักเกณฑ์ของธนาคารกลางต่างๆ
ที่ห้ามลงทุนความเสี่ยงสูง
ธนาคารกลางซื้อสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงได้ แต่มีข้อจำกัด
ต่างจากพันธบัตรเกรดเอ ที่การรันตีดอกเบี้ยแน่นอน
ส่วนมาก จึงไม่ได้ถือกันมากนักในพอร์ตตัวเอง
จะมีก็ประเทศที่โดนคว่ำบาตรนั่นแหละ ที่จะถือทองคำ
มากๆ ในพอร์ตของธนาคารกลาง
…ซึ่งเสี่ยงมากนะ เวลาลงมันลงแรงจริงๆ ….
ยิ่งปัจจุบันทองแพงมากอยู่แล้ว การเข้าซื้อในปัจจุบันก็ยิ่ง
มีความเสี่ยงมาก เพราะต้องไม่ลืมว่าทองมันก็มีขาลงเช่นกัน
เช่น ในช่วงปี 2010 ทองลดลงอย่างรุนแรง สิ่งนี้
ไม่มีใครรับประกันว่ามันจะไม่เกิดอีก
จริงอยู่ ทองจะขึ้นได้เรื่อยๆ แต่การบริหารความเสี่ยง
ในช่วงเวลาที่ถือครองนั้น ก็ยากมากกว่าพันธบัตรนั่นเอง…
ผมพยามหลีกเลี่ยงตัวเลข ศัพท์เทคนิคนะครับ
จะได้เข้าใจกันง่ายที่สุด เพราะจริงๆมันก็ไม่ได้ซับซ้อน
ง่ายๆ …
ประเทศ ก็คล้ายคนหรือนิติบุคคลนั่นแหละครับ
คนเราทุกคนย่อมต้องมีการลงทุนส่วนมากในสินทรัพย์
ที่ความเสี่ยงต่ำแบบไหน ประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน
คนเราอาจใช้เงินจำนวนมาก ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
ซึ่งแม้จะกำไรน้อยมาก แต่ก็ความเสี่ยงต่ำ ได้คืนแน่นอน
เงินเหลือนั่นแหละ เราถึงจะเอาไปเล่นกับของความเสี่ยงสูงได้
กับประเทศหรือองค์กรขนาดใหญ่ หรือแม้แต่รายย่อยที่เข้าถึง
พันธบัตรรัฐบาลต่างๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะประกัน
ความเสี่ยงของตัวเองได้ แม้ผลตอบแทนจะน้อยก็ตาม
เศรษฐีไทยเอง ก็นิยมซื้อพันธบัตรไทยด้วยเหตุผลนี้เหมือนกัน
มันไม่มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น สำหรับประเทศไทย
และที่อื่นๆ ที่ยังถือครองพันธบัตรสหรัฐกันมากที่สุด
ใช่ เศรษฐกิจสหรัฐ มันไม่ใช่ว่าจะดี หรือจะเชื่อว่ามัน
ไม่อิงกับทองคำอะไรก็แล้วแต่
แต่ตราบใดที่โลกยังใช้มันมากที่สุดกับสินค้าผูกขาดของเขาและสหรัฐก็จ่ายแน่นอนมาตลอด จึงไม่มีเหตุผลที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จะเสี่ยงกับอะไรที่มันขาดความแน่นอน
โดยเฉพาะเมื่อรัฐของที่ใดจะสร้างหนึ้ แล้วหาสิ่งค้ำประกัน
กรณีไทยนั้น การมีทุนสำรองมากเท่าไหร่
มันก็ยิ่งสะท้อนว่าเราสร้างหนี้กับชาวบ้านไปเท่าไหร่แล้วเช่นกัน
แน่นอน มันไม่ได้แสดงถึงสภาพเศรษฐกิจว่าแข็งแกร่ง
แต่มันเพียงแสดงว่า ภาคการเงินแข็งแกร่ง จ่ายหนี้ได้แน่นอน
ก็เพียงเท่านั้นเอง
และจะขายก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่บอกมาแล้วทั้งหมด
นอกเสียจากว่าจะมีทางเลือกที่ดีกว่า
เงิน ไหลหาอะไรที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด
ในความเสี่ยงที่น้อยที่สุดเสมอ สมการนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
และจะยังคงอยู่ตลอดไป
คนไทยที่อยากให้ไทยไปถือหยวน ไม่ต้องคิดมาก
หาทฤษฎีสมคบคิดอะไรมารองรับหรอก
…ลองสิ ถ้าดอกเบี้ยจีนสูงเท่ากันหรือมากกว่าสหรัฐ…
…ไทยไม่รีบวิ่งไปซื้อ ผมให้เหยียบเลย…
…เรื่องมันก็แค่นี้แหละครับ ไม่ซับซ้อนอะไรขนาดนั่นหรอก…
สุดท้ายพูดถึงดอลลาร์นิดนึง
มีคนพูดมากว่าอัตราส่วนการใช้มันน้อยลงมาก
ระดับหลายสิบเปอร์เซ็นต์
อันนี้ค่อนข้างผิดพลาดนะครับ
คือมันน้อยลงเป็นสัดส่วนหากคิดตามมูลค่า เนื่องจาก
ในพอร์ตของหลายชาติ ทองมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 90%
แต่หากดูปริมาณแล้ว ทองคำไม่ได้ถูกซื้อมากมากว่าปกตินัก
คือเพิ่มขึ้นราวๆ 3% ของปริมาณเท่านั้นเอง
และอัตราส่วนปริมาณพันธบัตรดอลลาร์ มันก็ไม่ได้น้อยลง
ที่จริงตรงข้ามด้วยซ้ำ มันมีความต้องการมากขึ้น
เพราะหลายชาติ ก็ออกเงินกู้เหมือนเรา
…ดังนั้น ดอลลาร์จะอยู่กับเราไปอีกนาน ไม่ใช่แบบที่ไซโคกัน
จนเลอะเทอะหรอก …
และถ้ามันพัง ก็พังกันทั้งโลกครับ สบายใจได้ มีเพื่อนเจ๊งเยอะ
…แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณอายุมากกว่า 30 ปี คุณจะไม่ได้อยู่เห็น
วันที่ดอลลาร์มันล่มสลายอย่างแน่นอน…..
…นอกจากจะเฝ้ามองตอนเป็นวิญญาณอ่ะนะ …
แล้วไอ้คนที่ว่าจะอยู่ถึง 150 ปีอะไรนั่น….
…ก็คงไม่ได้เห็นเหมือนกันนั่นแหละ…
…แล้วจะตายตาหลับไหมนั่น อิอิ 😜….
โฆษณา