19 ก.ย. เวลา 11:45 • ไลฟ์สไตล์

"วันสารทไทย" หรือ สารทเดือนสิบ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงบรรพบุรุษ

"วันสารทไทย" หรือ สารทเดือนสิบ พร้อมย้อนประวัติความเป็นมา ประเพณีทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลถึงบรรพบุรุษ
วันสารทไทย หรือ วันสารทเดือนสิบ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 เป็นประเพณีสำคัญของไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยจัดขึ้นเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568
ความหมายของ “สารทไทย”
พระยาอนุมานราชธน ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือเทศกาลและประเพณีไทยว่า "สารท" เป็นคำอินเดีย หมายถึง "ฤดู ฤดูกาล" ซึ่งเป็นช่วงที่พืชพรรณและผลไม้เริ่มสุกให้พืชผลครั้งแรกในฤดู ในพจนานุกรมไทย
วันสารทไทย ประเพณีบุญเดือนสิบ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงบรรพบุรุษ
"สารท" มีความหมายว่า เทศกาลทำบุญในวันสิ้นเดือน 10 โดยชาวบ้านจะนำพืชพรรณธัญญาหารแรกเก็บเกี่ยวมาปรุงเป็นข้าวทิพย์ และข้าวมธุปายาสถวายแด่พระสงฆ์ ซึ่งมักจะตรงกับช่วงปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคม
ที่มาวันสารทไทย
วันสารทไทย ปรากฎหลักฐานในหนังสือนางนพมาศ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยสมัยนั้นศาสนาพราหมณ์เผยแพร่เข้ามาในประเทศไทยแล้ว จึงมีการรับประเพณีวันสารทมาด้วย ดังปรากฏหลักฐานในพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “หนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน”
ซึ่งเป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช ที่กล่าวถึงความเชื่อว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วนั้น หากทำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมาน จึงต้องอาศัยผลบุญที่ลูกหลานได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทุกปี ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ประตูยมโลกจะเปิด เปรตจะถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์ เพื่อมาขอส่วนบุญจากญาติพี่น้อง และจะกลับไปนรกในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 จึงเป็นช่วงเวลาที่ญาติจะนำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ และยังเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแต่ละภาคมีชื่อเรียกบุญสาทเดือนสิบ หรือ สารทไทยที่แตกต่างกันไปดังนี้
- ภาคกลาง เรียกว่า "สารทไทย"
- ภาคเหนือ เรียก "งานทานสลากภัต" หรือ "ตานก๋วยสลาก"
- ภาคอีสาน เรียก "ทำบุญข้าวสาก"
- ภาคใต้ เรียก "งานบุญเดือนสิบ" หรือ "ประเพณีชิงเปรต"
- ภาคกลาง เรียกว่า "สารทไทย"
เมื่อใกล้ถึงวันสารท ชาวบ้านจะรวมตัวกันเพื่อทำ “กระยาสารท” ไปใส่บาตร และแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน ในวันสารท ชาวบ้านจะเตรียมอาหารไปทำบุญกรวดน้ำที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศล และฟังธรรมเทศนา
ภาคเหนือ เรียก "งานทานสลากภัต" หรือ "ตานก๋วยสลาก"
นอกจากนี้แล้วยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตานสลาก กิ๋นข้าวสลาก กิ๋นก๋วยสลาก หรือกิ๋นสลาก โดยคำว่า "ก๋วย" แปลว่า ตะกร้า หรือชะลอม ส่วน "สลากภัต" หมายถึงอาหารที่ถวายพระตามสลาก นับเข้าเป็นเครื่องสังฆทาน ก่อนจะถึงวันตานก๋วยสลาก 1 วัน จะเรียกว่า "วันดา" หรือวันสุกดิบ ชาวบ้านจะจัดเตรียมข้าวของ และอาหารสำรับที่จะนำมาจัดดาใส่ก๋วยสลาก โดยก๋วยสลากจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
1. ก๋วยน้อย สำหรับที่จะถวายทานไปให้กับผู้ที่ล่วงลับ ทั้งญาติ เพื่อนพ้อง หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่เราเคยรัก และมีคุณต่อเราเมื่อครั้งยังมีชีวิต
2. ก๋วยใหญ่ จัดทำขึ้นใหญ่เป็นพิเศษ บรรจุข้าวของได้มากขึ้น ถวายเป็นมหากุศลสำหรับคนที่มีกำลังศรัทธา และฐานะดี เป็นปัจจัยที่นับว่าได้กุศลแรง
ภาคอีสาน เรียก "ทำบุญข้าวสาก"
ก่อนจะถึงวันทำบุญ ชาวบ้านจะเตรียมอาหารที่ห่อด้วยใบตอง โดยแบ่งเป็น 2 ห่อ ห่อแรก คือ หมาก พลู และบุหรี่ ห่อที่สอง คือ อาหารคาวหวาน ประกอบด้วย ข้าวเหนียว เนื้อปลา เนื้อไก่ หมู และของหวานคือ กล้วย น้อยหน่า ฝรั่ง แตงโม สับปะรด ฟักทอง เมื่อถึงวันทำบุญข้าวสาก ในช่วงเช้าจะมีการนำอาหารไปถวายพระสงฆ์ก่อนหนึ่งครั้ง
หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลา 09.00 – 10.00 น. พระสงฆ์จะตีกลองเป็นสัญญาณ ญาติโยมจึงนำอาหารมาถวาย โดยการถวายจะใช้วิธีจับสลาก เมื่อชาวบ้านมาพร้อมกันแล้ว ผู้ที่เป็นหัวหน้าจะกล่าวนำคำถวายสลากภัตตาหาร แล้วนำไปให้พระเณรจับสลาก หากจับได้สลากของใคร ผู้เป็นเจ้าของสำรับกับข้าว และเครื่องปัจจัย ก็จะนำไปประเคนให้พระรูปนั้น ๆ จากนั้นจะเริ่มกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
ภาคใต้ เรียก "งานบุญเดือนสิบ" หรือ "ประเพณีชิงเปรต"
ชาวบ้านจะนำอาหารหวานคาว พร้อมขนมเดือนสิบไปทำบุญที่วัด พร้อมทั้งให้พระสงฆ์ได้บังสุกุลอัฐิส่งส่วนบุญส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้
หลังจากนั้น นำเครื่องเซ่นไหว้ตั้งที่ร้านเปรต (สถานที่ตั้งอาหารเป็นร้านสูงพอสมควร) เพื่อให้ดวงวิญญาณมากินเครื่องเซ่นไหว้ ต่อมา ชาวบ้านที่มาทำบุญ จะแย่งชิงสิ่งของที่ตั้งไว้ที่ร้านเปรต เพราะมีความเชื่อว่า ใครได้กินของเหลือจากที่เปรตกิน จะเป็นมงคลกับตัวเอง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำสืบต่อกันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษเลยทีเดียว
แม้ว่าชื่อประเพณี และพิธีกรรมของแต่ละภาคจะแตกต่างกันออกไป แต่มีจุดประสงค์เดียวกันในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว
ขนมและอาหารที่ใช้ในวัน สารทไทย
ขนมข้าวยาคู
- กระยาสารท เป็นขนมที่ทำจากข้าวคั่ว ถั่ว งา และน้ำตาล เป็นขนมประจำเทศกาลที่ชาวบ้านจะทำขึ้นเพื่อนำไปใส่บาตรและแจกจ่าย
- ข้าวมธุปายาส เป็นข้าวที่ต้มโดยผสมกับน้ำนมและน้ำผึ้ง
- ขนมข้าวทิพย์ เป็นขนมที่เกิดจากการพยายามจะทำข้าวมธุปายาสหรือมีข้าวมธุปายาสเป็นแรงบันดาลใจ แต่ขนมข้าวทิพย์จะใส่วัตถุดิบหลายอย่างนอกจากข้าว นม และน้ำผึ้ง เช่น มะพร้าว งา ถั่ว ข้าวตอก
- อาหารคาวหวาน
ผลไม้ อาทิ กล้วย น้อยหน่า ฝรั่ง แตงโม สับปะรด ฟักทอง อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
สารทเดือนสิบ ทำอะไรบ้าง
ก่อนถึงวันประชาชนจะร่วมกันจัดเตรียมอาหาร เช่น กระยาสารท ข้าวทิพย์ ฯ ซึ่งเป็นการร่วมแรงร่วมใจกัน และแสดงออกซึ่งความสามัคคี โดยในวันสารทจะทำบุญตักบาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณบรรพบุรุษ เข้าวัดฟังธรรม ฟังเทศนาเพื่อขัดเกลาให้จิตใจบริสุทธิ์ ปฏิบัติรักษาศีล
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/news/257318
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา